xs
xsm
sm
md
lg

“โตชิบา” เพิ่มงบตลาดกรำศึก-ศก.แย่ หั่นราคาไฟท์ติ้งโมเดล 15% สู้เกาหลี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



ผู้จัดการรายวัน 360 -โตชิบาเชื่อมั่นประเทศไทย GDP ปีนี้ยังเติบโต นโยบายกระตุ้นจากภาครัฐในไตรมาสแรกช่วยการจับจ่าย ส่งผลตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านมูลค่า 83,000 ล้าน ปีนี้คาดโต 5% โตชิบาเดินเกมบุกต่อเนื่อง อัดงบตลาดเป็น 14% ของยอดขาย ย้ำภาพแบรนด์ญี่ปุ่น เจาะ Mid to High ส่งสินค้าใหม่ 53 รุ่นลุย ปรับราคาไฟร์ทติ้งโมเดลลง 10-15% สู้แบรนด์เกาหลี ดันยอดขายรวมปีนี้โตอีก 25% มั่นใจหากรักษาการเติบโตต่อเนื่องที่ 15% ขึ้นไป ไม่เกิน 3 ปีนั่งบัลลังก์เบอร์ 1 เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านแน่นอน


นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด เปิดเผยว่า ปีนี้จะเป็นอีกปีที่เราต้องเผชิญกับความท้าทายจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย แต่บริษัทยังคงมุ่งมั่น ‘นำสิ่งที่ดีสู่ชีวิต’ ให้กับคนไทย ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมใหม่ๆ มาตรฐานประเทศญี่ปุ่น เพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการของใช้งานของทุกคน เพิ่มความสะดวกสบาย เสริมสร้างสุขภาพที่ดี และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โตชิบา ไทยแลนด์ มุ่งมั่นที่จะเติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมกับส่งเสริมคู่ค้าและดีลเลอร์ให้เติบโตไปด้วยกัน และที่ขาดไม่ได้ คือการตอบแทนสังคม ด้วยกิจกรรมเพื่อสังคมต่างๆ เพื่อที่โตชิบา ไทยแลนด์จะได้เติบโตอย่างยั่งยืนไปด้วยกันกับสังคมไทย

“ปีนี้โตชิบาเชื่อมั่นในประเทศไทยว่ายังคงเติบโต และโตชิบาก็จะเติบโตเช่นกัน และเป็นการเติบโตมากกว่า GDP ของประเทศ ซึ่งนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐในช่วงต้นปีนี้ มองว่าจะช่วยเพิ่มการจับจ่ายได้ อย่างไรก็ตามตลอด 50 กว่าปีที่ผ่านมาโตชิบาเป็นแบรนด์ญี่ปุ่นที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในไทย และปีนี้เป็นอีกปีที่จะตอกย้ำภาพลักษณ์โตชิบา ว่าเป็นแบรนด์สัญชาติญี่ปุ่น ซึ่งปัจจุบันมีไลน์อัพสินค้าคลุมคลุมทุกกลุ่ม พร้อมมุ่งทำตลาด Mid to High มากขึ้น มั่นใจว่าโตชิบาจะก้าวขึ้นเป็นอันดับ 1 ในตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านได้ในอนาคต”


ด้านนายอเล็กซ์ มา รองประธานบริษัท บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด กล่าวว่า ปี 2568 นี้ บริษัทตั้งเป้ายอดขายเติบโต 25% สู่เป้าหมายการเป็นแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน อันดับ 1 ในประเทศไทยให้ได้ภายใน 3 ปี หากรักษาอัตราการเติบโตมากกว่า 15% ได้ต่อเนื่อง โดยปีนี้มีแผนเปิดตัวสินค้าใหม่มากถึง 53 รุ่น เน้นเจาะกลุ่ม Mid to High ที่ให้ความสำคัญเรื่องดีไซน์ และคุณสมบัติสินค้ามากขึ้น รวมถึงกลยุทธ์การปรับลดราคาสินค้าตัวไฟร์ทติ้งโมเดลลงมา 10-15% เพื่อแข่งขันกับตลาดและแบรนด์เกาหลีได้ เช่น ตู้เย็น 2 ประตู และสินค้าอีก 2-3 ตัวหลังจากนี้

ส่วนแผนขยายช่องทางการจัดจำหน่ายนั้น จะเพิ่มอีกกว่า 500 แห่ง เน้นขยายจุดวางสินค้ากลุ่มไฮเอนด์ รวมถึงปรับโฉมร้านค้าให้ดูสวย ทันสมัย เพิ่ม Experience Store เน้นโชว์สินค้ากลุ่ม Smart Solution ให้ผู้บริโภคได้มีประสบการณ์ใช้งาน ณ จุดขาย และเพิ่มจำนวนและพัฒนาคุณภาพพนักงานขายหน้าร้าน เพื่อช่วยเหลือลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการได้อย่างรวดเร็ว ทั่วถึง

ส่วนแผนการตลาด ปีนี้จะใช้งบการตลาดคิดเป็น 14% ของยอดขาย จากปกติใช้เพียง 10-12% เท่านั้น ซึ่งจะมีการทำการตลาดแบบ 360 องศา ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ที่สำคัญปีนี้ยังมีการอัพเกรดแบรนด์แอมบาสเดอร์เป็นระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดย “ทาคาชิ โซริมาจิ” พระเอก นักแสดงชื่อดังชาวญี่ปุ่น เพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์โตชิบา ว่าเป็นแบรนด์สัญชาติญี่ปุ่น สอดรับกับเทรนด์ญี่ปุ่นที่กำลังมา ในเรื่องของความเป็นมินิมอล ดีไซน์ เรียบง่าย แต่มีคุณภาพ และใช้งานได้จริง


รวมถึงการบริการ ปีนี้มีแผนเพิ่มช่องทางพิเศษสำหรับสินค้ากลุ่มไฮเอนด์ เพิ่มรถโมบายเซอร์วิส อำนวยความสะดวกให้ลูกค้า เพิ่มทีมการให้บริการถึงบ้าน รวมไปถึงการขยายจำนวนศูนย์บริการ และการปรับภาพลักษณ์ศูนย์บริการพรีเมียม และงานบริการให้สะดวกรวดเร็วมากขึ้น

ที่สำคัญปี 2568 นี้ โตชิบามีแผนขยายสินค้าใหม่มากถึง 53 รุ่น ได้แก่ 1.ตู้เย็น 11 รุ่น พัฒนาคุณสมบัติใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น อาทิ ตู้เย็นประตูเดียว จะมีระบบละลายน้ำแข็งอัตโนมัติ เหมือนตู้เย็น 2 ประตู ในขณะที่ตู้เย็น 2 ประตู ขนาดกลาง จะทำน้ำแข็งอัตโนมัติได้ตั้งแต่ขนาดความจุ 14 คิว และตู้เย็นไซส์บายไซส์ และตู้เย็น 4 ประตูรุ่นใหม่ จะมีความจุมากที่สุดในตลาด ด้วยความจุ 700 ลิตร หรือ 25 คิว มาพร้อมเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด Pure Air Turbo ที่กำจัดกลิ่นได้เร็วกว่าเดิมถึง 3 เท่า มีระบบทำน้ำแข็งอัตโนมัติ เก็บน้ำแข็งได้มากถึง 4 กิโลกรัม ที่สะอาดและไม่มีกลิ่น เพราะภายในตู้เย็น จะมีระบบตัวกรอง ช่วยลดกลิ่นปะปนภายในเครื่อง


2.เครื่องซักผ้า 19 รุ่น ตั้งเป้าเติบโต 20% โดยการเพิ่มไลน์อัพเครื่องซักผ้าฝาบน ความจุ 18-19 กิโลกรัม อัพสเปกเพิ่มคุณสมบัติเด่น Aroma+ ที่ช่วยให้ผ้าหอมนานกว่าเดิม 2 เท่า เพิ่ม Steam Wash ระบบพ่นไอน้ำเพื่อยับยั้งเชื้อโรคต่างๆ ก่อนซัก เช่น เครื่องซักผ้าฝาหน้า รุ่น TW-T37BZP115MWT(WT) ความจุ 10.5 กิโลกรัมโดดเด่นเรื่องพลังฟองนาโน Ultra Fine Bubble Pro สร้างฟองที่ละเอียดและเล็กกว่าเดิม ช่วยขจัดคราบได้ดียิ่งขึ้น พลังน้ำ 5 รูปแบบ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการซัก ถนอมเนื้อผ้า ประหยัดน้ำและไฟ และมี Aroma+ กดเพียงครั้งเดียวเพื่อล็อคกลิ่นและความสดชื่น เพื่อผ้าหอมขึ้นและนานกว่า

3.เครื่องครัว 23 รุ่น ทั้งหม้อหุงข้าว ไมโครเวฟ เครื่องทำน้ำอุ่น เครื่องทำน้ำร้อน เครื่องกรองน้ำ และพัดลม โดยเครื่องทำน้ำอุ่นและเครื่องทำน้ำร้อน เป็นรุ่นใหม่ในซีรีส์ SensTemp มีความปลอดภัยสูง ตัวแทงค์เป็นทองแดง ทนทาน นำความร้อนได้ดี ป้องกันการเกิดตะกรัน ติดตั้งเซนเซอร์ที่วาล์วน้ำเข้าตรวจจับอุณหภูมิระบบจะคำนวณค่าพลังงานที่เหมาะสม เพื่อปรับกำลังความร้อนให้เหมาะสม ทำให้มั่นใจอาบน้ำได้อุ่นสบาย ส่วนพัดลม จะเป็นแบบสไลด์ 5 ใบพัด ที่ออกแบบดีไซน์ไซโคลน กระจายลมอย่างทรงพลังไกลถึง 12 เมตร ปรับความแรงได้ถึง 4 ระดับ มอเตอร์ลูกปืน อายุการใช้งานทนทาน มีให้เลือก 3 สี คือ สีเทา สีเบจ และสีฟ้าเขียว


สำหรับเป้าหมายการเป็นเบอร์ 1 ของตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านนั้น สินค้า 5 กลุ่มหลักก็จะต้องขึ้นเป็นเบอร์ 1 ด้วยเช่นกัน ซึ่งในปี 2567 ที่ผ่านมา พบว่า 1.ตู้เย็น เติบโต 20% มีแชร์เป็นที่ 2 ของตลาด ด้วยส่วนแบ่ง 15.9% 2.เครื่องซักผ้า เติบโต 39% มีแชร์เป็นที่ 3 ของตลาด ด้วยส่วนแบ่ง 11.1% 3.เตาอบไมโครเวฟ เติบโต 21% มีแชร์เป็นที่ 1 ของตลาด ด้วยส่วนแบ่ง 29% 4.หม้อหุงข้าวและเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก เติบโต 10% ซึ่งหม้อหุงข้าว มีแชร์เป็นที่ 2 ของตลาด ด้วยส่วนแบ่ง 9% 5.เครื่องทำน้ำอุ่นทรงตัว มีแชร์เป็นที่ 6 ของตลาด ด้วยส่วนแบ่ง 7% และเครื่องปรับอากาศ เติบโต 82% เพราะสัดส่วนการขายไม่มาก

ขณะที่ภาพรวมตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน (รวมตู้เย็น เครื่องซักผ้า เครื่องปรับอากาศ และเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านขนาดเล็ก ไม่รวมทีวี) ปี 2568 นี้ คาดว่าจะโต 5% มากกว่า GDP โดยในปี 2567 ที่ผ่านมา มีมูลค่า 83,000 ล้านบาท เติบโตจากปี 2566 ราว 9% ซึ่งในแง่จำนวนรวมมี 21 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้น 4% แบ่งเป็น 1.สินค้าชิ้นใหญ่ประกอบด้วย ตู้เย็น เครื่องซักผ้า และเครื่องปรับอากาศ มีมูลค่าตลาดรวม 65,000 ล้านบาท เติบโต 11% คิดเป็น 5.6 ล้านเครื่อง เติบโต 8% 2.สินค้าขนาดเล็ก อาทิ หม้อหุงข้าว ไมโครเวฟ เครื่องทำน้ำอุ่น พัดลม เป็นต้น มีมูลค่าตลาดรวม 18,000 ล้านบาท ตลาดทรงตัว กับจำนวนรวมที่ 15.4 ล้านเครื่อง เติบโต 3% อย่างไรก็ตามสินค้าชิ้นเล็กไม่เติบโตตามคาด เนื่องจากสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย ประกอบกับกำลังซื้อผู้บริโภคลดลง.
















กำลังโหลดความคิดเห็น