กรมสรรพากรโชว์เก็บภาษี Q1/68 เกินเป้า 3.9 พันล้านบาท จากภาษีมูลค่าเพิ่ม วางแผนขยายฐานภาษีมูลค่าเพิ่มเฉลี่ย 5 พันล้านบาทต่อเดือน คาดทั้งปีจัดเก็บได้ตามเป้าหมาย พร้อมเร่งต่ออายุกองทุนรวมเพื่อการออมระยะยาว (SSF) หวังนักลงทุนสถาบันช่วยพยุงตลาดหุ้นไทย พร้อมจับมือกรมบัญชีกลางอำนวยความสะดวกผู้รับบำเหน็จบำนาญ ยื่นแบบภาษี ภ.ง.ด.90/91
นายปิ่นสาย สุรัสวดี อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า ในปี 2568 กรมสรรพากรมีเป้าจัดเก็บรายได้ 2.37 ล้านล้านบาท (เพิ่มจากปีก่อน 5%) ล่าสุดจัดเก็บรายได้ไตรมาสแรกปี 2568 อยู่ที่ระดับ 4.7 แสนล้านบาท เกินเป้า 3.9 พันล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมาเน้นพัฒนาฐานภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นหลัก ส่วนการจัดเก็บภาษีนำเข้ายังคงเป็นลบเดือนละ 2 พันล้านบาท แต่ในช่วงไตรมาสที่ 2/2568 จะเน้นพัฒนาการจัดเก็บภาษีบุคคลธรรมดา สำหรับพ่อค้าแม่ค้าซื้อมาขายไป และไตรมาสที่ 3/2568 จะพัฒนาภาษีนิติบุคคลโดยวิเคราะห์ความเหมาะสมในการเสียภาษี เนื่องจากบริษัทมีทั้งกำไรและบางบริษัทขาดทุนสะสม ก็ต้องเจาะลึกในรายละเอียดต่างๆ โดยใช้เทคโนโลยี AI มากขึ้น
“ที่ผ่านมา ภาษีพระเอกของกรมสรรพากรคือ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งได้วางเป้าหมายให้จัดเก็บได้เพิ่ม เดือนละ 5 พันล้านบาท โดยต้องเพิ่มความรู้แก่ประชาชน ภาคธุรกิจเพื่อขยายฐานภาษีให้มากขึ้น เนื่องจากยังพบว่ายังมีภาคธุรกิจที่ไม่ได้เข้าระบบภาษีเป็นจำนวนมาก ส่วนจะมีการพิจารณาเพิ่มอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มให้สูงขึ้นหรือไม่นั้น ทางกรมสรรพากรยังไม่ได้พิจารณาเรื่องนี้ ยังคงเน้นขยายฐานผู้เสียภาษีเป็นหลักก่อน”
ส่วนเรื่องที่รัฐบาลมีแนวคิดใช้คริปโตในการซื้อสินค้าและบริการ โดยทดลองใช้ในจังหวัดภูเก็ต ซึ่งจะมีการจัดเก็บภาษีคริปโตหรือไม่นั้น นายปิ่นสาย ชี้แจงว่า ก่อนจะจัดเก็บภาษีนั้น จะต้องมีการหารือทางธุรกิจให้จบก่อน เช่น ในจังหวัดภูเก็ต หน่วยงานที่กำกับดูแลทั้งธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงาน ก.ล.ต. ต้องหารือให้ชัดเจน หลังจากนั้นทางกรมสรรพากรจึงจะเข้าไปประกบเรื่องภาษีคริปโต ซึ่งเข้าใจว่าในฝั่งของภาคธุรกิจน่าจะเริ่มรันระบบแล้ว แต่กระบวนการยังไม่ถึงขั้นตอนการหารือกับกรมสรรพากร
“ภาคธุรกิจเขาต้องคุยให้จบก่อนกับทางจังหวัดภูเก็ต แบงก์ชาติ และสำนักงาน ก.ล.ต.เมื่อจบในฝั่งนั้นแล้ว ทางกรมสรรพากรจึงจะเข้าไปประกบต่อได้ เพื่อเจาะรายละเอียดว่ามีภาษีอะไรบ้างที่ต้องเสียหรือไม่เสียภาษี และมีอะไรจะให้สิทธิพิเศษ”
นายปิ่นสาย ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของภาษีที่สนับสนุนตลาดทุนไทยนั้น ที่ผ่านมา ได้ช่วยยกเว้นภาษีเพื่อสนับสนุนการลงทุนในตลาดหุ้นไทยอยู่แล้ว ซึ่งกองทุนรวมเพื่อการออมระยะยาว (Super Savings Funds: SSF) อยู่ระหว่างศึกษารายละเอียดเพื่อพิจารณาการต่ออายุ
“ผมยอมรับว่ากองทุน SSF กำลังดูอยู่ว่ามีความจำเป็นต้องต่ออายุอย่างไร เพราะหากเลิกกองทุนพวกนี้ มักจะเกิดการเทขายหุ้นทางเทคนิค ต้องดูให้เกิดการซื้อกลับเข้าไป หากเป็นผู้ลงทุนสถาบัน จะช่วยพยุงให้ตลาดหุ้นมันเสถียรมากขึ้น ซึ่งกองทุน SSF มีเกณฑ์การถือครอง 10 ปี มีวัตถุประสงค์การลงทุนต่างกับกองทุน ThaiESG เน้นสะสมการออมทรัพย์เพื่อการเกษียณ”