xs
xsm
sm
md
lg

CGSI มอง SET ม.ค.68 ถูกกดดันจาก LTF-นโยบาย "ทรัมป์" คงเป้า Index สิ้นปี 1,630 จุด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) (CGSI) ระบุในบทวิเคราะห์ว่าตลาดหุ้นไทยช่วงเดือน ม.ค.68 ยังถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับการขายคืนหน่วยลงทุนของกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ช่วง 100 วันแรกหลังเข้ารับตำแหน่ง ซึ่งจะเริ่มต้นในวันที่ 20 ม.ค.68 นี้

กองทุน LTF มีมูลค่าคงเหลือ 2.3 แสนล้านบาทในสิ้นเดือน พ.ย.67 และผู้ที่ซื้อหน่วยลงทุน LTF ในปี 62 ที่สามารถขายคืนหน่วยลงทุนโดยไม่ต้องคืนภาษีได้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.68 เป็นต้นไป ซึ่งฝ่ายวิเคราะห์ CGSI ประมาณการว่าอาจมีการขายคืนหน่วยลงทุน LTF มูลค่าราว 1 หมื่นล้านบาทในเดือน ม.ค.นี้

ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI ระบุว่า นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทยมูลค่ารวม 1.48 แสนล้านบาทในปี 67 หลังจากขายสุทธิไป 1.92 แสนล้านบาทในปี 66 และแม้จะเชื่อว่านักลงทุนต่างชาติส่วนใหญ่ลดน้ำหนักการลงทุน (Underweight) ในตลาดหุ้นไทย หลังมีการเทขายหุ้นอย่างหนักช่วง 2 ปีที่ผ่านมา แต่เชื่อว่านักลงทุนกลุ่มนี้น่าจะยังไม่กลับมาลงทุนในไทย เนื่องจากมีความไม่แน่นอนจากนโยบายการค้าของทรัมป์ ที่อาจส่งผลกระทบต่อตลาดเกิดใหม่ (emerging markets) ซึ่งรวมถึงไทย ที่มีเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ ค่อนข้างสูง

ทั้งนี้ ไทยเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ 3.2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐในช่วง 11 เดือนของปี 67 เทียบกับ 2.7 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐในช่วง 11 เดือนของปี 66 อย่างไรก็ตาม เรามองว่าไทยอาจไม่อยู่ในเป้าหมายหลักที่สหรัฐฯ เตรียมจะปรับขึ้นภาษีนำเข้า เนื่องจากข้อมูลของ Worldpopulationreview.com แสดงให้เห็นว่าไทยเกินดุลการค้าสหรัฐฯ น้อยกว่าจีน เม็กซิโก และเวียดนาม

ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI มองว่า มาตรการของรัฐบาลไทยจะช่วยลดผลกระทบจากปัจจัยลบภายนอก โดยรัฐบาลไทยมีแผนจะแจกเงิน 10,000 บาทให้ผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป จำนวน 32 ล้านคนในวันที่ 29 ม.ค.68 รวมทั้งเตรียมออกมาตรการลดหย่อนภาษีหรือ "Easy E-receipt" ด้วยการให้นำค่าใช้จ่ายในการซื้อสินค้าและบริการระหว่างวันที่ 15 ม.ค.-28 ก.พ.68 มาลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 50,000 บาท ซึ่งมาตรการเหล่านี้จะส่งผลดีต่อประชาชนไทยโดยรวม

เราจึงมองว่าหุ้นที่เน้นธุรกิจในประเทศ (domestic play) และหุ้นปลอดภัย (defensive play) จะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าหุ้นที่มีธุรกิจในต่างประเทศ (external exposure) และหุ้นวัฏจักร (cyclical stock) เราจึงคงเป้าดัชนี SET สิ้นปี 68 อยู่ที่ 1,630 จุด หรือเท่ากับ P/E 16 เท่าในปี 68 หรือ -0.75SD ของค่าเฉลี่ย 10 ปี ขณะที่เพิ่ม BH เข้ามาในรายชื่อหุ้น Top pick หลังราคาหุ้นปรับตัวลง ซึ่งเราเชื่อว่าน่าจะมีสาเหตุมาจากความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ดังนั้น รายชื่อหุ้น Top pick จึงประกอบด้วย AMATA, BCH, BH, CBG, CPN, CRC, MTC และ SCB
กำลังโหลดความคิดเห็น