ผู้จัดการรายวัน 360 - AWC และ Hotel Okura ประกาศพัฒนาสองโรงแรมสุดพิเศษในเชียงใหม่และกรุงเทพฯ นำเสนอความสง่างามในแบบญี่ปุ่นผสานมรดกวัฒนธรรมไทย ด้วยมูลค่าการลงทุนรวมกว่า 7,600 ล้านบาท โครงการใหม่ทั้งสองแห่งจะเพิ่มจำนวนห้องพักกว่า 400 ห้องให้กับพอร์ตโฟลิโอของ AWC ในจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวสำคัญของประเทศ สอดคล้องกับกลยุทธ์การเติบโตอย่างยั่งยืน
บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของไทยที่มุ่งเน้นตอบสนองไลฟ์สไตล์แบบครบวงจร ลงนามข้อตกลงในการพัฒนาและบริหารโรงแรมจำนวน 2 แห่ง กับ Hotel Okura Co., Ltd. เครือโรงแรมระดับโลก สู่การพัฒนาโครงการสำคัญแห่งใหม่ 2 แห่งในประเทศไทย ได้แก่ โรงแรม โอกุระ รีสอร์ท เชียงใหม่ (Okura Resort Chiang Mai) ซึ่งเป็นโรงแรมภายใต้แบรนด์โอกุระแห่งแรกในภาคเหนือของประเทศไทย นำเสนอประสบการณ์เรียวกังสุดหรูภายใต้แบรนด์โอกุระนอกประเทศญี่ปุ่นเป็นแห่งแรกของโลก และโรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ สุขุมวิท กรุงเทพ โฮเทล และ สปา (The Okura Prestige Sukhumvit Bangkok Hotel and Spa) ใจกลางย่านทองหล่อ มีมูลค่าการลงทุนรวมกว่า 7,600 ล้านบาท สอดคล้องกับกลยุทธ์การเติบโต (GROWTH-LED Strategy) ของบริษัท เพื่อสนับสนุนประเทศไทยในฐานะจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวยั่งยืนระดับโลก
นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จํากัด (มหาชน) หรือ AWC กล่าวว่า “โรงแรม โอกุระ รีสอร์ท เชียงใหม่ จะสร้างนิยามใหม่ให้กับทางการท่องเที่ยวลักชัวรีและยั่งยืนในประเทศ พร้อมผสมผสานมรดกทางศิลปะและวัฒนธรรมอันงดงามของเชียงใหม่ เข้ากับกลิ่นอายการออกแบบและการให้บริการแบบญี่ปุ่นต้นตำรับ ทั้งยังจะเชื่อมต่อกับ โครงการไลฟ์สไตล์เดสทิเนชั่นของ AWC อย่าง “ลานนาทีค เดสทิเนชั่น” เพื่อเสนอประสบการณ์น่าประทับใจ กับการถ่ายทอดความงดงามของอาณาจักรล้านนาอันเป็นเอกลักษณ์เคียงคู่กับความสง่างามในแบบฉบับญี่ปุ่นเพื่อมอบประสบการณ์ประทับใจ”
ในขณะที่โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ สุขุมวิท กรุงเทพ โฮเทล และ สปา ในย่านทองหล่อจะถูกพัฒนาเป็นโอเอซิสแห่งการพักผ่อนใจกลางเมือง ด้วยบริการด้านสุขภาพองค์รวมและการเข้าพักแบบระยะยาว นำเสนอประสบการณ์การดูแลสุขภาพสไตล์ญี่ปุ่น นำเสนอประสบการณ์แบบรีสอร์ทในเมืองด้วยกลิ่นอายแบบบญี่ปุ่น คาดว่าทั้งสองโครงการพัฒนาโรงแรมนี้ จะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวคุณภาพจากทั่วโลก และยังช่วยกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศและสนับสนุนประเทศไทยสู่การเป็นจุดหมายปลายทางระดับโลกอีกด้วย
มร. โทชิฮิโระ โอกิตะ ประธานและกรรมการผู้แทน Hotel Okura Co., Ltd., กล่าวว่า “เราบรรลุอีกหนึ่งความร่วมมือครั้งสำคัญกับ AWC ผ่านการพัฒนาโรงแรมใหม่ในประเทศไทย ต่อเนื่องจากความสำเร็จของ โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ และรู้สึกตื่นเต้นที่ได้นำแบรนด์โอกุระมาสู่เชียงใหม่และภาคเหนือของประเทศไทย เชื่อมั่นว่าความร่วมมือครั้งใหม่นี้กับ AWC จะช่วยมอบประสบการณ์พิเศษและบริการที่ยอดเยี่ยมให้แก่ทั้งแขกชาวไทยและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกได้อย่างแน่นอน”
โรงแรม โอกุระ รีสอร์ท เชียงใหม่ จะเป็นโรงแรมภายใต้แบรนด์โอกุระแห่งแรกในภาคเหนือของประเทศไทย ตั้งอยู่บนถนนช้างคลาน ประกอบด้วยห้องพักกว่า 200 ห้อง ผสมผสานความหรูหราสไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิมเข้ากับวัฒนธรรมล้านนาร่วมสมัย พร้อมห้องพักแบบเรียวกังที่ครบครันด้วยเสื่อทาทามิ ชุดยูกาตะ และออนเซ็นส่วนตัว มีกำหนดเปิดให้บริการในไตรมาสที่ 1 ของปี 2571 โดยจะมาพร้อมกับห้องอาหารญี่ปุ่น-ล้านนาอันเป็นเอกลักษณ์ ที่ผสานวัตถุดิบท้องถิ่นเข้ากับเทคนิคการทำอาหารแบบญี่ปุ่น เตรียมมอบประสบการณ์การรับประทานอาหารชั้นเลิศแบบโอมากาเสะและล้านนาไคเซกิ
ส่วนโรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ สุขุมวิท กรุงเทพ โฮเทล และ สปา จะนำเสนอประสบการณ์ด้านสุขภาพแบบองค์รวมและบริการเข้าพักแบบระยะยาวในพื้นที่ทองหล่อ กับล็อบบี้ลอยฟ้าและรูฟท็อปบาร์สไตล์ญี่ปุ่นที่มาพร้อมสวนกลางแจ้ง บริการและฟีเจอร์บนชั้นดาดฟ้าอื่นๆ อาทิ ห้องอาหารแบบ All Day Dining ห้องอาหารพิเศษต่างๆ และรูฟท็อปบาร์ที่มอบวิวเมืองแบบพาโนรามา ยังนำเสนอห้อง Onsen Suite แบบต้นตำรับ และสัมผัสเสน่ห์เหนือกาลเวลาของห้องพักสไตล์เรียวกังอันเป็นเอกลักษณ์ หรือเลือกพักในห้องแบบตะวันตกที่ความสะดวกสบาย โดยโรงแรมยังมาพร้อมโปรแกรมสุขภาพเฉพาะบุคคลที่ผสมผสานศาสตร์การดูแลสุขภาพแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมเข้ากับเทรนด์สุขภาพสมัยใหม่ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษโดยนักโภชนาการมืออาชีพ มีกำหนดเปิดให้บริการในปี 2571 ด้วยห้องพักกว่า 200 ห้อง
“โรงแรมทั้งสองแห่งจะช่วยเสริมพอร์ตโฟลิโอระดับลักชัวรีของ AWC และสานต่อความสำเร็จของโรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ และเรือโอกุระ ครุซ เพื่อร่วมสร้างมาตรฐานใหม่ในด้านการบริการและเวลเนสให้กับประเทศไทย AWC หวังเป็นอย่างยิ่งที่จะได้ต้อนรับแขกเข้ามาสัมผัสกับการบริการชั้นเลิศ ความรุ่มรวยทางวัฒนธรรม และการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมที่โรงแรมภายใต้แบรนด์โอกุระแห่งใหม่ทั้งสองนี้ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนประเทศไทยสู่การเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวยั่งยืนระดับโลก” นางวัลลภา กล่าว