“คมนาคม” หารือ “Airbus”ร่วมพัฒนาสร้างมาตรฐานความปลอดภัยการบินของไทยในระดับสากล ดันไทยเป็นศูนย์กลางการบิน (Aviation Hub) ตั้งเป้าผู้ใช้บริการ 250 ล้านคนต่อปี ภายในปี 2575
วันที่ 3 ธันวาคม 2567 นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ให้การต้อนรับ นายอานันท์ สแตนลีย์ ประธานและหัวหน้า Airbus ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และคณะ เพื่อหารือแนวทางการพัฒนาให้ไทยเป็นศูนย์กลางการบิน (Aviation Hub) พร้อมร่วมมือกันสร้างมาตรฐานความปลอดภัยการบินของไทยให้อยู่ในระดับสากล และขยายขีดความสามารถการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการบินรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมการบินในอนาคต ณ ห้องประชุม กระทรวงคมนาคม
นายสุริยะ กล่าวว่า รัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับนโยบาย Aviation Hub โดย บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. (AOT) ได้ตั้งเป้าหมายที่จะพัฒนาท่าอากาศยานโดยเพิ่มขีดความสามารถและผู้ใช้บริการเป็น 250 ล้านคนต่อปี ภายในปี 2575 รวมถึงมีแผนการก่อสร้างท่าอากาศยานแห่งใหม่ คือ ท่าอากาศยานอันดามัน ซึ่งออกแบบให้รองรับผู้โดยสารได้ 22.5 ล้านคนต่อปี ส่งเสริมให้เป็นจุดหมายปลายทางสำหรับเที่ยวบินระยะไกล มีท่าจอดเครื่องบินทะเลและเรือข้ามฟากสำหรับนักเดินทางระดับพรีเมียมเสริมด้วย
และท่าอากาศยานล้านนา ซึ่งได้วางแผนก่อสร้างเพื่อรองรับจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นของท่าอากาศยานเชียงใหม่ และโครงการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารแห่งใหม่ (ทิศใต้) ของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
นอกจากนี้ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) หรือ CAAT ในฐานะผู้กำกับดูแลและจัดหาสิทธิทางการบินให้เพียงพอต่อความต้องการของสายการบินต่าง ๆ จะมุ่งมั่นบริหารจัดการและจัดสรรเวลาการทำการบินในแต่ละฤดูกาลอย่างเหมาะสม และกำกับดูแลมาตรฐานความปลอดภัยในอุตสาหกรรมการบิน
ทั้งนี้ ความร่วมมือที่ผ่านมา Airbus ได้มีการ MOU กับ กพท. เกี่ยวกับด้านสิ่งแวดล้อม ได้แก่ การบริหารจัดการข้อมูลก๊าซเรือนกระจกภาคการบิน (MRV) และการใช้เชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน (SAF) โดย Airbus ได้สนับสนุนในเรื่องการเสริมสร้างศักยภาพบุคลากร การจัดสัมมนา การสนับสนุนทางด้านเทคโนโลยี (Technical Assistance) ให้แก่อุตสาหกรรมการบินและสายการบินของไทย รวมถึงสนับสนุนงบประมาณ และการส่งต่อความรู้และประสบการณ์ ผ่านการส่งผู้เชี่ยวชาญด้านการบิน เพื่อเข้ามาช่วยพัฒนาระบบกำกับดูแลด้านการบินของ กพท. ให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล
ด้าน นายอานันท์ สแตนลีย์ ได้กล่าวขอขอบคุณกระทรวงคมนาคม พร้อมมั่นใจว่าความก้าวหน้าและนวัตกรรมของ Airbus จะเป็นประโยชน์ต่อภาคการบินของไทย ขอให้ทั้งสองฝ่ายร่วมมือกันทำงานต่อไป เพื่อยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยการบินของไทยให้อยู่ในระดับสากล และ Airbus มุ่งหวังที่จะสำรวจขอบเขตความร่วมมืออื่น ๆ เพื่อปูทางไปสู่อนาคตการบินที่ยั่งยืนต่อไป