บีวายดีฉลองครบรอบ 30 ปีด้วยการปล่อยรถพลังงานใหม่คันที่ 10 ล้านจากสายการผลิตเมื่อวันจันทร์ (18 พ.ย.) นอกจากนั้นก่อนหน้านี้ยังมีรายงานว่า บริษัทเล็งใช้ระบบขับขี่อัจฉริยะช่วยขับเคลื่อนยอดขายในปีหน้า ขณะที่ข้อได้เปรียบจากราคาเริ่มจืดจางลง โดยเตรียมติดตั้งฟีเจอร์นี้กับรถรุ่นปี 2025 ทั้งหมด
ผู้ผลิตรถพลังงานใหม่ (NEV) เบอร์หนึ่งของจีนแห่งนี้ประกาศว่า NEV คันที่ 10 ล้านเป็นซีดาน Denza Z9 ที่เพิ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว (15 พ.ย.) ในงานกวางโจวออโต้โชว์ 2024 วันแรก
บีวายดีมอบรถคันดังกล่าวให้จี เฟิง ผู้ก่อตั้งและซีอีโอเกม ไซเอนซ์ ผู้ผลิตวิดีโอเกมแบล็กมิธ: หงอคง
ทั้งสองบริษัทตกลงเป็นพันธมิตรระดับโลกเมื่อเดือนที่แล้ว โดยบีวายดีจะเป็นพันธมิตรเอ็กซ์คลูซีฟในส่วนแบรนด์ยานยนต์ให้กับเกมแบล็กมิธ: หงอคง
ทั้งนี้ บีวายดีก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 1995 ที่เมืองเซินเจิ้น โดยมีพนักงานแค่ 20 คน และเงินทุนเริ่มต้น 345,000 ดอลลาร์ ปัจจุบัน บริษัทแห่งนี้กลายเป็นผู้ผลิต NEV ใหญ่ที่สุดของโลก ว่าจ้างพนักงานกว่า 900,000 คนทั่วโลก
แรกเริ่มนั้นบีวายดีเน้นการผลิตแบตเตอรี่แบบชาร์จไฟใหม่ได้และก้าวขึ้นเป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่ประเภทนี้อันดับ 2 ของโลกในปี 1998 และเป็นซัปพลายเออร์แบตเตอรี่สำคัญให้โมโตโรลาและโนเกียในปี 2000 นำมาซึ่งทั้งรายได้และชื่อเสียง
ในงานฉลองเมื่อวันจันทร์ หวางฉวนฝู ผู้ก่อตั้งเล่าว่า บีวายดีเข้าสู่วงการยานยนต์ในปี 2003 ด้วยการเข้าซื้อ Xi’an Qinchuan Automobile และเริ่มต้นด้วยการผลิตรถเครื่องยนต์สันดาป ปีต่อมาผลิตรถคันแรกชื่อว่า 316 แต่ยกเลิกไปอย่างรวดเร็วเนื่องจากตัวแทนจำหน่ายคิดว่าไม่น่ารุ่ง
ปี 2005 บีวายดีเปิดตัวรถที่พัฒนาขึ้นมาเองคือ BYD F3 ซึ่งปรากฏว่า ได้รับการยอมรับจากลูกค้าอย่างรวดเร็วและกลายเป็นรถของบริษัทจีนรุ่นแรกที่ขายได้เดือนละเกิน 10,000 คัน
บริษัทเริ่มพัฒนาเทคโนโลยีปลั๊ก-อินไฮบริดในปี 2004 และเปิดตัวแพลตฟอร์มเทคโนโลยี DM Hybrid ในปี 2008 พร้อมเผยโฉมรถพลังงานไฟฟ้ารุ่นแรกคือ F3e ซึ่งถือเป็นการเข้าสู่ตลาด NEV อย่างเป็นทางการ
ปี 2020 บริษัทเปิดตัวเบลดแบตเตอรี่ที่ปฏิวัติวงการทั้งในด้านความปลอดภัย ระยะการขับขี่ และความเร็วในการชาร์จ
บีวายดียุติการผลิตรถเครื่องยนต์สันดาปตั้งแต่เดือนมีนาคม 2022 และหันมาโฟกัสปลั๊ก-อินไฮบริด (PHEV) และรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV) เต็มตัว
วันที่ 16 พฤศจิกายนปีเดียวกันนั้น บีวายดีผลิต NEV คันที่ 3 ล้านคือ BYD Seal ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า 100% และสร้างสถิติใหม่ในอุตสาหกรรมด้วยการผลิต NEV คันที่ 5 ล้านเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2023
เดือนกันยายนปีนี้ บีวายดีเป็นบริษัทรถแห่งแรกของโลกที่ผลิต NEV ครบ 9 ล้านคัน และครบ 10 ล้านคันในอีกสองเดือนต่อมา
นอกจากนั้นบีวายดียังทุ่มทุนด้านการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่องอันเป็นที่มาของเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น เบลดแบตเตอรี่, ระบบ DM Hybrid, e-Platform 3.0 Evo และระบบกันสะเทือน DiSus ฯลฯ
บีวายดีเติบโตจนกลายเป็นผู้นำอุตสาหกรรม NEV ระดับโลก เป็นผู้นำในตลาดจีน และขยายธุรกิจไปยังประเทศต่างๆ อย่างรวดเร็ว เมื่อ 4 ปีที่แล้วยอดขายของบริษัทยังต่ำต้อยน้อยกว่า 30,000 คันต่อเดือน แต่ตอนนี้กวาดยอดขายเดือนละกว่า 500,000 คัน
ช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ บีวายดีมียอดขาย NEV รวม 3.25 ล้านคัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 36.49%
ในบันทึกเมื่อเดือนกรกฎาคม นิก ไล่ นักวิเคราะห์ของเจพีมอร์แกน คาดว่า ยอดขายทั่วโลกของบีวายดีจะแตะ 6 ล้านคันในปี 2026 ในจำนวนนี้เป็นยอดขายนอกประเทศ 1.5 ล้านคัน
กระนั้น ต้นเดือนนี้ 36kr รายงานว่า บีวายดีเล็งใช้ฟีเจอร์การขับขี่อัจฉริยะเป็นอาวุธขับเคลื่อนยอดขายในปีหน้า ขณะที่ข้อได้เปรียบจากราคาเริ่มจืดจางลง โดยบริษัทมีแผนติดตั้งฟีเจอร์นี้กับรถรุ่นปี 2025 ทั้งหมด ตั้งแต่ BYD Seagull จนถึง Yangwang U8
BYD Seagull เป็นรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นที่ถูกที่สุดของบีวายดี (60,000 หยวน หรือ 290,000 บาท) ขณะที่ Yangwang เป็นแบรนด์อัลตรา-ลักชัวรี เปิดตัวต้นปีที่แล้ว รุ่นแรกคือออฟโรดเอสยูวี U8 ราคาเริ่มต้นที่ 1.098 ล้านหยวน (5.29 ล้านบาท)
จาง จั๋ว ประธานฝ่ายขาย BYD Ocean เคยให้สัมภาษณ์เมื่อต้นปีว่า บริษัทหวังว่า ระบบขับขี่อัจฉริยะที่พัฒนาขึ้นภายในองค์กรจะเป็นฟีเจอร์มาตรฐานในรถทุกรุ่นที่ราคาราว 150,000 หยวน (700,000 บาท) หรือแม้แต่ต่ำกว่านั้นภายใน 2-3 ปี
ทั้งนี้ การเดินหน้าพัฒนาระบบขับขี่อัจฉริยะภายในองค์กรสะท้อนเป้าหมายของบีวายดีในการควบคุมอนาคตด้านเทคโนโลยีของตนเอง และแข่งขันแบบสมน้ำสมเนื้อกับยักษ์ใหญ่ในวงการรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเทสลาของอเมริกาที่มีระบบออโต้ไพล็อตและระบบขับขี่อัตโนมัติเต็มรูปแบบ (FSD)