SRTA นำร่องทำสัญญาเช่าที่ดินตามแนวเส้นทางรถไฟ จ.กาญจนบุรี 150 สัญญา แก้ปัญหาที่อยู่อาศัยประชาชน ชาวบ้านร้องถูกเรียกเก็บย้อนหลัง 5 ปี จ่ายไม่ไหว
วันที่ 17 พ.ย. 2567 บริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด (SRTA) ได้มีการส่งมอบสัญญาเช่าที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ให้กับประชาชนที่อาศัยตามแนวเส้นทางรถไฟจังหวัดกาญจนบุรี จำนวน 150 สัญญา เป็นการนำร่องในการจัดทำสัญญาเช่าที่ดินรถไฟที่ถูกต้องตามกฎหมาย สำหรับเป็นที่พักอาศัย หลังจากที่ SRTA ในฐานะบริษัทลูกของรฟท. ได้เข้าดำเนินการ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพย์สินของรฟท.และก่อให้เกิดรายได้สูงสุดแก่องค์กร
พ.ต.อ.ศุภกร ศุภศิณเจริญ กรรมการบริษัท รักษาการในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด (SRTA) เปิดเผยว่า จากนโยบายรัฐบาล ที่ต้องการให้ประชาชนที่อยู่ตามแนวเส้นทางรถไฟและได้รับความเดือดร้อน สามารถมีที่อยู่อาศัย ซึ่งรฟท. พิจารณาแล้ว ว่าสามารถให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ตามแนวเส้นทางรถไฟอยู่อาศัยโดยชอบด้วยกฎหมาย โดยให้ SRTA ทำสัญญาเช่าให้ถูกต้อง ซึ่งนายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ได้ให้ SRTA เร่งดำเนินการให้เรียบร้อย
โดยในวันนี้ มีประชาชนที่อยู่อาศัยตามแนวเส้นทางรถไฟจังหวัดกาญจนบุรี ยื่นขอเช่าและตกลงเข้าเซ็นสัญญาเช่ากับ SRTA จำนวน 150 สัญญา จากจำนวนประชาชนที่อยู่ตามแนวเส้นทางรถไฟในพื้นที่จ.กาญจนบุรี ทั้งหมดประมาณ 3,500 ครอบครัว ส่วนที่เหลือจะเร่งดำเนินการเจรจาและ รฟท.จะต้องเข้าทำการรังวัดพื้นที่ ให้ได้ข้อมูลที่ตรงกัน จึงจะเข้าทำสัญญาเช่า ซึ่งทำให้ต้องใช้เวลาในการดำเนินงาน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประาชนอยู่ในพื้นที่การรถไฟฯ ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
“SRTA ได้รับมอบจาก รฟท.ให้ ดูแลพื้นที่ที่อยู่นอกเหนือเส้นทางการเดินรถไฟทั่วประเทศ หรือที่ดินเชิงพาณิชย์ (Non Core) ที่มีทั้งหมด 38,469 ไร่ ซึ่งการเช่ามีหลักเกณฑ์กำหนดไว้โดยเรื่องที่อยู่อาศัยเป็น 1ใน 8 หลักเกณฑ์ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในเรื่องที่อยู่อาศัย”
@ชาวบ้านยื่นขอลดค่าเช่า เผยเดือดร้อนหนักถูกเรียกเก็บย้อนหลัง 5 ปี
รายงานข่าวแจ้งว่า มีประชาชนจำนวนหนึ่ง ที่อาศัยตามแนวเส้นทางรถไฟจังหวัดกาญจนบุรี เช่น ชุมชนหนองรี ได้เข้ายื่นหนังสือเพื่อขอให้ SRTA พิจารณาปรับลดอัตราค่าเช่าลง และขอให้กำหนดเป็นอัตราค่าเช่าคงที่ จากที่จะมีการปรับขึ้นทุกปี ปีละ 5% รวมถึงขอยกเว้น ค่าทำสัญญา
นอกจากนี้ ประชาชนยีงระบุว่า มีการเรียกเก็บค่าเช่าย้อนหลังตั้งแต่ปี 2563 เป็นเงินมากถึง 6-7 หมื่นบาท ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่เป็นผู้มีรายได้น้อย ไม่สามารถจ่ายได้แน่นอน
ประชาชนรายหนึ่งกล่าวว่า อยู่อาศัยในพื้นที่ดังกล่าวมานาน แล้วตั้งแต่ รุ่นปู่ รุ่นย่า ที่ผ่านมา การรถไฟฯ มีการเก็บค่าเช่าบ้างไม่เก็บบ้าง ส่วนกรณีที่จะมีการทำสัญญาเช่า เห็นด้วยแต่อัตราค่าเช่าที่ SRTA กำหนดสูงเกินไป และการปรับขึ้นค่าเช่าทุกปี เป็นภาระกับประชาชนอย่างมาก หากต้องการช่วยเหลือจริงๆ ก็ควรรับฟังความเห็นของประชาชนที่เดือดร้อนให้รอบด้านด้วย
@SRTA ยันใช้ราคาประเมินธนารักษ์ชี้ค่าเช่าต่ำมากแล้ว
ด้านพ.ต.อ.ศุภกรกล่าวว่า ได้รับหนังสือที่ประชาชนมายื่นแล้ว แต่ต้องขอดูรายละเอียดก่อน ซึ่งกรณีที่ขอให้ปรับลดค่าเช่าลงนั้น ทาง SRTA ใช้เกณฑ์ราคาประเมินของกรมธนารักษ์ ซึ่งในส่วนของการเช่าเพื่อที่อยู่อาศัย จะคิดในอัตราที่ต่ำกว่าอยู่แล้ว ส่วนกรณีที่ต้องการเช่าเพื่อทำในเชิงพาณิชย์ ก็จะต้องยื่นวัตถุประสงค์เข้ามา เพราะจะมีการพิจารณาอัตราที่ต่างจากที่อยู่อาศัย
@รับตรวจสอบ ปมเรียกเก็บย้อนหลัง 5 ปี
สำหรับกรณีการเรียกเก็บค่าเช่าย้อนหลัง 5 ปีนั้น พ.ต.อ.ศุภกรกล่าวว่า ยังไม่รู้รายละเอียดว่า เป็นอย่างไร อาจมาจากการค้างค่าเช่าหรือไม่ แต่ยืนยันว่า หากการเช่า ได้เริ่มต้นทำกัน ภายใต้ บอร์ด SRTA ภายใต้การบริหารของ SRTA ในปัจจุบัน จะไม่ย้อนอดีต จะขอให้เริ่มต้นกันใหม่ เพราะหากนำเรื่อค่าเช่าค้างมาคิดด้วย จะยิ่งทำให้แก้ปัญหายากและไม่สามารถทำสัญญาเช่าได้สำเร็จแน่นอน
“ราคาประเมินกรมธนารักษ์ ถือว่าต่ำมากอยู่ แล้วดังนั้นการปรับขึ้นปีละ 5% จึงไม่มากอะไร และที่ดินรถไฟ ส่วนใหญ่อยู่ในเขตเมืองที่มีมูลค่าค่อนข้างสูงอีกด้วย จึงถือเป็นค่าเช่า ที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบพื้นที่เอกชนใกล้เคียง ซึ่งจะขอไปดูข้อมูลที่ชาวบ้านยื่นเข้ามาว่า ราคาเป็นอย่างไร คิดมาจากอะไร เพราะเป้าหมายไม่ต้องการให้ประชาชนได้รับผลกระทบเรื่องค่าใช้จ่ายมากจนเกินไป และต้องไม่เดือดร้อนมากกว่าเดิม”
รายงานข่าวแจ้งว่า จากการสำรวจผู้อาศัยที่อยู่ในบริเวณ ตามแนวเส้นทางการรถไฟ ตั้งแต่ สถานีบ้านโป่ง- สถานีกาญจนบุรี-สถานีน้ำตก พบว่า มีจำนวนทั้งสิ้น 5,729 ราย แบ่งเป็นผู้เช่ามีสัญญาแล้ว 1,226 ราย ไม่มีสัญญา จำนวน 4,503 ราย ปัจจุบันดำเนินการต่อสัญญาจาก รฟท. มาเป็น SRTA จำนวน 150 สัญญา ในส่วนที่สัญญากำลังจะหมดในสิ้นเดือน จะเร่งทำสัญญาใหม่ภายในสิ้นปี 2567 ส่วนที่อนู่อาศัยโดยไม่มีสัญญา จำนวน 4,503 ราย นั้นจะดำเนินการให้เรียบร้อยภายในปีสิ้นปี 2568