xs
xsm
sm
md
lg

หุ้น DELTA ราคาร้อนจัด! แม้ย่อตัว....ยังสูงเกินเป้า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



หุ้น “เดลต้า”ร้อนแรงจัด ราคาพุ่งเกินราคาเหมาะสม โบรกฯ ส่องสัดส่วนถือหุ้นส่วนใหญ่ล้วนเป็นต่างชาติ ด้านตลาดต้องออกโรงเตือนนักลงทุน เพิ่มความระมัดระวัง แม้ทิศทางธุรกิจจะเติบโตรับกระแสต่างชาติหันเข้ามาลงทุน Data Center ในประเทศไทย จนเกิดดีมานด์หนุนราคาหุ้นและมาร์เกตแคปทะยานขึ้นเบอร์หนึ่ง แจงความเสี่ยงนั้นสูงจนไม่อาจมองข้าม

ปิดตลาดหุ้น 8 พ.ย. 2567 ราคาหุ้น บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (DELTA) อยู่ที่ระดับ 155.00 บาทต่อหุ้น ลดลงจากวันก่อนหน้า 2.00 บาทต่อหุ้น หรือ 1.27% แต่ในภาพรวมนับตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ราคาหุ้น DELTA ปรับตัวได้อย่างเหลือเชื่อ โดยพุ่งทะยานจาก 137.00 บาทต่อหุ้นเมื่อวันที่ 31ต.ค. 67 ขึ้นมาสร้างสถิติที่ 159.00 บาทต่อหุ้นในวันที่ 6 พ.ย. 67 เพิ่มขึ้นจากช่วงต้นเดือนถึง 22.00 บาท หรือ 16.05%

สิ่งที่น่าสนใจเพิ่มเติมคือในวันเดียวกันที่ราคาหุ้น DELTA ปรับตัวบลดลง 2.00 บาทต่อหุ้น ดัชนีหลักทรัพย์ฯก็ปรับตัวลดลง 5.03 จุด ปิดที่ 1,464.69 จุด โดยนอกจาเหตุผล ดัชนีแกว่งค่อนข้างผันผวนอิงทางลงทั้งเอเชีย ซึ่งเป็นการเห็นภาพการปรับพอร์ตของนักลงทุนต่างชาติหลังรับรู้ผลเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐแล้ว อีกปัจจัยที่นักวิเคราะห์เชื่อว่ามีผลทำให้ Set Index ลดลงนั่นคือ แรงเทขายขายจากหุ้น DELTA
เนื่องจากหุ้น DELTA ซึ่งมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap) สูงถึง 1.9 ล้านล้านบาท ถือว่ามากสุดในตลาดหุ้นไทย (บมจ. ปตท. หรือ PTT มีมาร์เกตแคป 9.49 แสนล้านบาท ณ วันที่ 8 พ.ย.67) จากแรงเก็งกำไรดันราคาขึ้นไปมากแล้ว จนกระทั่งตลาดหลักทรัพย์ฯ ต้องออกมาเตือน หลัง P/E พุ่งเฉียด 100 เท่า จึงทำให้มีแรงขายทำกำไรออกมา

 ราคาหุ้นแรงจัดจนน่ากังวล

โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ออกมาประกาศแจ้งเตือนนักลงทุนว่า ขอให้ผู้ลงทุนพิจารณาข้อมูลประกอบอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อขายหุ้นบริษัท DELTA เนื่องจากราคาปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยมีอัตราส่วนราคาตลาดต่อกำไรสุทธิ (P/E) ที่ 91.11 เท่า และอัตราส่วนราคาตลาดต่อมูลค่าทางบัญชี (P/BV) อยู่ที่ 25.36 เท่า

จากที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ติดตามความเคลื่อนไหวของราคาและพัฒนาการของหลักทรัพย์ DELTA โดยพบว่าวานนี้ (7 พ.ย.) ราคาหุ้น DELTA ปรับตัวเพิ่มขึ้น 47% ปิดที่ 157 บาท ทำจุดสูงสุดระหว่างวันอยู่ที่ 160.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 3.31 พันล้านบาท เทียบกับราคาปิดตลาด ณ วันที่ 30 ก.ย. ที่ 107 บาทนั้น

ส่วนหนึ่งได้อานิสงส์จากข่าวการลงทุนของบริษัทต่างประเทศด้าน Data center ในประเทศไทย และผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/2567 มีกำไรสุทธิ 5.91 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน

ดังนั้น ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขอให้ผู้ลงทุนพิจารณาข้อมูลปัจจัยพื้นฐานและข้อมูลสารสนเทศที่ชี้แจงผ่านระบบตลาดหลักทรัพย์ฯ รวมทั้งความเสี่ยงที่ตนเองยอมรับได้จากความผันผวนของราคาให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน

ขณะที่ก่อนหน้านี้  นายอัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ฯ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า หุ้น DELTA เป็นประเด็นที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ กำลังวิเคราะห์กันอยู่ เพราะจะมี Fundamental Issues ที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ รับทราบแล้ว และหวังว่าจะผลักดันกลุ่มบริษัทใหม่ ๆ ที่มีมูลค่ามาร์เก็ตแคปขนาดใหญ่ขึ้นมาทดแทนได้บ้าง โดยในปี 2568 หากกลุ่มบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF กับบริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH ควบรวมสำเร็จ ซึ่งตอนนี้อยู่ในการขั้นตอนการพิจารณา คงจะเป็นหุ้นที่มีความโดดเด่นขึ้นมาอีกหนึ่งบริษัท 

ทั้งนี้ ราคาหุ้นของ DELTA ที่ปรับขึ้นมาค่อนข้างหวือหวานั้น ซึ่งหากไปดูบทวิเคราะห์ มีการประเมินว่า DELTA จะได้รับประโยชน์หรืออานิสงส์จากการที่ประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางเรื่อง Data Center ซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานหนึ่งที่มารองรับราคาหุ้น DELTA อย่างไรก็ตามตอนนี้ตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็จะต้องดูปัจจัยพื้นฐานในส่วนอื่น ๆ ประกอบด้วย เช่น ประเด็นของปริมาณการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายย่อย (Free Float) ที่อาจจะอยู่ในระดับต่ำไปหรือไม่ เป็นต้น

 ธุรกิจโตตั้งเป้ารายได้เพิ่ม

สำหรับข้อมูลพื้นฐานหุ้น DELTA นั้น มีรายงานว่า เมื่อเร็วๆนี้  นายเจิ้ง อัน (วิคเตอร์) ประธาน เจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท DELTA ว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโตปีละไม่ต่ำกว่า 10% โดยยอมรับว่า เมื่อฐานรายได้เติบโตสูงขึ้นความท้าทายในธุรกิจจะมากขึ้นเรื่อยๆ ตามไปด้วย 

โดยรายได้ที่เติบโตมาจากสินค้ากลุ่ม Power Supply และ Cooling Solution ทำให้บริษัทจึงมีแผนงานสร้างผลิตภัณฑ์เพิ่มเติม เพื่อตอบโจทย์อุปกรณ์ที่ต้องประมวลผลด้วยสมรรถนะสูงยิ่งขึ้น โดยจะมีการพัฒนาสินค้าใหม่ที่สายการผลิตในประเทศไทยในระยะถัดไป

ส่วนธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า (EV)ชะลอตัวลงในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา แต่ทางด้านตลาดของ Data Center โดยเฉพาะ AI Application เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ โดยกระแสโลกด้านระบบอัตโนมัติ ภาคอุตสาหรกรรม ดาต้าเซ็นเตอร์ และ โครงสร้างพื้นฐาน EV จะขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจต่อเนื่อง ทำให้คาดว่ามูลค่าตลาดศูนย์ข้อมูลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEA) จะแตะระดับ 17.73 พันล้านดอลลาร์ ในปี 2572 พร้อมทั้งหาพันธมิตรร่วมจับมือสร้างโรงงานกระจายสินค้าในประเทศไทยเพื่อพัฒนาธุรกิจให้มั่นคงยิ่งขึ้น

 สำหรับแผนการลงทุนในปี 2568 นั้นยังคงลงทุนในเรื่อง Automation ซึ่งเป็นการลงทุนต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2567 และการก่อสร้างอาคารโดยสร้างโรงงานใหม่ที่นิคมอุตสาหกรรมเวลโกรว์ จังหวัดฉะเชิงเทรา ที่คาดแล้วเสร็จช่วงกลางปี 2568 และโรงงานอีก 2 แห่งที่นิคมบางปู จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งจะแล้วเสร็จ ในไตรมาสที่ 2 หรือ 3 ปี 2569 และลงทุนส่วนติดตั้งเครื่องจักรเพื่อรองรับการผลิตสินค้าเพิ่มขึ้น 

ราคานี้ใครกล้าเล่น

ที่ผ่านมา DELTA ก้าวขึ้นมาเป็นหุ้นขนาดใหญ่ที่ร้อนแรงที่สุด ราคาสร้างจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์อย่างต่อเนื่อง และกลายเป็นหุ้นที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดหรือมาร์เก็ปแคปสูงสุดเป็นอันในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

 ดังนั้น จึงทำให้หุ้น DELTA เพียงตัวเดียว มีมาร์เก็ตแคปประมาณ 10.04% ของมาร์เก็ตแคปรวมของตลาด และมีน้ำหนักในการคำนวณดัชนี ฯ 148.75 จุด ดังนั้น การขึ้นหรือลงของ DELTA ทุก 1 บาท จะมีผลต่อการขึ้นลงของดัชนี ฯ 1.48 จุด 

และในรอบ 12 เดือน ราคาหุ้น DELTA เคยลงไปต่ำสุดที่ 63.25 บาท ก่อนที่จะปรับตัวเป็นขาขึ้น จนสร้างจุดสูงสุดใหม่ในราคาปิดที่ 148.50 บาท และเป็นหุ้นที่มีมาร์เก็ตแคปสูงกว่าหุ้น PTT กว่า 4 เท่าตัว

นั่นทำให้การช่วงชิงหุ้นที่มีมาร์เก็ตแคปสูงสุดจาก DELTA คงไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะ DELTA ทิ้งห่างหุ้นตัวอื่นไปไกลชนิดไม่เห็นฝุ่น ยากที่จะมีหุ้นตัวใดโค่นแชมป์ได้

ขณะที่ผลประกอบการ DELTA เติบโตต่อเนื่อง โดยปี 2564 มีกำไรสุทธิ 6.69 พันล้านบาท ปี 2565 กำไรสุทธิ 1.53 หมื่นล้านบาท ปี 2566 กำไรสุทธิ 1.84 หมื่นล้านบาท และงวด 9 เดือนแรกปีนี้ มีกำไรสุทธิ 1.67 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1.37 หมื่นล้านบาท

 สิ่งที่น่าสนใจเพิ่มเติมนั่นคือ แม้จะเป็นบริษัทจดทะเบียนที่ผลประกอบการเติบโตต่อเนื่อง แต่เมื่อเทียบราคาหุ้นกับปัจจัยพื้นฐาน ถือว่าราคาหุ้น DELTA อยู่ในข่ายที่แพง โดยมีค่า P/E ประมาณ 86 เท่า ราคาหุ้นต่อมูลค่าทางบัญชีประมาณ 6 เท่า ถือว่าสูง และอัตราเงินปันผลต่อประมาณ 0.30% เท่านั้น

ขณะเดียวกัน ตลาดหลักทรัพย์เคยตรวจสอบการซื้อขายหุ้น DELTA และปัจจุบันเชื่อว่า ยังเฝ้าจับตาดูความเคลื่อนไหวอยู่ โดยการตรวจสอบการซื้อขายที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์ไม่พบความผิดปกติใดที่เข้าข่ายการสร้างราคา หรือการทำให้ราคาหุ้นไม่เคลื่อนไหวตามกลไกตลาด

 สาเหตุอาจเป็นเพราะ มูลค่าซื้อขายหุ้น DELTA ส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนต่างชาติ โดยมีนักลงทุนรายย่อยตามแห่เข้าไปเก็งกำไรด้วย แต่สัดส่วนการซื้อขายอาจไม่มาก เมื่อเทียบกับมูลค่าการซื้อขายในแต่ละวัน เห็นได้จากโครงสร้างผู้ถือหุ้น DELTA 10 อันดับแรก ส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนสถาบัน โดยผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับหนึ่งคือ เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ สิงคโปร์ ในสัดส่วน 42.85% ของทุนจดทะเบียน มีผู้ถือหุ้นรายย่อยจำนวน 22,655 ราย ถือหุ้นรวมกันในสัดส่วน 23.08% 

นั่นทำให้การเป็นหุ้นขนาดใหญ่ที่มีน้ำหนักในการคำนวณดัชนีฯสูงที่สุด DELTA จึงถูกใช้เป็นเครื่องมือ ชี้นำดัชนีฯ โดยเฉพาะดัชนี ฯ 50 ซึ่งจะมีผลต่อการซื้อขายทำกำไรสัญญาล่วงหน้า SET50 หรือ SET 50 FUTURES รวมทั้งผลในการกระตุ้นราคาหุ้น DELTA บริษัทแม่ที่ไต้หวันด้วย

หลายครั้งที่หุ้น DELTA ทะยานขึ้นอย่างหวือหวา โดยไม่มีนักวิเคราะห์หลักทรัพย์รายได้ อธิบายถึงสาเหตุได้ นอกจากคาดเดาว่า น่าจะเกิดจากการลากราคาหุ้น เพื่อผลในการผลักดันดัชนี 50 และทำกำไรจากสัญญาซื้อล่วงหน้า SET50 ขึ้น หรือซื้อสัญญา LONG SET50

ทำให้แม้ DELTA จะวิ่งมาไกลสุดกู่ เกินราคาเป้าหม้ายที่นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ประเมินไว้ แต่ไม่มีใครกล้าทำนายว่า หุ้นมาเก็ตแคปยักษ์ใหญ่ตัวนี้ จะวิ่งไปอีกไกลถึงไหน เพียงแต่สะกิดเตือนรายย่อย ระวังการเข้าไปเล่นกับ DELTA เพราะเป็นการเล่นกับไฟ พลาดท่าเงินในกระเป๋าจะถูกเผามอดไหม้

 เพิ่มความระมัดระวัง

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ประเมินราคาเป้าหมาย DELTA ที่ 124 บาท คำแนะนำ “ถือ” คำแนะนำ “ถือ” แม้จะเชื่อว่า DELTA จะมีพื้นฐานที่แข็งแกร่งจากแนวโน้มระยะยาวในธุรกิจ AI ศูนย์ข้อมูลและรถยนต์ไฟฟ้า (EV) แต่ยังคงมีความระมัดระวังต่อหุ้นนี้ เนื่องจาก DELTA เป็นบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ไทยรายแรกที่ได้รับ ผลกระทบจาก GMT ซึ่งจะทำให้กำไรหลักในปี 2568 ลดลง 9% YoY ก่อนจะเติบโต 19% CAGR ในปี 2569-2571 ซึ่งลดลงจาก 28% CAGR ใน ปี 2561-2566

ขณะเดียวกันคาดว่าการเติบโตในกลุ่ม EV จะชะลอตัว (ซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของ DELTA ในช่วง 4 ปี ที่ผ่านมา และValuation สูงมากโดยหุ้นซื้อขายที่ P/E ปี 2568 ที่ 87 เท่า ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีอยู่+1 SD แม้ว่าการเติบโตจะชะลอตัว และสูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ 33.9 เท่า สำหรับ P/E ปี 2568

ส่วนอัพไซด์ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ AI/ศูนย์ข้อมูลที่พัฒนาขึ้นจาก DELTA ไต้หวัน รวมถึงโซลูชันเพื่อชดเชยผลกระทบจาก GMT และแนวโน้ม EV ที่ดีขึ้นจากผู้ผลิตในตะวันตก แต่มองว่าตลาดซึมซับอัพไซด์เหล่านี้ไปแล้ว ทั้งนี้ฝ่ายเลือก HANA (HANA TB, ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 52.2 บาท) เป็นหุ้นเด่นในกลุ่มนี้เนื่องจากคาดว่าจะพลิกมีกำไรอย่างแข็งแกร่งในอนาคต

 โดยปัจจัยขับเคลื่อนหลักของ DELTA มาจาก AI และศูนย์ข้อมูลความต้องการ AI จากผู้เล่นเทคโนโลยีขนาดใหญ่คาดว่าจะยังคงแข็งแกร่งในปี 2567-2571 ซึ่งจะช่วยกระตุ้นโซลูชันการทำความเย็นใหม่ สำหรับความต้องการการประมวลผลของศูนย์ข้อมูลโดย ประมาณ 49-80% ของค่าใช้จ่ายในศูนย์ข้อมูลจะถูกใช้ไปกับพลังงาน 

สำหรับเซิร์ฟเวอร์และโซลูชันการทำความเย็นซึ่งเป็นโอกาสของ DELTA โดยคาดว่าขนาดตลาดศูนย์ข้อมูลทั่วโลกจะมีมูลค่า 3.17 แสนล้านดอลลาร์ ในปี 2569 เพิ่มขึ้น 106% จากมูลค่าตลาดปี 2563 ที่ 1.53 แสนล้านดอลลาร์) นอกจากนี้ DELTA ยังมีอัพไซด์เพิ่มอีกหาก DELTA ไต้หวันอนุมัติการโอนลูกค้าและเทคโนโลยีมายังประเทศไทย

 ทำให้ฝ่ายวิจัยคาดว่ายอดขายจากกลุ่ม EV ของ DELTA จะขยายตัวที่ 17.4% CAGR ในปี 2567-2571 ซึ่งต่ำกว่าการเติบโตที่ 65.8% CAGR ระหว่างปี 2561-2566 แม้ว่า DELTA จะจัดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมียมและมีโอกาสน้อยที่จะถูกกระทบจากการแข่งขันจากรถยนต์ไฟฟ้าจีนแต่เราคิดว่าการขาดรถรุ่นตลาดของลูกค้าOEM ในโลกตะวันตก (ที่ DELTA จัดจำหน่ายส่วนใหญ่) จะจำกัดโอกาสการเติบโตระยะยาวของบริษัท 

ขณะที่ บล. ทิสโก้ จำกัด ระบุว่าการดำเนินงาน DELTA ในไตรมาส 3/67 นั้น Data Center กลุ่มที่ไม่เกี่ยวข้องกับ AI กลับมาเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ แสดงการเติบโต 19% จากปีก่อนและ 15% จากไตรมาสก่อน ซึ่งปัจจุบันคิดเป็น 28% ของยอดขายรวม ส่วนที่เกี่ยวข้องกับ AI มีสัดส่วนอยู่ในระดับ High-Single-Digit ของยอดขายรวม ในอนาคต คาดว่าระบบที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพิ่มเติมจะมีส่วนช่วยในไตรมาส 4/2567 แม้ว่าจังหวะการติดตั้งยังไม่แน่นอนเนื่องจากความล่าช้าของผลิตภัณฑ์ GPU การมีส่วนร่วมที่มากขึ้นคาดว่าจะเกิดขึ้นในปี 2568

ส่วนกลุ่ม Mobility การฟื้นตัวอ่อนแอกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยผู้บริหารได้ปรับลดการคาดการณ์การเติบโตลงเหลือในระดับ Single Digits (ลดลงจาก 20%) ยังไม่มีการให้แนวโน้มสำหรับปี 2568 และคาดว่ากำไรในไตรมาส 4/2567 จะชะลอตัวลงจากไตรมาสก่อน เนื่องจากความล่าช้าของ GPU ซึ่งส่งผลให้ เกิดความล่าช้าในการติดตั้งโครงการต่างๆ รวมถึงค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่สูงขึ้น ในขณะที่ได้รับการสนับสนุนจากการกลับรายการสำรองสินค้าคงเหลือน้อยลง คงคำแนะนำ "ถือ" สำหรับ DELTA โดยมูลค่าที่เหมะสมเท่ากับ 118.00 บาท

ทั้งนี้ จากที่นำเสนอข้างต้น จะเห็นว่า การประเมินราคาหุ้น DELTA ของนักวิเคราะห์ในปัจจุบันยังมีมูลค่าเหมาะสมที่น้อยกว่าราคาหุ้นที่ปิดตลาดล่าสุด (8พ.ย.) ที่ระดับ 155.00 บาทต่อหุ้น นั่นย่อมแสดงให้เห็นถึงความเสี่ยงในการลงทุนที่สูงกว่าหุ้นทั่วไปในช่วงเวลานี้ ดังนั้นหากไม่ใช่นักลงทุนที่ถือครองหุ้นDELTA ในระดับต่ำมาจนปัจจุบัน โดยที่ถืออยู่นั้นมีแต่กำไรในสัดส่วนที่มาก ก็ไม่ควรเข้าไปเสี่ยงเพียงเพื่อหวังกำไรเล็กน้อย แต่มีโอกาสเจ็บตัวมากกว่า


กำลังโหลดความคิดเห็น