หลังจากเกิดเหตุล้อประคอง(Guide Wheel)รถไฟฟ้าสายสีเหลืองหลุดและเหตุรางนำไฟฟ้า(Conductor rail)ที่เป็นรางจ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับรถไฟฟ้าสายสีชมพูหลุดในเวลาไล่เลี่ยกันทำให้หลายคนกังวลและมีคำถามถึงความปลอดภัยของระบบรถไฟฟ้าโมโนเรลซึ่งทางเอกชนผู้รับสัมปทานโครงการรถไฟฟ้ามหานครสายสีเหลืองและสายสีชมพูได้การหารือกับบริษัทอัลสตอมประเทศไทย(Alstom Thailand)เพื่อแก้ปัญหาในระยะยาวโดยได้มีการออกแบบล้อประคองเพิ่มระบบล็อคกันหลุดพร้อมเตรียมแผนทดสอบและทยอยปรับเปลี่ยนเพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับผู้โดยสาร
โดยเมื่อวันที่22ตุลาคม2567การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.)นำโดยนายสาโรจน์ต.สุวรรณรองผู้ว่าการ(กลยุทธ์และแผน)รฟม.พาคณะสื่อมวลชนศึกษาดูงานและเยี่ยมชมโรงงานCRRC Puzhen Alstom Transportation System Co., Ltd. (บริษัทPATS)ที่เมืองอู๋หู(Wuhu)มณฑลอานฮุยสาธารณรัฐประชาชนจีนซึ่งเป็นผู้ผลิตและประกอบรถไฟฟ้าโมโนเรลสายสีเหลือง(ลาดพร้าว-สำโรง)และสายสีชมพู(แคราย-มีนบุรี)พร้อมทดลองใช้บริการรถไฟฟ้าโมโนเรลWuhu Rail Transitซึ่งเป็นรุ่นเดียวกับที่ใช้ในประเทศไทย
@รฟม.มั่นใจมีความปลอดภัย
นายสาโรจน์ต.สุวรรณรองผู้ว่าการ(กลยุทธ์และแผน)รฟม.กล่าวว่าหลังเกิดเหตุล้อประคองหลุดรฟม.ได้มีการประสานด้านเทคนิคกับทางอัลสตรอมและบริษัทอีสเทิร์นบางกอกโมโนเรลจำกัดหรือEBMผู้รับสัมปทานรถไฟฟ้ามหานครสายสีเหลืองมาโดยตลอดซึ่งได้มีการดำเนินการแก้ไขและได้นำชุดล้อที่ออกแบบใหม่ติดตั้งกับรถไฟฟ้าสายสีเหลืองจำนวน1ขบวนและมีการเริ่มทดสอบแล้วส่วนสีชมพูเพิ่งติดตั้งเสร็จ1ขบวนและจะเข้าสู่การทดสอบเช่นกัน
“รฟม.มีความมั่นใจว่าเมื่อได้รับการแก้ไขและปรับปรุงทางด้านเทคนิคเรียบร้อยจะมีความปลอดภัยและสามารถให้บริการประชาชนได้อย่างสะดวกรวดเร็วต่อไป”นายสาโรจน์กล่าว
@แก้ทุกจุด”ติดน็อตเพิ่มระบบล็อก 2 ชั้น และมีเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิ”
ผู้จัดการ โรงงาน CRRC Puzhen Alstom ระบุว่า ล้อประคองของรถไฟฟ้าสายสีเหลืองหลุด เกิดจากหลายปัจจัย บริษัทฯ จึงได้มีการออกแบบใหม่เพิ่มการป้องกันที่ครอบคลุมในทุกจุด ได้แก่ การปรับปรุงเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำเข้าไปด้านในล้อประคอง, เพิ่มระบบล็อคจากเดิม เป็น 2 ชั้น, ติดเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิ(Temperature Sensor) ในทุกล้อ กรณีเกิดความร้อนจะส่งสัญญาณแจ้งเตือนไปที่ศูนย์ควบคุม โดยมาตรฐานค่าความร้อนที่ 80 องศาเซลเซียล แต่มีการตั้งค่าไว้ที่ 60 องศาเซลเซียส ก็จะมีการแจ้งเตือนแบบเรียลไทม์แล้วเพื่อนำรถเข้าตรวจเช็คได้ในทันที
ด้านนายณัฐภัทริ์ อุณหคงคา ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ รฟม.กล่าวว่า ในการแก้ปัญหารฟม.ร่วมกับผู้รับสัมปทานและซัพพลายเออร์ผู้ผลิตรถโมโนเรล ซึ่งได้มีการวิเคราะห์สาเหตุเบื้องต้นที่ทำให้ ล้อประคองของรถไฟฟ้าสายสีเหลืองหลุดพบว่า จาระบีที่เป็นตัวช่วยหล่อลื่นลดเเรงเสียดทาน มีการเปลี่ยนสี เนื่องจากเกิดความร้อน จากการหมุนของตัวล้อซึ่งเมื่อเกิดความร้อนสูงขึ้น ทำให้ชิ้นส่วนเกิดการหดหรือขยายตัว
“ดังนั้นทางอัลสตรอม จึงได้มีการวิจัยและออกแบบ ล้อประคองชุดใหม่ โดยมีการปรับเปลี่ยนวัสดุภายในดุมล้อ รวมถึงเพิ่มอุปกรณ์ เซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิ(Temperature Sensor) ดังนั้นกรณีจาระบีเกิดมีอุณหภูมิสูงขึ้นจะมีการส่งสัญญาณแจ้งเตือนไปที่ศูนย์ควบคุม เพื่อจะหยุดการเดินรถและตรวจสอบล้อที่เกิดความร้อนเกินเกณฑ์ได้ นอกจากนี้ ยังมีการเพิ่มน็อตขนาดใหญ่ ติดยึดกับแกนตรงกลางและเพิ่มแหวนพร้อมกับน็อตยึดแหวนอีก 6 ตัว เพื่อป้องกันการหลุดอีกชั้นหนึ่ง”
@“สีเหลือง-สีชมพู”ติดตั้งชุดล้อใหม่อย่างละ 1 ขบวน วิ่งทดสอบเก็บข้อมูล 3 เดือน
โดยขณะนี้ อยู่ในขั้นตอนนำชุดล้อประคองที่ออกแบบใหม่ มาทดสอบสายสีเหลือง 1 ขบวน และสายสีชมพู 1 ขบวน โดยจะติดตั้งชุดล้อประคองใหม่เสร็จในเดือนต.ค. 2567 และจะมีการวิ่งทดสอบและเก็บข้อมูลประมาณ 3 เดือน หรือไปจนถึงช่วงกลางเดือน ม.ค.2568 จากนั้นจะถอดล้อออกมาตรวจสอบด้านในหากไม่พบปัญหาใด ก็จะเริ่มเปลี่ยนล้อประคองชุดใหม่ กับโมโนเรลทุกตู้ ตั้งแต่เดือน ก.พ.2568 เป็นต้นไป ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาดำเนินการประมาณ 6-9 เดือนจึงจะเปลี่ยนครบทั้งหมด
สำหรับรถไฟฟ้าโมโนเรล 1 ตู้ จะมีชุดล้อประคองทั้งหมด 12 ล้อ โดย 1 ขบวน มี4 ตู้ เท่ากับมีล้อประคอง 48 ล้อ ซึ่งสายสีชมพู มีจำนวน 42 ขบวน และสายสีเหลืองจำนวน 30 ขบวน รวมมีชุดล้อประคองทั้งหมด 3,456 ล้อ ซึ่งคาดว่าจะเปลี่ยนเสร็จหมดภายในปี 2568
“รฟม.มั่นใจว่า ชุดล้อประคองที่มีการออกแบบใหม่ จะไม่เกิดปัญหาการหลุดร่วงอีกเพราะมีการเพิ่มน็อตตัวใหญ่ยึดที่แกนและมีน็อตล็อคอีก 6 ตัว ส่วนรายละเอียดอื่นๆ จะต้องรอผลการทดสอบการวิ่งกับขบวนจริงและเก็บข้อมูลให้เรียบร้อยก่อน”
อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบัน ที่รถไฟฟ้าโมโนเรล สีเหลือง-สีชมพู ยังใช้ล้อประคองแบบเดิมนั้น รฟม.มีการกำกับดูแล การให้บริการ รถไฟฟ้าสายสีชมพู และสีเหลือง โดยรฟม.ได้กำหนดมาตรการให้ผู้รับสัมปทานดำเนินการ ซึ่งได้แจ้งแผนระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาว โดยในระยะสั้น ผู้รับสัมปทาน มีการปรับแผนการดูแลบำรุงรักษา ตรวจสภาพอุปกรณ์ล้อ ทุกล้อ ทุกขบวนก่อนนำรถออกให้บริการ จากเดิมทุก 15 วัน เป็นทุก 1-2 วัน และมีการติดเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิแบบชั่วคราว เพื่อดูเรื่องอุณหภูมิ และในอนาคต อาจจะมีการติดตั้งกล้อง กล้องimage processing บริเวณประแจสับราง ช่วงออกจากเดปโป้ เพื่อมอนิเตอร์ ดูระยะการเคลื่อนของตัวล้อว่ามีการผิดปกติหรือไม่ รวมไปถึงการตรวจสอบโครงสร้าง วัสดุอุปกรณ์งานโยธา ต่าง ๆ ด้วย
@เหตุล้อหลุดไม่กระทบจำนวนผู้โดยสาร
โดยสถิติปริมาณผู้โดยสาร ปัจจุบัน ซึ่งเป็นช่วงปิดเทอม ช่วงวันที่ 1-21 ต.ค.2567 ของสายสีเหลือง เฉลี่ย 46,600 คน/วัน โดยวันธรรมดามีผู้โดยสารประมาณ 46,000 คน ส่วนวันเสาร์-อาทิตย์ เฉลี่ยที่ 35,000 คน ส่วนสายสีชมพูเฉลี่ย 56,785 คน/วัน โดยวันธรรมดามีผู้โดยสารประมาณ 65,000 วันเสาร์-อาทิตย์ มีประมาณ 47,000-49,000 คน อย่างไรก็ตามคาดว่า เมื่อเปิดเทอมแล้วจำนวนผู้โดยสารจะเพิ่มขึ้นประมาณ 10%
นายสาโรจน์ ต.สุวรรณ รองผู้ว่าการ (กลยุทธ์และแผน) รฟม. กล่าวว่า กรณีเหตุล้อประคองหล่นนั้น ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อจำนวนผู้โดยสารอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและสีชมพู เพิ่งเปิดให้บริการ จึงยังอยู่ในช่วงแรกที่ผู้โดยสารกำลังเติบโต โดยจากการศึกษา คาดการณ์ผู้โดยสารไว้สูงกว่านี้ ซึ่งมีหลายปัจจัยที่ทำให้จำนวนผู้โดยสารยังไม่เป็นไปตามเป้าหมาย รวมถึงพฤติกรรมการเดินทางในปัจจุบัน ทั้งนี้คาดว่าจำนวนผู้โดยสารจะเพิ่มขึ้นและมีปริมาณที่ชัดเจนขึ้น ในอีก 2 ปีข้างหน้า จึงจะนำมาวัดค่าปริมาณผู้โดยสารได้
ขณะที่การคาดการณ์การเติบโตของจำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพและปริมณฑลนั้น มีตัวชี้วัดกลาง หรือ MRT Standardization คาดการเติบโตที่ประมาณ 2.5% ต่อปี ทั้งนี้ หากมองในแต่ละโครงการ ซึ่งสายสีเหลือและสีชมพูเป็นเส้นทางฟีดเดอร์ ไม่ใช้สายหลัก ดังนั้นการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้โดยสารจะดีดตัวช้ากว่า รถไฟฟ้าสายหลัก
อย่างไรก็ตาม นายสาโรจน์ ระบุว่า อุบัติเหตุที่เกิดกับสายสีเหลืองและสายสีชมพู ซึ่งเป็นระบบโมโนเรลนั้น เป็นส่วนหนึ่งที่รฟม.ให้ความสำคัญ และต้องหาแนวทางป้องกันแก้ไข แต่ไม่ใช่ประเด็นว่าจะไม่มีการใช้ระบบโมโนเรลอีกแล้วเพราะการพิจารณาเลือกระบบรถไฟฟ้าที่เหมาะสมในแต่ละเส้นทางนั้นมีความแตกต่างกัน เช่น สายสีเหลืองและสีชมพู เป็นฟีดเดอร์ หากใช้ระบบ 'เฮฟวี่เรล' หรือรถไฟฟ้ารางหนักที่มีขนาดใหญ่ เหมือนสายสีน้ำเงินหรือสายสีม่วง จะไม่เหมาะกับเส้นทางและมีการลงทุนสูงที่จะสูญเสียปโดยเปล่าประโยชน์ ส่วนระบบโมโนเรล มีขนาดเล็กลงและมีค่าลงทุนถูกกว่า ส่วนประเด็นความปลอดภัยสามารถเพิ่มเติมในเงื่อนไขสัมปทานได้
@อัลสตรอมเปิดโรงงาน CRRC มีจีนเป็นลูกค้าหลัก
สำหรับ โรงงาน CRRC Puzhen Alstom Transportation System Co., Ltd. (บริษัท PATS) เป็นการร่วมทุนของบริษัท CRRC Nanjing Puzhen Vehicle Co., Ltd. และ ALSTOM ก่อตั้งในปี ค.ศ. 2014 ด้วยทุนจดทะเบียน 250 ล้านหยวนตั้งอยู่ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจและเทคโนโลยีเมืองอู๋หู (Wuhu Economic and Technological Development Zone) มณฑลอานฮุย สาธารณรัฐประชาชนจีน มีพื้นที่ทั้งหมด 167,000 ตารางเมตร โดยมีพื้นที่ส่วนของโรงงานกว่า16,000 ตารางเมตร
บริษัท PATS เริ่มการสายการผลิตครั้งแรกในเดือนธันวาคม ปี ค.ศ. 2017 มีพนักงานราว 1,300 คน โดยมีขอบเขตธุรกิจด้านระบบขนส่งมวลชนประเภทรถไฟฟ้าที่อาศัยการเคลื่อนที่ด้วยล้อยาง ซึ่งบริษัท PATS ดำเนินการตั้งแต่การออกแบบ การผลิตขบวนรถไฟฟ้า การบูรณาการระบบและส่งมอบขบวนรถไฟฟ้า
โดยขบวนรถไฟฟ้าที่บริษัท PATS ผลิตมีทั้งระบบขนส่งแบบล้อยางในระดับความจุปานกลาง-ต่ำ เช่น -ระบบรถไฟฟ้าโมโนเรลแบบคร่อมราง (Straddle monorail)
-ระบบขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติ (Automated People Mover: APM)
-ระบบขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติความจุต่ำ (Rubber-tyre Rapid Transit :RRT)
นอกจากนี้ บริษัท PATS ยังให้บริการอย่างอื่นสำหรับลูกค้า เช่น การวางแผนและการออกแบบ การก่อสร้างโครงสร้างงานโยธา การจัดหาระบบไฟฟ้า-เครื่องกล (M&E) การจัดหาเงินทุน การผลิต การติดตั้ง การให้บริการเดินรถและการบำรุงรักษา
โดยมีกำลังการผลิตรถไฟฟ้าโมโนเรล 300 ตู้/ปี โดยนับจากก่อตั้งโรงงานแห่งนี้ผลิตโมนเรลสะสมแล้วทั้งสิ้นประมาณ 900 ตู้ ส่วนรถระบบ APM มีกำลังการผลิตประมาณ 100 ตู้/ปี ซึ่งลูกค้าอยู่ในประเทศจีนมากที่สุด สัดส่วนประมาณ90%
นับตั้งแต่ก่อตั้ง บริษัท PATS เป็นเวลา 10 ปี ได้ทำสัญญาและส่งมอบขบวนรถไฟฟ้าให้กับโครงการต่างๆ ดังนี้
• ขบวนรถระบบรถไฟฟ้าโมโนเรล (Innovia monorail 300 straddle type) กว่า 10 โครงการ ได้แก่
Wuhu Rail Transit Line 1 และ Line2 , โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง และสายสีชมพู ประเทศไทย โครงการระบบขนส่งมวลชน เซาเปาโล ประเทศบราซิลโครงการระบบขนส่งมวลชน ไคโร ประเทศอิยิปต์ เป็นต้น
• ขบวนรถระบบ APM (Innovia APM 300) ได้แก่ โครงการระบบขนส่งมวลชนสาย Shanghai Pujiang โครงการ Hong Kong Airport Rapid Transit โครงการ Beijing Capital International Airport Rapid Transit โครงการ Singapore Bukit PanJang line และ โครงการรถไฟฟ้าสายสีทอง(BTS Golden line) เป็นต้น
และมีแผนส่งมอบรถ ในโครงการระบบขนส่งมวลชน มาเลเซีย Kuala Lumpur Airport APM ในปี ค.ศ. 2025 , โครงการระบบขนส่งมวลชน Hong Kong Airport APM project บริการในปี ค.ศ. 2026 ,โครงการระบบขนส่งมวลชนMonorail Monterey Line Mexico ในปี ค.ศ.2028 เป็นต้น
หากดูกำลังการผลิต และลูกค้าที่อัลสตอมมีการส่งมอบขบวนรถไฟฟ้าจากโรงงาน CRRC เมืองอู๋หู ก็ต้องยอมรับในเรื่องมาตรฐานการผลิต ส่วนรถไฟฟ้าโมโนเรล เป็นรถไฟฟ้าที่ไม่มีคนขับ โดย รุ่น Innovia monorail 300 นี้นอกจากมีการใช้ในโครงการสายสีเหลืองและสายสีชมพูของไทยแล้ว ยังมีใช้ในอีกหลายประเทศ ขณะที่มีคำถามว่า แล้ว!!! ที่อื่นเกิดเหตุล้อหลุดเหมือนไทยหรือไม่ จากการสืบค้น พบว่า โมโนเรลเมืองเซาเปาโล ประเทศบราซิล เคยเกิดเหตุหลายครั้ง ตั้งแต่ รถออกจากสถานีโดยประตูไม่ปิด , มีชิ้นส่วนร่วงจากตัวรถ , ยางล้อระเบิด และที่หนักสุด คือ ระบบอาณัติสัญญาณมีปัญหา จนทำให้รถ 2 ขบวนชนกัน ซึ่งทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งรฟม.และผู้รับสัมปทาน ต้องมาเป็นบทเรียน… เพราะอาจจะเกิดขึ้นกับโมโนเรลของไทยได้ทุกเมื่อ!!!