xs
xsm
sm
md
lg

ความตึงเครียดตะวันออกกลางรอบใหม่ หนุนหุ้นน้ำมัน-โรงกลั่น ดี๊ด๊า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



กูรู ประเมินสถานการณ์หลังอิหร่านโจมตีอิสราเอล ส่งผลสงครามในตะวันออกกลางกลับมาตึงเครียด หนุนหุ้นกลุ่มน้ำมัน -โรงกลั่น ระบุ PTT, PTTEP, BCP ,TOP, PTTGC, IRPC, BCP, ESSO, SPRC ได้ประโยชน์ แต่ยังแนะนำติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด หวั่นหากรุนแรงจนกลายเป็นสงครามอิสราเอลกับอิหร่านเต็มรูปแบบ กระทบอุปทานน้ำมัน และหากสงครามยืดเยื้อ จะหนุนราคาน้ำมันดิบทยอยขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลเงินเฟ้อของหลายประเทศเพิ่มขึ้นตาม กระทบ Sentiment ตลาดฯ คาดพักตัวตามกรอบ 1455-1470 จุด

ASPS ระบุ สงครามฯ หนุนหุ้นพลังงาน-โรงกลั่น -เงินเฟ้อ

บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า วันที่ 1 ต.ค. ราคาน้ำมันดิบ BRENT / WTI ปรับตัวลงแรง 2.6% และ 1.6% ตามลำดับ ปิดที่ ระดับ 73.5 เหรียญฯ/บาร์เรล และ 70.9 เหรียญฯ/บาร์เรล ซึ่งสาเหตุส่วนหนึ่งมาจาก ความคาดหวังการฟื้นตัวของตัวเลขเศรษฐกิจในจีนที่ดูดีขึ้นในช่วงที่ผ่านมา (DEMAND เพิ่มขึ้น) ขณะที่ฝั่ง SUPPLY มีความกังวลหลังจากอิหร่านได้ยิงขีปนาวุธ โจมตีอิสราเอล เพื่อตอบโต้อิสราเอลที่ใช้ปฏิบัติการสังหารผู้นำกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ซึ่ง เป็นพันธมิตรของอิหร่าน (SUPPLY ลดลง) ซึ่งจะเห็นได้ว่าเวลามีเหตุการณ์ความไม่ สงบในตะวันออกกลางทีไร มักจะดันให้ราคาน้ำมันดิบ BRENT ผันผวน และปรับตัวขึ้น ในช่วงสั้นได้

นอกจากนี้ คาดว่า SET Index จะถูกดดันจาก SENTIMENT เชิงลบ หลังอิหร่าน โจมตีเข้าไปในอิสราเอล แต่คาดมีหุ้น กลุ่มพลังงาน-โรงกลั่นที่มีสัดส่วนสูงถึง 1 ใน 3 ของน้ำหนักทั้งหมดเป็นตัวพยุง ส่วนหุ้น ที่ได้ประโยชน์ในยามราคาน้ำมันดิบขาขึ้น ได้แก่กลุ่มผู้ประกอบการผลิตและสำรวจ น้ำมันที่มีรายได้อิงกับราคาขายน้ำมัน คือ PTTEP, BCP ส่วนของธุรกิจโรงกลั่น คือ TOP, PTTGC, IRPC, BCP, ESSO, SPRC

อย่างไรก็ดี หากสงครามมีความยืดเยื้อ และรุนแรงมากขึ้น อาจหนุนให้ราคาน้ำมันดิบทยอย ปรับตัวขึ้นเรื่อยๆ และหนุนให้อัตราเงินเฟ้อของหลายประเทศต่างๆ เพิ่มขึ้นตามลำดับ ซึ่งจะตามมาด้วยการใช้นโยบายทางการเงินเชิงรุกที่มากขึ้นของ FED ECB BOE รวมถึง BOJ ก็เป็นได้ ซึ่งอาจหนุนให้ DOLLAR INDEX แข็งค่าขึ้น ซึ่งกดดันค่าเงินบาท ให้อ่อนค่าตามกลไก เฉกเช่นในอดีตสงครามรัสเซีย-ยูเครน เปิดฉาก ก.พ. 2022 หลังจากนั้น ราคาน้ำมันดิบ BRENT ขึ้นจาก 20 เหรียญฯ/บาร์เรล สู่ 120 เหรียญฯ/บาร์เรล และหนุนอัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯพุ่ง 9.1%YOY

เคจีไอ มอง PTT-PTTEP ได้ประโยชน์หลังราคาน้ำมันพุ่ง

บทวิเคราะห์หลักทรัพย์จาก บล.เคจิไอ แนะนำให้นำลงทุนติดตามสถานการณ์ในตะวันออกกลางอย่างใกล้ชิด เนื่องจากถ้าสถานการณ์ความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นจนพัฒนาเป็นสงครามระหว่างอิสราเอลกับอิหร่านเต็มรูปแบบ ย่อมส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันในตะวันออกลาง เพราะข้อมูลล่าสุดจาก OPEC พบว่าอิหร่านผลิตน้ำมันดิบอยู่ที่ประมาณ 3.3 MBD ในเดือนสิงหาคม หรือคิดเป็นประมาณ 3% ของกำลังการผลิตทั่วโลก ซึ่งเป็นตัวเลขที่มีนัยสำคัญ ส่งผลให้เรามองว่า PTTEP* และ PTT* จะได้รับประโยชน์จากราคาน้ำมันดิบที่ปรับขึ้นในช่วงนี้

ทั้งนี้ ราคาน้ำมัน WTI ปรับเพิ่มขึ้น 3% เป็น US$70/bbl เมื่อวันอังคาร( 1 ต.ค.) ที่ผ่านมา หลังจากอิหร่านโจมตีขีปนาวุธมากกว่า 100 ลูกเข้าไปในอิสราเอล โดยสหรัฐคาดว่าการโจมตีของอิหร่านต่ออิสราเอลอาจมีขอบเขตและขนาดใกล้เคียงกับการโจมตีในเดือนเมษายน ซึ่งเมื่อครั้งนั้นอิสราเอลเป็นคนเริ่มโจมตีสถานฑูตอิหร่านในซีเรียในวันที่ 1 เมษายน ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบ WTI วิ่งจาก US$84/bbl ณ วันที่เริ่มโจมตี ไปแตะระดับสูงสุดของปีที่ US$87/bbl เมื่อวันที่ 4 เมษายน

หลังจากนั้นอิหร่านโจมตีขีปนาวุธประมาณ 300 ลูกเข้าไปในอิสราเอลในวันที่ 13 เมษายน เพื่อตอบโต้กลับ แต่ราคาน้ำมันดิบเริ่มปรับลงมาที่ US$85/bbl ในขณะที่อิสราเอลโจมตีอิหร่านกลับในวันที่ 19 เมษายน แต่ราคาน้ำมันดิบปรับลงมาที่ US$83/bbl
กำลังโหลดความคิดเห็น