xs
xsm
sm
md
lg

ไม่สะเทือน!! ชี้แม้เจอภาษี100%BYDยังถูกสุดในอเมริกา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:


Seagull อีวีราคาต่ำที่สุดของ BYD ราคาเริ่มต้นไม่ถึง 10,000 ดอลลาร์ (334,000 บาท) ในจีน
ชี้แม้ถูกรีดภาษี 100% รถยนต์ไฟฟ้า BYD ยังมีราคาไม่ถึง 25,000 ดอลลาร์ และเป็นอีวีราคาถูกที่สุดในอเมริกา

หลังจากยุติการผลิตรถเครื่องยนต์สันดาปเมื่อเดือนมีนาคม 2022 BYD ก้าวขึ้นเป็นผู้นำในการเปลี่ยนผ่านสู่ยุครถยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มตัว

บริษัทอีวีเบอร์ต้นของจีนแห่งนี้ได้สร้างห่วงโซ่อุปทานมายาวนาน โดยเริ่มผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนตั้งแต่ปี 1996 และแบตเตอรี่ของ BYD ถูกนำไปใช้กับสมาร์ทโฟนยอดนิยมหลายรุ่นของโมโตโรลาและโนเกียในช่วงต้นทศวรรษ 2000

การเข้าสู่อุตสาหกรรมแบตเตอรี่แต่เนิ่นๆ ช่วยให้ BYD กลายเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมมาจนถึงวันนี้

นับจากเปิดตัวแบตเตอรี่เบลดสำหรับอีวีในปี 2020 BYD ยังคงนำเสนอเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพแต่ต้นทุนลดลงอย่างต่อเนื่อง

อิเล็กเทร็กรายงานโดยอ้างอิงจากนิกเกอิว่า แม้สเตลลา หลี่ ซีอีโอ BYD ประจำอเมริกาเหนือ ให้สัมภาษณ์ว่า ไม่มีแผนบุกตลาดรถยนต์นั่งของอเมริกา (ปัจจุบันทำตลาดเฉพาะรถบัสไฟฟ้าเท่านั้น) แต่จากการประเมินของโจ แม็กเคบ ซีอีโอออโต้ฟอร์แคสต์ โซลูชันส์ BYD จะยังคงมีอีวีราคาถูกที่สุดในอเมริกา แม้รถยนต์ไฟฟ้านำเข้าจากจีนถูกรีดภาษี 100% ก็ตาม

ทั้งนี้ รถยนต์ไฟฟ้าราคาถูกที่สุดของ BYD คือ Seagull ราคาเริ่มต้นไม่ถึง 10,000 ดอลลาร์ (334,000 บาท) ในจีน และปัจจุบันอีวีและรถไฮบริดของบริษัทแห่งนี้กำลังเบียดรถใช้น้ำมันออกจากตลาดรถจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถต่างชาติ

จากแถลงการณ์ของทำเนียบขาว มาตรการภาษีศุลกากรดังกล่าวจะเริ่มบังคับใช้วันที่ 27 กันยายน เพื่อปกป้องผู้ผลิตอเมริกันจากแนวทางปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นธรรมของจีน

แม็กเคบแจงว่า อีวีรุ่นที่ถูกที่สุดของ BYD สำหรับตลาดอเมริกาจะมีราคา 12,000 ดอลลาร์ ซึ่งแม้บวกภาษีศุลกากร 100% ก็จะยังคงเป็นอีวีที่ถูกที่สุดอยู่ดี ด้วยราคาไม่ถึง 25,000 ดอลลาร์ เทียบกับเทสลา บริษัทอีวีเจ้าถิ่นที่เป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าอเมริกา (ส่วนแบ่งตลาด 48% ในเดือนกรกฎาคม) ที่ราคารุ่นต่ำที่สุดยังสูงกว่า 30,000 ดอลลาร์

รายงานระบุว่า ค่ายรถจีนอย่าง BYD มีความได้เปรียบจากห่วงโซ่อุปทานที่แข็งแกร่งซึ่งช่วยให้ลดราคาลงได้

ข้อมูลล่าสุดของเอสแอนด์พี โกลบัล โมบิลิตี้ระบุว่า ยอดขายอีวีในจีนเดือนกรกฎาคมมีสัดส่วนถึง 50% ในตลาดรถยนต์นั่งของจีน เทียบกับแค่ 8.5% สำหรับยอดขายอีวีในอเมริกาในช่วงเวลาเดียวกัน

นอกจากนั้นบริษัทจีนที่รวมถึง BYD และ CATL ยังเป็นผู้นำในตลาดแบตเตอรี่ทั่วโลก จากข้อมูลของเอสเอ็นอี รีเสิร์ช CATL (35.9%) และ BYD (16.5%) เป็นผู้นำด้านยอดขายแบตเตอรี่สำหรับอีวีประจำไตรมาส 2 ปีนี้

ตลอดช่วง 8 เดือนแรกของปี 2024 CATL ครองส่วนแบ่งตลาดแบตเตอรี่สำหรับอีวีทั่วโลก 37.6% และ 16.1% สำหรับ BYD

แม้ BYD ยังไม่มีแผนบุกตลาดอีวีในอเมริกาอย่างน้อยในระยะเวลาอันใกล้ แต่ความเห็นของแม็กเคบอาจทำให้ค่ายรถอเมริกันบางแห่งนั่งไม่ติด เนื่องจากขณะที่ BYD ยังคงเปิดตัวอีวีราคาถูกลงพร้อมฟีเจอร์ขั้นสูงมากมายอย่างต่อเนื่อง แต่บริษัทรถอเมริกันหลายแห่งกลับชะลอโปรเจ็กต์รถยนต์ไฟฟ้า

ตัวอย่างเช่น ฟอร์ด มอเตอร์ที่ยกเลิกแผนการผลิตเอสยูวี 3 แถว เปิดทางให้คู่แข่งต่างชาติอย่างเกียและฮุนไดลุยชิงส่วนแบ่งตลาด

ขณะที่เจเนอรัล มอเตอร์เลื่อนแผนสร้างโรงงานแบตเตอรี่ในรัฐอินเดียนา และอาจหันไปใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนฟอสเฟตของ CATL ในอเมริกาแทน เช่นเดียวกับฟอร์ดและเทสลา

ฟอร์ดเบนเข็มไปโฟกัสอีวีขนาดเล็กที่ทำกำไรได้มากกว่าแทน หลังเห็นความสำเร็จของผู้ผลิตจีนอย่าง BYD โดยจิม ฟาร์ลีย์ ซีอีโอฟอร์ด ออกปากว่า Seagull ของ BYD “ดีมาก” และเตือนบริษัทรถอื่นๆ ให้ตระหนักถึงข้อได้เปรียบของบริษัทอีวีจีนแห่งนี้

อิเล็กเทร็กมองว่า ภาษีศุลกากรมีแนวโน้มทำให้การเปลี่ยนผ่านสู่ยุคอีวีล่าช้าลง และส่งผลให้อเมริกาล้าหลังในกระแสนี้ ดังนั้น รัฐบาลควรหันไปลงทุนกับห่วงโซ่อุปทานในประเทศแทนซึ่งจะช่วยจูงใจค่ายรถอเมริกันมากขึ้น โดยห่วงโซ่อุปทานที่มั่นคงจะช่วยดึงราคาถูกลงและส่งเสริมการยอมรับรถยนต์ไฟฟ้า
กำลังโหลดความคิดเห็น