“ภูมิธรรม” ชี้โลกเปลี่ยน การค้าอีคอมเมิร์ซมาแรง แนะผู้ประกอบการ SME ต้องเรียนรู้ ปรับตัว และใช้ประโยชน์ หากไม่หมุนตามโลก โอกาสรอดยาก แต่ถ้าตามทัน โอกาสก็มากตามไปด้วย เผยปี 66 มูลค่าการค้าจะสูงถึง 5.9 ล้านล้านบาท คาดยังเติบโตได้ต่อเนื่อง ยันพาณิชย์พร้อมเข้าช่วย ทั้งฝึกอบรม พัฒนา หาตลาด ส่วนแพลตฟอร์มยักษ์ TEMU ได้จัดทำมาตรการรับมือแล้ว
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการเป็นประธานเปิดงานมหกรรม Thailand E-commerce Expo 2024 ณ ทรูไอคอน ฮอลล์ ชั้น 7 ศูนย์การค้าไอคอนสยาม ว่า ปัจจุบันโลกมีการเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างมาก การค้าผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรืออีคอมเมิร์ซ ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในระบบการค้าโลก ผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (SME) จะต้องเรียนรู้ที่จะปรับตัว และใช้ประโยชน์จากอีคอมเมิร์ซ เพราะถ้าโลกเปลี่ยน เราไม่เปลี่ยนตามโลก โอกาสที่จะอยู่รอดก็ยาก แต่ถ้ารู้จักปรับตัว ปรับเปลี่ยนตามโลก ก็จะช่วยสร้างการเติบโตได้มาก
“ทุกวันนี้ การค้าอีคอมเมิร์ซ การค้าออนไลน์ เป็นมิติใหม่ทางการค้า เราเห็น เรารู้ด้วยตัวเอง คนรุ่นใหม่รู้จัก ผูกพันกับเรื่องพวกนี้มาโดยตลอด และกำลังเติบโต บวกกับช่วงที่เกิดโควิด-19 ยิ่งทำให้โลกเปลี่ยนเร็ว คนต้องเอาตัวรอดในสถานการณ์ตอนนั้น และขยายตัวต่อเนื่องมาจนถึงตอนนี้ ผู้ประกอบการ SME ต้องเรียนรู้ ต้องรู้จักใช้ประโยชน์ในการเปิดช่องทางขายสินค้า ไม่ต้องมีหน้าร้าน ไม่ต้องมีพื้นที่จัดแสดงสินค้า ก็สามารถขายสินค้าได้ จะเห็นได้ว่าโลกกำลังเปลี่ยน เราห้ามโลกเปลี่ยนไม่ได้ แต่เราปรับตัวได้ ถ้าเราไม่ปรับตัว อยู่เฉย ๆ สุดท้ายก็จะหายไป”
ทั้งนี้ ในปี 2566 มูลค่าการค้าผ่านอีคอมเมิร์ซ มีมูลค่าประมาณ 5.9 ล้านล้านบาท และคาดว่าในอีก 5-10 ปีข้างหน้า ก็จะยิ่งขยายตัวเพิ่มมากขึ้น ผู้ประกอบการ SME จะต้องเข้ามาใช้ประโยชน์ และเพิ่มโอกาสให้กับตัวเอง โดยในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ พร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือ ทั้งในด้านการพัฒนาเป็นผู้ประกอบการออนไลน์ มีการอบรมเพิ่มพูนความรู้ แนะนำเทคนิค ตลอดจนการช่วยทำตลาด ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
สำหรับแผนที่จะช่วยพัฒนาผู้ประกอบการ SME ให้เข้าสู่ระบบการค้าอีคอมเมิร์ซ มีหลายมิติมาก และเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดแนวใหม่ อาทิ การผลักดันให้ผู้ประกอบการชุมชนขายสินค้าออนไลน์ โดยใช้เถาเป่า โมเดล ที่จะเข้าไปช่วยเหลือพัฒนาชุมชนต่าง ๆ ให้สามารถขายออนไลน์ได้ การเชื่อมโยงนำสินค้าจากผู้ประกอบการ SME ไปขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ของประเทศต่าง ๆ โดยทำแล้วกับจีน สหรัฐฯ อินเดีย กัมพูชา อินโดนีเซีย ไต้หวัน สิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ มีแผนที่จะนำอินฟลูเอนเซอร์จีน มาไลฟ์สดขายสินค้าไทย กำหนดไว้วันที่ 25 ก.ย.2567 และผลักดันสินค้าของผู้ประกอบการ SME ไปอยู่ในซีรีส์วาย ซีรีส์ยูริ เป็นต้น
นายภูมิธรรมกล่าวว่า สำหรับการช่วยเหลือผู้ประกอบการ SME ให้ต่อสู้กับสินค้าจากต่างประเทศ ที่เข้ามาทำตลาดในไทยผ่านช่องทางออนไลน์ อย่างล่าสุดแพลตฟอร์ม TEMU ที่เปิดขายสินค้า และผู้ประกอบการ SME ได้ร้องเรียนว่าได้รับผลกระทบ กระทรวงพาณิชย์ได้มีการเข้าไปดูแลในเรื่องนี้แล้ว โดยได้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการคลัง กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) , สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) , กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) , สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เพื่อพิจารณามาตรการที่จะนำมาใช้ในการดูแล โดยจะใช้มาตรการที่แต่ละกระทรวงมีอยู่ อาทิ การดูแลเรื่องคุณภาพมาตรฐานสินค้า การใช้มาตรการทางภาษี หรือการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด เป็นต้น
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังได้หารือกับเอกอัครราชทูตจีน ประจำประเทศไทย เพื่อหารือแลกเปลี่ยนถึงประเด็นปัญหาในเรื่องนี้ โดยขอให้ช่วยผลักดันให้ TEMU เข้ามาจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทและลงทุนในไทย เพื่อให้อยู่ภายใต้กฎหมายไทย และส่งเสริมด้านการลงทุน และช่วยเพิ่มช่องทางในการขายสินค้าให้กับ SME ของไทย ซึ่งทางจีนได้รับที่จะไปดำเนินการให้