บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย เปิดตัว ALL NEW MG3HYBRID+ เพื่อบุกตลาด B-Segment พร้อมสร้างจุดเปลี่ยนให้กับวงการไฮบริด ในฐานะรถยนต์ไฮบริดที่มีสมรรถนะสูง
ALL NEW MG3HYBRID+ รถแฮทช์แบ็กไฮบริด 5 ประตูมีความโดดเด่นด้วยระบบ HYBRID+ ที่ใช้เทคโนโลยีล่าสุดจาก SAIC MOTOR เพื่อพัฒนารถที่มาพร้อมสมรรถนะและความประหยัดที่เหนือชั้น โดยระบบHYBRID+ เป็นการผสมผสานระหว่างเครื่องยนต์สันดาปภายในและมอเตอร์ไฟฟ้า ทำงานร่วมกันอย่างชาญฉลาดเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงในทุกสภาวะการขับขี่
อีกทั้งรถรุ่นนี้ยังถือเป็นGlobal Model ที่พัฒนาและปรับจูนทุกระบบโดยทีมวิศวกรระดับโลก เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับการใช้งานจริงบนถนนทั่วโลก โดยผ่านการทดสอบในทุกสภาพเส้นทาง สภาพอากาศ รวมถึงวิ่งทดสอบในสถานการณ์ที่หลากหลาย
ALL NEW MG3 HYBRID+ โดดเด่นเหนือใครด้วยดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ ที่ผสานระหว่างความสปอร์ต และความหรูหราได้อย่างลงตัว ปราดเปรียว และคล่องตัวในสไตล์รถแอทช์แบ็ก มาพร้อมความเท่ และดุดัน ด้วยการดีไซน์ไฟหน้าแบบใหม่Hunter Eye Headlamp หรือ ดวงตานักล่า ที่ดูโฉบเฉี่ยว พร้อมกระจังหน้าแบบใหม่ ไฟท้ายได้รับแรงบันดาลใจจากปีกผีเสื้อ สะท้อนถึงการเคลื่อนไหวที่คล่องตัว เส้นสายการออกแบบรอบตัวถังเน้นความโค้งมนตามแบบฉบับของ เอ็มจี
● มิติตัวถัง 4,113 x 1,797 x 1,502 มิลลิเมตร(ยาวx กว้างx สูง)
● ระยะความยาวฐานล้อ2,570 มิลลิเมตร
● ระยะต่ำสุดจากพื้น117 มิลลิเมตร
● ไฟหน้า แบบLED พร้อมระบบเปิด-ปิด ไฟหน้าอัตโนมัติ
● ไฟท้ายและไฟเบรกดวงที่สาม
● ไฟตัดหมอกหลัง
● ไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวัน(Daytime Running Lights)
● กระจกมองข้างปรับไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยว และพับอัตโนมัติ
● ระบบปัดน้ำฝนด้านหน้าแบบอัตโนมัติ พร้อมใบปัดน้ำฝนด้านหลัง
● ล้ออัลลอยด์ขนาด16 นิ้ว
ภายในห้องโดยสารสร้างสรรค์ขึ้นภายใต้Modular Concept ที่ให้ความสำคัญกับ วัสดุที่มีคุณภาพ พร้อมการออกแบบคอนโซลที่เล่นระดับให้มีมิติ เพิ่มความหรูหราด้วยภายในแบบทูโทนขาวสลับดำ เน้นความสะดวก ในการใช้สอย สำหรับทั้งคนขับและผู้โดยสาร ทั้งเพิ่มอรรถประโยชน์ในการใช้งาน โดยเฉพาะการออกแบบ ห้องโดยสารที่โดดเด่นในเรื่องของพื้นที่เหนือศีรษะ(Head room) และพื้นที่วางขา(Leg room) ที่ไม่อึดอัด โดยALL NEW MG3 HYBRID+ ถือเป็นรถที่กว้างที่สุดในคลาสเดียวกัน โดยเฉพาะห้องสัมภาระท้ายจุได้ มากถึง293 ลิตร และเมื่อพับเบาะสามารถจุได้มากถึง1,037 ลิตร
● พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันหุ้มหนัง พร้อมปุ่มควบคุมเครื่องเสียงพร้อมปุ่มรับ– วางสายโทรศัพท์
● กระจกไฟฟ้าOne Touch Up-Down ด้านผู้ขับขี่
● หน้าจอแสดงผลอัจฉริยะแบบดิจิตอลขนาด7 นิ้ว(Digital Multi – Function Display) และหน้าจอสี
ระบบสัมผัสขนาด10.25 นิ้ว
● ลำโพง6 จุด
● ช่องใส่ของภายในห้องโดยสาร25 จุด
● เบาะนั่งคนขับปรับ6 ทิศทาง และเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับ4 ทิศทาง
● ที่พักแขนด้านหน้า และเบาะนั่งด้านหลังพนักพิงพับได้
● ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
● รองรับระบบเชื่อมต่อมัลติมีเดียApple CarPlay และสมาร์ทโฟนระบบAndroid แบบไร้สาย
● ระบบกุญแจรีโมทอัจฉริยะ(Smart Key) พร้อมปุ่มPush Start
● ระบบปรับอากาศแบบดิจิตอล
● ระบบกรองอากาศPM 2.5
ALL NEW MG3 HYBRID+ ซึ่งให้กำลังมากที่สุดในคลาสเดียวกัน ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน1.5 ลิตร กำลังสูงสุด102 แรงม้า(75 กิโลวัตต์) ผสานการทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 136 แรงม้า (100 กิโลวัตต์) แรงบิดสูงสุด250 นิวตัน-เมตร แรงสุดในกลุ่มB-Segment สามารถทำอัตราเร่ง0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในเวลาเพียง8 วินาที และอัตราเร่ง80-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในเวลาเพียง5 วินาที ผลลัพธ์จากเทคโนโลยีไฮบริดใหม่ของ เอ็มจี อย่างระบบHYBRID+ กับ 8 โหมดขับเคลื่อนที่จะมอบประสบการณ์การขับขี่ ที่ประหยัดน้ำมันสามารถวิ่งได้ไกลกว่า800 กิโลเมตร และ ขับสนุกที่สุดในคลาส
● การทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องยนต์เบนซินDOHC 4 สูบ16 วาล์วDVVT 102 แรงม้า และมอเตอร์ไฟฟ้าแบบHigh-performance Permanent Magnet Synchronous Motors กำลังสูงสุด136 แรงม้า ให้ขุมพลังรวมสูงสุดถึง194 แรงม้า(143 กิโลวัตต์) แรงบิดสูงสุด250 นิวตัน-เมตร
● แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาดใหญ่ ในรูปแบบCell-To-Pack ความจุ1.83 kWh ซึ่งมีความจุมากที่สุด
ในรถขนาดเดียวกัน
● โหมดการขับขี่3 รูปแบบ ได้แก่ECO, NORMAL, SPORT
● ระบบส่งกำลังHybrid Transmission ขับเคลื่อนด้วยเกียร์ไฟฟ้าแบบ E-AT 3 อัตราทดเกียร์ ปรับการทำงานแบบอัตโนมัติ
● ระบบKERS (Kinetic Energy Recovery System) 3 ระดับ ได้แก่ มาก ปานกลาง และน้อย
● รัศมีวงเลี้ยว5.2 เมตร
● ระบบพวงมาลัยแร็คแอนด์พิเนียน ควบคุมด้วยไฟฟ้า(EPS)
● ระบบช่วงล่างหน้า MacPherson Strut พร้อมเหล็กกันโคลง
● ระบบช่วงล่างหลังTorsion Beam
● ดิสก์เบรกหน้าพร้อมช่องระบายความร้อน และดิสก์เบรกหลัง
ALL NEW MG3 HYBRID+ มาพร้อมโครงสร้างตัวถังนิรภัยแบบFSF (Full Space Frame) เพียบพร้อมด้วยระบบความปลอดภัยมาตรฐานADVANCED SYNCHRONIZED PROTECTION SYSTEM ซึ่งรวมระบบADVANCED DRIVER ASSISTANCE SYSTEM (ADAS) หรือระบบอำนวยความสะดวกช่วยควบคุมการขับขี่ และลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุจำนวน8 ระบบ พร้อมระบบเบรกอัจฉริยะ (Intelligent Brake System)
● ระบบเบรกมือไฟฟ้าEPB (Electronic Parking Brake)
● ระบบป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้างAVH (Auto Vehicle Hold)
● ระบบป้องกันล้อล็อกABS (Anti-lock Braking System) พร้อมระบบกระจายแรงเบรกEBD (Electronic Brake Force Distribution)
● ระบบเสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์EBA (Electronic Brake Assist)
● ระบบควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้งด้วยความเร็วXDS (Electronic Differential System)
● ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถลTCS (Traction Control System)
● ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชันHAS (Hill Start Assist System)
● ระบบสัญญาณไฟแจ้งเตือน เมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal)
● ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันACC (Adaptive Cruise Control)
● ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำTJA (Traffic Jam Assist)
● ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนพร้อมปรับองศาพวงมาลัยหากออกนอกเลนELK (Emergency Lane Keeping System) โดยผสานรวมระบบช่วยควบคุมรถเมื่อรถออกนอกเลน LDP (Lane Departure Prevention) ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKA (Lane Keep Assist) และ ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลนLDW (Lane Departure Warning) เข้าไว้ด้วยกัน
● ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้าขณะขับขี่FCW (Forward Collision Warning)
● ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติAEB (Autonomous Emergency Braking)
● ระบบตรวจจับพฤติกรรมการขับขี่UDW (Unsteady Driving Warning)
● ระบบควบคุมความเร็วรถอัตโนมัติICA (Intelligent Cruise Assist)
● ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติIHC (Intelligent High-beam control)
● ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยางTPMS (Tire Pressure Monitor System)
● ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัย
● กล้องรอบคัน360 องศา แบบHigh Definition
● จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบISOFIX
● ระบบล็อกประตูอัตโนมัติ(Speed Sensing Door Lock)
● สัญญาณเตือนระยะถอยหลัง
● ระบบกุญแจนิรภัยแบบImmobilizer
● ระบบไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่อง(FOLLOW ME HOME)
ALL NEW MG3 HYBRID+ มีให้เลือก2 รุ่นย่อย คือ
รุ่นD และ รุ่ นX โดยมีสีตัวถังให้เลือก6 สี ได้แก่ สีแดง (Scarlet Red) สีขาว(Arctic White) สีดำ (Black Knight) และสีเทา(Metal Ash Grey) จับคู่กับเบาะสีดำ ในรุ่น D ทั้งยังมีสีให้เลือกเพิ่มเติม คือ สีฟ้า(ST. Moritz Blue) และ สีเหลือ ง(Pastel Yellow) จับคู่กับเบาะสีทูโทน ในรุ่น X
ราคาจำหน่าย: ALL NEW MG3 HYBRID+
MG3 HYBRID+ รุ่น X ราคาสุทธิ 619,900 บาท ราคาพิเศษ 599,900 บาท
MG3 HYBRID+ รุ่น D ราคาสุทธิ 579,900 บาท ราคาพิเศษ 559,900 บาท
ข้อเสนอพิเศษสำหรับลูกค้าที่จองรถยนต์ ALL NEW MG3 HYBRID+
● ฟรี ประกันภัยชั้น1 พร้อม พ.ร.บ. 1 ปี
● รับประกันคุณภาพรถยนต์5 ปี หรือ120,000 กิโลเมตร(แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)*
● พิเศษ! เงื่อนไขการรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริด 10 ปี ไม่จำกัดระยะทาง
● ดาวน์ต่ำเริ่มต้น5% หรือ27,950 บาท
● ผ่อนเริ่มต้น6,291 บาท คำนวณจากราคาพิเศษเปิดตัวของรุ่นย่อยD ดาวน์25% ระยะเวลาผ่อน84 เดือน อัตราดอกเบี้ย3.69%
● เลือกรับดอกเบี้ยพิเศษ2.39% ผ่อนนาน48 เดือน หรือเลือกรับดอกเบี้ยปกติ ดาวน์ต่ำเริ่มต้น5%
● ฟรี ชุดพรมปูพื้น
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด