xs
xsm
sm
md
lg

คลัง-ธปท.ใจตรงกันหนุนประชาชน เอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งเงิน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



คลัง-ธปท. หารือช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง หนุนประชาชนและเอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งเงินทุน ยอมรับคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีอิสระกำหนดนโยบายการเงิน ทิศทางดอกเบี้ยนโยบาย

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังการหารือกับ นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ว่าเป็นการนัดหารือแบบไม่เป็นทางการ โดยใช้เวลาในการพูดคุยประมาณ 2 ชั่วโมง โดยทั้ง 2 ฝ่ายเข้าใจตรงกันว่า ในเรื่องนโยบายการเงินในการกำหนดดอกเบี้ยนโยบาย โดยคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ใช้วิจารณญาน และเครื่องมือในการประเมินเศรษฐกิจ เพื่อคุมดอกเบี้ยให้สอดคล้องกับเป้าหมายเงินเฟ้อ ร้อยละ 1-3 ซึ่งใช้มา 3-4 ปีแล้ว โดยกำหนดและทบทวนร่วมกันเป็นประจำทุกปี คลังเห็นด้วยว่าเป็นอิสระของ กนง. เพราะดอกเบี้ยนโยบายเป็นเรื่องการสร้างความเชื่อมั่นในเวทีโลก เรื่องการสร้างเสถียรภาพ คลังจึงไม่อยากแทรกแซงในเรื่องนี้ ส่วนกรอบเงินเฟ้อในปีนี้ใช้มาแล้ว 6 เดือน ธปท. คงต้องทบทวนใหม่เพื่อใช้เป็นเกณฑ์ดูแลดอกเบี้ยใหม่ในปีหน้า

“ในการหารือร่วมกัน เห็นว่าสิ่งสำคัญมากกว่าดอกเบี้ยขณะนี้ คือ ปัญหาการเข้าถึงแหล่งทุน เพราะเป็นปัญหาของประชาชน และภาคธุรกิจ รัฐบาลมีความเป็นห่วงมาก เพราะถึงแม้ดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้น ลดลงเล็กน้อย คงไม่เป็นปัญหาเท่ากับการขอกู้ไม่ได้ ซึ่งสำคัญกว่า จึงใช้เวลาหารือร่วมกันเรื่องนี้อย่างมาก เนื่องจากภาคเอกชนนาดกลางและรายใหญ่ เข้าถึงสินเชื่อได้ไม่น่าห่วง เพราะมีทั้งการออกหุ้นกู้ กระจายหุ้น ขอกู้แบงก์ ส่วนรายย่อย เอสเอ็มอียังเข้าไม่ถึงแหล่งกู้ และผู้มีปัญหาหนี้รายเดิม โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประสบปัญหาจากโควิด-19”

คลังขอให้ ธปท.ดูแลภาพรวมเศรษฐกิจที่จะหนุนให้รายย่อย นักธุรกิจเข้าถึงแหล่งเงิน หลังจากที่ผ่านมา ธปท. ออกประกาศหลายฉบับ กำชับให้ธนาคารคุมเข้มการปล่อยสินเชื่อ เพื่อป้องกันปัญหาหนืที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) พุ่งสูงขึ้น เมื่อธนาคารรัฐได้นำร่องผ่อนคลายเงื่อนไขปล่อยกู้ผ่านหลายโครงการ จึงอยากให้ธนาคารพาณิชย์อื่น ลองพิจารณาทำด้วย ผ่านผู้กำหนดนโยบายอย่าง ธปท. เพื่อร่วมกันแก้ปัญหาภาพรวม ทำให้ยอดหนี้ NPL ลดลงด้วย อีกทางหนึ่งให้รายย่อย เอสเอ็มอีมีโอกาสเข้าถึงแหล่งทุน นับเป็นเรื่องสำคัญมากกว่าเรื่องอื่นใด เพราะหากให้ดอกเบี้ยลดลงครึ่งเปอร์เซ็นต์ กับได้สินเชื่อ ชาวบ้านคงเลือกการได้เงินกู้แน่นอน

ยอมรับว่าสถาบันการเงินของไทยขณะนี้ค่อนข้างเข้มแข็ง ตามข้อกำหนดมาตรฐานสากลแทบทุกด้าน เมื่อธนาคารแข็งแรง จึงต้องมานั่งคุยกันว่า โอกาสในการปรับเกณฑ์ จึงมีโอกาสเป็นไปได้ และดึงเฉพาะกลุ่ม ควรได้รับการช่วยเหลือ นับว่าเป็นพอร์ตไม่ใหญ่มาก เมื่อเทียบกับพอร์ตสินเชื่อทั้งระบบ 4 ล้านล้านบาท คงไม่น่ากังวล เพื่อให้ธนาคารพาณิชย์ เข้ามาช่วยเหลือกลุ่มเป้าหมาย ดังนั้น นโยบายการปล่อยสินเชื่ออย่างมีความรับผิดชอบ ธปท.คงไปพิจารณา โดยไม่กระทบวินัยการปล่อยกู้

“เมื่อมีกรอบการทำงานในวันนี้ สศค.และ ธปท. จะประสานทำงานร่วมกันในรายละเอียด โดยกระทรวงการคลัง และ ธปท. พร้อมหารือร่วมกันบ่อยมากขึ้น เพื่อให้ทุกอย่างมีความชัดเจน นับว่าบรรยากาศหารือครั้งแรกเรียบร้อยดี เพราะนายพิชัย เคยบอร์ดแบงก์ชาติ จึงพูดภาษีเดียวกันและรับรู้วิถีการทำงานของแบงก์ชาติ บรรยากาศพูดคุยจึงเป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูล และจะหารือร่วมกันมากขึ้น
กำลังโหลดความคิดเห็น