xs
xsm
sm
md
lg

ตาสว่าง?!ไอเอ็มเอฟเห็นค่าบิตคอยน์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



ผู้จัดการกองทุนคริปโต บิตไวส์ ชี้ในที่สุดไอเอ็มเอฟก็เริ่มเปิดใจยอมรับคุณค่าของบิตคอยน์ หลังจากวิพากษ์วิจารณ์และคัดค้านการใช้คริปโตโดยรวมมาหลายปี โดยในรายงานล่าสุดระบุว่า คริปโตสกุลนี้รับหน้าที่เป็นเครื่องมือสำคัญในการเคลื่อนย้ายเงินข้ามพรมแดนท่ามกลางสถานการณ์การเงินโลกที่ไร้เสถียรภาพ

แมตต์ ฮูแกน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของบิตไวส์ โพสต์บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์เมื่อวันจันทร์ (22 เม.ย.) หลังอ่านรายงานความยาว 43 หน้าที่นักวิจัย 3 คนของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เผยแพร่เมื่อต้นเดือน

รายงานดังกล่าวที่ชื่อว่า “ข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับการเคลื่อนย้ายบิตคอยน์ข้ามพรมแดน” ประเมินบิตคอยน์ในฐานะสื่อกลางในการโอนเงินข้ามพรมแดน โดยนำเสนอการตรวจสอบการเคลื่อนย้ายบิตคอยน์ระหว่างประเทศทั้งแบบ on-chain และ off-chain และแสดงให้เห็นว่า ลักษณะการกระจายศูนย์ของบิตคอยน์ถูกใช้ประโยชน์เพื่อหลีกเลี่ยงระบบการธนาคารดั้งเดิมอย่างไร โดยเฉพาะในภูมิภาคที่มีปัญหาเศรษฐกิจหรือมีมาตรการควบคุมเงินทุนเข้มงวด

ตามรายงานฉบับนี้ ผู้พำนักอาศัยในประเทศที่มีข้อกำหนดทางการเงินเข้มงวดกำลังหันมาใช้บิตคอยน์ในการโยกย้ายเงินทุนข้ามแดนอย่างอิสระยิ่งขึ้น

รายงานเน้นย้ำธุรกรรมมูลค่ามหาศาลจากประเทศอย่างอาร์เจนตินาและเวเนซุเอลาที่พลเมืองเผชิญภาวะเงินเฟ้อขั้นรุนแรงและมาตรการควบคุมทางการเงินเข้มงวด

ในประเทศเหล่านั้น บิตคอยน์กลายเป็นเครื่องมือทางการเงินที่สำคัญสำหรับการปกป้องความมั่งคั่งและการเข้าถึงตลาดโลก แทนที่จะเป็นแค่เครื่องมือเก็งกำไร

เอลเฮนิโอ เซอรุตติ หนึ่งในผู้จัดทำรายงาน อธิบายว่า การทำธุรกรรมบิตคอยน์ช่วยให้ผู้คนในประเทศที่เงินเฟ้อสูงรักษาเสถียรภาพเงินออมของตนเองและมีส่วนร่วมในการค้าขายทั่วโลกในเงื่อนไขที่สกุลเงินท้องถิ่นไม่สามารถทำได้

อย่างไรก็ตาม รายงานฉบับนี้เตือนความเสี่ยงเกี่ยวกับการใช้บิตคอยน์ในการโอนเงินข้ามพรมแดนอย่างกว้างขวาง จากการขาดการกำกับดูแลและการทำธุรกรรมแบบไม่เปิดเผยตัวตน ซึ่งทำให้หน่วยงานกำกับดูแลติดตามและควบคุมธุรกรรมการเงินเพื่อป้องกันกิจกรรมผิดกฎหมาย เช่น การฟอกเงินได้ยาก

ฮูแกนเห็นด้วยกับประเด็นที่ว่า ผู้คนในประเทศที่บังคับใช้มาตรการควบคุมเงินทุนหรือมีช่องทางเข้าถึงเศรษฐกิจโลกจำกัด กำลังใช้บิตคอยน์เป็นทางออก

เขาย้ำว่า การที่อเมริกามีอัตราการยอมรับบิตคอยน์ในรูปเครื่องมือสำหรับการเคลื่อนย้ายเงินทุนต่ำ ไม่ได้สะท้อนความจริงของการใช้บิตคอยน์ทั่วโลก

ตัวอย่างเช่น ข้อมูลของเชนาไลซิสแสดงให้เห็นว่า การเคลื่อนย้ายบิตคอยน์แบบ on-chain ข้ามพรมแดนในเวเนซุเอลามีมูลค่าเฉลี่ย 0.8% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศระหว่างปี 2019-2022 เทียบกับไม่ถึง 0.1% ของจีดีพีในอเมริกา

นักวิจัยของไอเอ็มเอฟตรวจสอบข้อมูลธุรกรรมทั้งแบบ on-chain และ off-chain เพื่อสำรวจแนวโน้มเบื้องหลังการใช้บิตคอยน์ข้ามพรมแดน ซึ่งพบว่า การไหลเวียนของบิตคอยน์แบบ on-chain ที่บันทึกบนบล็อกเชนและนำเสนอความปลอดภัยมากขึ้นนั้น สัมพันธ์กับความรู้สึกเฉพาะเจาะจงกับคริปโต อาทิ ความผันผวนของตลาด และดัชนีที่บอกอารมณ์ความรู้สึกของนักลงทุน เช่น ดัชนีความกลัวและความโลภ

ในทางกลับกัน การทำธุรกรรมแบบ off-chain ดูเหมือนสัมพันธ์กับแรงจูงใจในการหลีกเลี่ยงข้อจำกัดในการเคลื่อนย้ายเงินทุน และมักมีมูลค่าน้อยกว่าการทำธุรกรรมแบบ on-chain

ฮูแกนประเมินว่า รายงานฉบับนี้เป็นการส่งสัญญาณว่า ไอเอ็มเอฟกำลังให้ความสนใจกับบิตคอยน์มากขึ้น และทำการวิจัยนี้เพราะบิตคอยน์เติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ทำให้ผู้วางนโยบายมีความจำเป็นมากขึ้นในการทำความเข้าใจผลกระทบจากคริปโตสกุลนี้ต่อเศรษฐกิจโลก และสำทับว่า โลกกำลังตื่นตัวกับบิตคอยน์

อนึ่ง ช่วงหลายปีที่ผ่านมา ไอเอ็มเอฟวิจารณ์รัฐบาลเอลซัลวาดอร์ที่ยอมรับบิตคอยน์เป็นสกุลเงินที่ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย และเรียกร้องให้ประเทศนี้ล้มเลิกกฎหมายบิตคอยน์

นอกจากนั้นเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว ไอเอ็มเอฟได้เสนอเมทริกซ์ประเมินความเสี่ยงสำหรับประเทศต่างๆ เพื่อลดผลกระทบแง่ลบต่อภาคเศรษฐกิจและการเงินจากคริปโต

ไอเอ็มเอฟยอมรับบิตคอยน์เป็นเครื่องมือทางการเงินที่จำเป็นสำหรับการปกป้องความมั่งคั่งท่ามกลางความไร้เสถียรภสนาพทางการเงิน
กำลังโหลดความคิดเห็น