ซูริคครองแชมป์เมืองอัจฉริยะประจำปี 2024 ขณะที่สิงคโปร์ติดอันดับ 5 ของโลกและอันดับ 1 ในเอเชีย ที่น่าสังเกตคือ นี่เป็นครั้งแรกนับจากที่เริ่มจัดทำดัชนีนี้ในปี 2019 ที่ไม่มีเมืองในอเมริกาเหนือติดท็อป 20 แม้แต่เมืองเดียว สำหรับกรุงเทพฯ ขยับขึ้นมา 4 ขั้นจากปีที่แล้ว คว้าอันดับ 84
ดัชนีเมืองอัจฉริยะประจำปี 2024 จัดทำโดยสมาร์ท ซิตี้ ออบเซอร์วาทอรีของไอเอ็มดี เวิลด์ คอมเพทิทีฟเนส เซ็นเตอร์ ร่วมกับเวิลด์ สมาร์ท ซัสเทนเนเบิล ซิตี้ส์ ออร์กาไนเซชัน (วีโก) ซึ่งเป็นสมาคมระหว่างประเทศของรัฐบาลท้องถิ่น บริษัทและสถาบันเทคโนโลยี ที่ตั้งอยู่ในโซล เกาหลีใต้
รายงานฉบับนี้จัดอันดับเมืองอัจฉริยะ 142 เมืองทั่วโลก โดยอิงกับข้อมูลที่วิเคราะห์โดยนักวิจัย ตลอดจนถึงการสอบถามความคิดเห็นผู้อยู่อาศัย 120 คนในแต่ละเมืองเกี่ยวกับประเด็นต่างๆ เช่น การจราจรแออัด บริการ Wi-Fi ฟรีในที่สาธารณะช่วยปรับปรุงการเข้าถึงบริการต่างๆ ของเมืองหรือไม่ ความเร็วและความไว้วางใจได้ของอินเทอร์เน็ตปัจจุบันตอบสนองความต้องการในการเชื่อมต่อหรือไม่ ฯลฯ ทั้งนี้ เพื่อให้เห็นภาพรวมว่า เมืองเหล่านี้ใช้โครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยีเพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตของพลเมืองได้ดีแค่ไหน
ซูริค (สวิตเซอร์แลนด์) ครองอันดับ 1 เป็นปีที่ 2 ติดกัน ตามด้วยออสโล (นอร์เวย์) แคนเบอร์รา (ออสเตรเลีย) เจนีวา (สวิตเซอร์แลนด์) สิงคโปร์ โคเปนเฮเกน (เดนมาร์ก) โลซานน์ (สวิตเซอร์แลนด์) ลอนดอน (อังกฤษ) เฮลซิงกิ (ฟินแลนด์) และอันดับ 10 อาบูดาบี (สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์)
เป็นที่น่าสังเกตว่า ท็อป 10 ปีนี้มีเมืองในยุโรปอยู่ถึง 7 เมือง ในทางกลับกัน นี่เป็นครั้งแรกนับจากเริ่มจัดทำดัชนีนี้ในปี 2019 ที่ไม่มีเมืองในอเมริกาเหนือติดท็อป 20 แม้แต่เมืองเดียว
ในส่วนของอเมริกานั้น บรูโน แลนวิน ประธานสมาร์ท ซิตี้ ออบเซอร์วาทอรี อธิบายว่า การที่ไม่มีเมืองของประเทศนี้ติด 20 อันดับแรกอาจเป็นเพราะใกล้ถึงการเลือกตั้งใหญ่ ทำให้ประชาชนวิพากษ์วิจารณ์มากขึ้นเกี่ยวกับสิ่งที่จำเป็นต้องปรับปรุง
เมืองในอเมริกาที่ได้คะแนนสูงสุดคือนิวยอร์กซิตี้ (อันดับ 34) ตามด้วยบอสตัน (36) และวอชิงตัน ดีซี (50)
สำหรับเมืองอัจฉริยะ 5 อันดับแรกในเอเชียประกอบด้วยสิงคโปร์ (อันดับ 5 ในตารางรวม) ปักกิ่ง (13) ไทเปซิตี้ (16) โซล (17) และเซี่ยงไฮ้ (19)
ทั้งนี้ ไทเปซิตี้กระโจนขึ้นมา 13 ขั้นจากอันดับ 29 ปีที่แล้ว
ในส่วนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นอกจากสิงคโปร์ที่ครองอันดับ 1 แล้ว ที่ 2 และ 3 เป็นของกัวลาลัมเปอร์ (อันดับ 73 ในตารางรวม) และไทย (84) โดยไทยนั้นไต่ขึ้นมาจากอันดับ 88 เมื่อปีที่แล้ว
สิงคโปร์เกาะกลุ่มท็อป 10 เหนียวแน่นมาตั้งแต่ต้น โดยครองอันดับ 1 ระหว่างปี 2019-2021 ก่อนตกไปอยู่อันดับ 7 ในปี 2023 โดยในปี 2022 นั้นไม่มีการเผยแพร่ดัชนีนี้เนื่องจากนักวิจัยใช้เวลาในการปรับปรุงวิธีการจัดอันดับ
รายงานพบว่า สิงคโปร์ได้คะแนนดีเยี่ยมในด้านการจัดหาระบบสุขาภิบาลพื้นฐานที่น่าพอใจให้แก่พื้นที่ที่ยากจนที่สุด ระบบขนส่งสาธารณะ และความปลอดภัยของประชาชน
แลนวินบอกว่า เมืองต้องออกแบบและใช้กลยุทธ์ที่สามารถต้านทานการทดสอบของอนาคตที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนมากขึ้น
เขาสำทับว่า ผู้คนยังกังวลอย่างมากเกี่ยวกับสุขภาพ ขณะที่ความกังวลเกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน และยิ่งซับซ้อนขึ้นเมื่อรวมสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างประเทศด้วย
แลนวินทิ้งท้ายว่า ความไว้วางใจและธรรมาภิบาลที่ดีมีความสำคัญมากขึ้น เช่นเดียวกับความสำคัญของปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ในการออกแบบและจัดการเมือง เนื่องจากเอไอสามารถทำให้เมืองคำนึงถึงผู้อยู่อาศัยมากขึ้น