'ณุศาศิริ' เดินหน้าขยายพันธมิตรทางธุรกิจ ประกาศทยอยขายที่ดินมูลค่ากว่าหมื่นล้าน ทั้งแลนด์แบงก์ที่ป่าคลอก ภูเก็ต ศรีราชา พัทยา มั่นใจเคลียร์หนี้ได้สบาย พร้อมเจรจากับรับเหมาจีน เจ้าหนี้ก่อสร้าง 'เลเจนด์สยาม พัทยา' เผยมีผู้สนใจ แต่รอให้ปมขัดแย้งคลี่คลาย 'วิษณุ เทพเจริญ' ยอมรับเป็นเคสที่หนักสุดในชีวิต ลุยต่อธุรกิจอสังหาฯ เพื่อสุขภาพ เปิด รพ.พานาซี สาขามายโอโซน ที่ จ.นครราชสีมา เจาะกลุ่มรักษ์สุขภาพ ปัองกันโรคร้าย ดูแลสุขภาพแบบองค์รวมครบวงจร แย้มผลประกอบการดีวันดีขึ้น คาดปี 67 รายได้โตกว่า 100% แย้มเตรียมเข็นเข้าระดมทุนในตลาดหุ้น
นายวิษณุ เทพเจริญ ประธานกรรมการบริษัท ณุศาศิริ จำกัด (มหาชน) หรือ NUSA เปิดเผยถึงภาพรวมธุรกิจของบริษัทว่า กลยุทธ์ปีนี้จะไม่เน้นการลงทุนมากนัก จะเป็นเรื่องการขยายพันธมิตรทางธุรกิจมากขึ้น รวมถึงการพิจารณาที่จะขายสินทรัพย์ที่เป็นส่วนของที่ดินสะสม (แลนด์แบงก์) ประมาณ 10,000 ล้านบาท และทรัพย์สินส่วนอื่นที่เป็นเพื่อการลงทุน เนื่องจากที่ดินแต่ละแปลงมีมูลค่าค่อนข้างสูง อยู่ในโซนที่มีศักยภาพตามหัวเมืองท่องเที่ยว เช่น ที่ดินในจังหวัดภูเก็ต มี 2 แปลง ได้แก่ ที่ดินหาดไม้ขาว และที่ดินป่าคลอก ประมาณ 50-60 ไร่ ที่ดินในโครงการมายโอโซน ที่มีอยู่ประมาณ 1,300 ไร่ พัฒนาไปเพียง 30% ที่ดินโซนศรีราชา จังหวัดชลบุรี และในโครงการ เลเจนด์สยาม พัทยา
"เรามีความรับผิดชอบต่อผู้ถือหุ้นกู้ หนี้รวมเราน้อยมากประมาณ 2,000 ล้านบาท ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ชำระไปแล้ว 130 ล้านบาท ที่เหลือปีนี้ประมาณ 1,000 ล้านบาท มีความพร้อมและสามารถชำระได้ โดยอยู่ระหว่างขายที่ดินให้ผู้ที่สนใจ แต่ละแปลงมีมูลค่ามากพอที่จะรองรับการชำระหนี้ได้หรือไม่ เราขอ Roll Over ในอัตราดอกเบี้ยเดิมได้ เราเชื่อมั่นด้วยศักยภาพของธุรกิจ และหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าสูง ต้องบอกว่าอาชีพเราทำอสังหาฯ ซื้อมาขายออกไป รายการไหนได้มูลค่า ได้มาร์จิ้นขายทุกตัว เรามีแอสเสทเยอะ ใครสนใจเลือกได้เลย แต่ยอมรับว่า ความขัดแย้งระหว่างผู้ถือหุ้นและผู้บริหารส่งผลต่อเนื่องให้ผู้ลงทุนที่จะเข้ามาซื้อแอสเสทเรา สรุปว่าจะต้องคุยกับใคร ตกลงกับใครกันแน่ ส่วนของหนี้การก่อสร้างโครงการเลเจนด์ สยาม นั้น ซึ่งมีบริษัทรับเหมาจีนเป็นเจ้าหนี้งานก่อสร้าง ขณะนี้เราอยู่ในขั้นตอนขออุทธรณ์ในการเรื่องการชำระหนี้กับทางบริษัทจีน" นายวิษณุ กล่าวและยอมรับว่า เคสที่เกิดขึ้นถือว่าหนักสุดตั้งแต่ทำธุรกิจมา
นางศิริญา เทพเจริญ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการตลาด บริษัท ณุศาศิริ กล่าวเสริมว่า ที่ดินแต่ละแปลงที่อยู่ในพอร์ต มูลค่าทางบัญชีสูง บางแปลงเรามองในเรื่องการขายเพื่อนำรายได้ไปปิดหนี้หุ้นกู้ และขายสต๊อกในโครงการที่มีอยู่ออกไป ล่าสุด ได้มีการลงนามกับกลุ่มบริษัท บางกอกเฮลท์แคร์ เซอร์วิส จำกัด (BHS Group) ที่ได้เข้ามาซื้อคอนโดมิเนียมในโครงการ PARC EXO ย่านเกษตร-นวมินทร์ ที่มีอยู่ 1 อาคาร จำนวน 200 ยูนิต เพื่อนำมาปรับฟังก์ชันใช้งานรองรับกลุ่มผู้สูงอายุที่ต้องการวางแผนชีวิตในบั้นปลาย
"แอสเสทเรามีกว่าหมื่นล้านบาท ที่ดินแต่ละแปลงเรายังไม่ Revalue เช่น ที่ดินในโครงการมายโอโซน เดิมซื้อมาไร่ละ 5 แสนบาท ปัจจุบันไร่ละ 3-4 ล้านบาท ยังเหลือที่ดินพัฒนาพันกว่าไร่ แต่มูลค่าในบัญชียังอยู่ที่ไร่ละ 5 แสนบาท เพราะเราเป็นหมวดอสังหาฯ จึงทำให้เราปรับมูลค่าทางบัญชีไม่ได้ ดังนั้น ความแข็งแรงของณุศาศิริ คือ อสังหาฯ ที่เราซื้อไว้ แค่ขายที่พัทยาเราจะกำไร มูลค่าอยู่ 800 ล้านบาท แต่ราคาประเมินถึง 5,000 ล้านบาท การที่ใครบอกว่าณุศาศิริ ทำธุรกิจแล้วขาดทุน แต่ที่ขาดทุนเพราะเราไม่ได้ไปสร้างหนี้ใหม่ ตอนที่เกิดโควิด ไม่ไปกู้เงินจากธนาคารเพื่อสร้างโครงการ ถ้าตอนนี้ไปกู้แบงก์ สร้างโครงการดอกเบี้ยสูง ยิ่งอสังหาฯ ที่ล้นอยู่ทำให้ทุกคนแบก Cost แต่ความยั่งยืนของณุศาศิริ จริงๆ คือ แลนด์แบงก์ ขายที่ดินออกเราก็ได้แล้ว เรามองอยู่ในหลายแปลง เช่น แผนขายที่ดินบริเวณป่าคลอก ในภูเก็ต ส่วนที่ไม่ขายแปลงหาดไม้ขาว เพราะจะมีโครงการของภาครัฐอยู่หลังแปลงของเรา จึงคิดว่าเก็บแอสเสทนี้ไว้ก่อน" นางศิริญา กล่าวว่า และเผยเทคนิคการซื้อที่ดินติดรถไฟฟ้าบริเวณถนนเอกมัย วาละ 1.8 แสนบาท ปัจจุบันปรับขึ้นไป 1.8 ล้านบาทต่อตารางวา
ยก "มายโอโซน" เมืองสุขภาพครบวงจร
นายวิษณุ กล่าวถึงการปรับแผนธุรกิจเข้าสู่กลุ่มอสังหาฯ เพื่อสุขภาพ (Wellness) อย่างเต็มตัวว่า การเปิดโรงพยาบาลพานาซี สาขามายโอโซน ที่ จ.นครราชสีมา เป็นหนึ่งในกลยุทธ์การรุกตลาดสุขภาพ โดยสาขามายโอโซน จะถูกยกระดับให้เป็นศูนย์ดูแลสุขภาพแบบองค์รวมครบวงจร ทั้งรักษา ฟื้นฟูสุขภาพ ชะลอวัย ด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัย เปรียบเสมือนเป็น 'เมืองสุขภาพ' ที่มีบริการที่ครบครันและอสังหาฯ ที่รองรับกลุ่มลูกค้าทุกเจน และจากแนวโน้มที่เติบโตของธุรกิจสุขภาพ ทำให้ตัวเลขปรับตัวดีขึ้นมาก จากระดับสิบล้านบาท จนไปถึงรายได้ 100 ล้านบาทแล้ว และคาดว่าในปี 2567 จะเติบโตร้อยละ 100 จากปี 66 ที่มีรายได้ประมาณ 300 ล้านบาท
ปัจจุบัน การบริการของโรงพยาบาลและเวลเนสเซ็นเตอร์ภายใต้แบรนด์ 'พานาซี' มีอยู่ 6 สาขา แบ่งเป็น ประเทศไทย 3 สาขา ประเทศจีน 2 สาขา ทั้งแบบลงทุนตรงและร่วมทุน และในประเทศเยอรมนี 1 สาขา ซึ่งอยู่ในช่วงที่รอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอนุญาตในการเปิดดำเนินธุรกิจ เพราะตามกฎหมายหลังปรับปรุงใหม่แล้วต้องมีการตรวจสอบอีกครั้ง
"ณุศาศิริเห็นศักยภาพในธุรกิจเกี่ยวกับสุขภาพ ในปี 2565 จึงเข้าซื้อหุ้น รพ.พานาซี สัดส่วนร้อยละ 90 เรามีแผนงานสร้างแฟรนไชส์คลินิกทุกโครงการอสังหาฯ ที่เราเปิด จะมีเรื่องการดูแลสุขภาพเข้ามาเสริม แต่ในระยะกลาง รายได้จากธุรกิจอสังหาฯ จะมีสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 55 และจะเห็นได้ว่าที่ดินของณุศาศิริจะอยู่ในหัวเมืองท่องเที่ยว จะส่งเสริมเรื่องการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ขณะเดียวกัน แผนใหญ่ที่เรามองไว้คาดหวังจะนำเข้าจดทะเบียนเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ภายในปลายปีนี้ ดังนั้น รายได้ในปีนี้ อสังหาฯ และธุรกิจสุขภาพจะมีรายได้รวมประมาณ 1,000 ล้านบาท"
