xs
xsm
sm
md
lg

ACE คาดปี 67 รายได้ใกล้เคียงปีก่อน 6.58 พันล้าน จ่อชิงเค้ก “พลังงานหมุนเวียนเฟส 2” -โรงไฟฟ้าขยะชุมชน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



ACE เผยปีนี้รายได้ใกล้เคียงหรือเพิ่มเล็กน้อยจากปีก่อนที่มีรายได้ 6.58 พันล้านบาท เหตุโรงไฟฟ้าใหม่ทยอย COD ช่วงปลายปี 67 ลั่นพร้อมชิงเค้กโครงการพลังงานหมุนเวียน เฟส 2-โรงไฟฟ้าขยะชุมชน หนุนกำลังผลิตไฟฟ้าในมือเพิ่ม เตรียมออกหุ้นกู้ปลายปีนี้ วงเงิน 500-1,000 ล้านบาท เพื่อใช้ขยายการลงทุนและเพิ่มสภาพคล่อง  

นายธนะชัย บัณฑิตวรภูมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอ๊บโซลูท คลีน เอ็นเนอร์จี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ACE เปิดเผยว่า ในปี 2567 บริษัทคาดว่ารายได้จะใกล้เคียงหรือเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบปี 2566 ที่มีรายได้รวม 6,583 ล้านบาท แม้ว่าปีนี้มีโรงไฟฟ้าที่คาดจะก่อสร้างแล้วเสร็จและทยอยเปิดเชิงพาณิชย์ (COD) เพิ่มเติมก็ตาม ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาดคลองขลุง (SPP Hybrid คลองขลุง) จังหวัดกำแพงเพชร กำลังการผลิต 20 เมกะวัตต์ (MW) ที่ COD เมื่อวันที่ 2 เมษายนที่ผ่านมา และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์ฟาร์ม) จำนวน 5 โครงการ กำลังการผลิตตามสัญญา PPA 35 เมกะวัตต์ แต่บริษัทฯ สามารถติดตั้งได้ 70 เมกะวัตต์ คาดว่าจะ COD ช่วงปลายปี 2567 ส่วนในปี 2568 จะมีโครงการโรงไฟฟ้าทยอย COD เพิ่มอีก 10 โครงการ กำลังการผลิตตามสัญญา PPA รวม 57.33 เมกะวัตต์

นอกจากนี้ ACE ยังอยู่ระหว่างพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลที่กำลังก่อสร้าง จำนวน 8 แห่ง ให้เป็นโรงไฟฟ้า New Gen ด้วยการนำเทคโนโลยีและระบบ AI มาช่วยออกแบบพัฒนาประสิทธิภาพเรื่อง Machine detect ตรวจจับวัดเปอร์เซ็นต์การเผาไหม้วัตถุดิบ พร้อมส่งสัญญาณแจ้งเตือนกรณีเกิด overburn หรือ unburn แบบเรียลไทม์ เพื่อลดต้นทุน และค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการซ่อมบำรุงได้ในระยะยาว ซึ่งโรงไฟฟ้าดังกล่าวสามารถใช้เชื้อเพลิงได้กว่า 60 ชนิด มากกว่าโรงไฟฟ้าชีวมวลในแถบอเมริกา ญี่ปุ่น ยุโรป โดยโรงไฟฟ้า New Gen ดังกล่าวจะ COD ใน 3 ปีข้างหน้า

ขณะเดียวกัน บริษัทยังรอลุ้นผลการเข้าร่วมประมูลโครงการโรงไฟฟ้าขยะชุมชนในรูปแบบ Feed-in-Tariff (FiT) อีกหลายโครงการ ที่คาดว่าจะทยอยประกาศผลผู้ชนะการประมูลภายในปีนี้ รวมถึงยังรอเข้าร่วมประมูลโครงการใหม่ๆ เช่น โครงการพลังงานหมุนเวียน สำหรับกลุ่มไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิง ระยะที่สอง จำนวน 3,668.5 เมกะวัตต์ ตลอดจนโรงไฟฟ้าขยะชุมชน เฟส 2 และโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม เป็นต้น


นายธนะชัยกล่าวว่า แผนงานการดำเนินงานในปีนี้ บริษัทจะเน้นการดำเนินโครงการในมือให้เดินเครื่องได้ตามแผนงาน ดังนั้น การควบรวมหรือซื้อกิจการโรงไฟฟ้า (M&A) จะชะลอก่อน เว้นแต่หากมีโครงการดีๆ ก็พร้อมลงทุน ทำให้ทั้งปีบริษัทมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 700 เมกะวัตต์ ต่ำกว่าเป้าหมายที่เคยตั้งไว้ 1,000 เมกะวัตต์ในปี 2567

“โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาดคลองขลุง จังหวัดกำแพงเพชร ที่เป็นโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลร่วมกับพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคา ดำเนินการโดยบริษัท ไบโอ เพาเวอร์ แพลนท์ จำกัด หรือ BPP ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ ACE ถือหุ้นโดยอ้อมสัดส่วน 100% กำลังการผลิตติดตั้งรวม 20 เมกะวัตต์ และมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) แบบ Feed-in Tariff (FiT) 13.31 เมกะวัตต์ กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (“กฟผ.”) ได้เริ่ม COD เป็นที่เรียบร้อยแล้วในวันที่ 2 เมษายนที่ผ่านมา”

สำหรับแผนการลงทุน 4 ปี (2567-2570) บริษัทจะใช้เงินลงทุนรวมกว่า 20,000 ล้านบาท โดยในช่วงปี 2567-2568 คาดว่าจะใช้เงินลงทุนอยู่ที่ปีละประมาณ 7,000-8,000 ล้านบาท ซึ่งเงินในส่วนนี้จะมาจากการกู้เงินจากสถาบันการเงินสัดส่วนประมาณ 70% และที่เหลืออีก 30% จะมาจากเงินลงทุนของบริษัท โดยหากคำนวณจากเงินลงทุนรวมที่ระดับ 20,000 ล้านบาท จะต้องใช้เงินลงทุนของบริษัทอยู่ที่ประมาณ 6,000 ล้านบาท


ปัจจุบันบริษัทมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีและค่าเสื่อมราคา (EBITDA) เฉลี่ยปีละกว่า 2,000 ล้านบาท ในส่วนนี้จะต้องกันไว้สำหรับบริหารจัดการหนี้ที่สิ้นปี 2566 อยู่ที่ระดับ 5,700 ล้านบาท ฉะนั้น อาจเหลือเงินจาก EBITDA ที่นำมาใช้ในการขยายธุรกิจได้เพียงปีละกว่า 1,000 ล้านบาท ดังนั้นบริษัทจึงได้งดการจ่ายเงินปันผลในปีที่ผ่านมา และคาดว่าจะกลับมาจ่ายปันผลในปี 2569 หลังจากความต้องการใช้เงินในการขยายงานลดลง

อย่างไรก็ดี ในปลายปีนี้บริษัทเตรียมจะออกหุ้นกู้เพิ่มเติมอีก 500-1,000 ล้านบาทจากปี 2566 บริษัทได้ออกหุ้นกู้ไปแล้ว 300 ล้านบาท เพื่อใช้ลงทุนโครงการใหม่ รวมทั้งเสริมสภาพคล่องและตอบสนองต่อนักลงทุนที่สนใจจองซื้อหุ้นกู้

นายธนะชัยกล่าวว่า บริษัทเห็นโอกาสความต้องการใช้ใบรับรองเครดิตการผลิตพลังงานหมุนเวียน (REC) ที่จะเข้ามามีบทบาทเพิ่มขึ้นในอนาคต หลังภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมต่างมีความต้องการใช้ REC เพื่อเป็นเครื่องหมายการันตีว่ามีส่วนร่วมในการลดภาวะโลกร้อน และสนับสนุนให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2593 (ค.ศ. 2050) และบรรลุการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ภายในปี 2608 (ค.ศ. 2065)

ทั้งนี้ บริษัทเร่งมองหา New S-Curve โดยวางแผนจะก้าวเป็นผู้ให้บริการด้าน Net Zero Solutions ครบวงจรแบบ One Stop service อาทิ คาร์บอนเครดิต และใบรับรองเครดิตการผลิตพลังงานหมุนเวียน (REC) ซึ่งปัจจุบันโรงไฟฟ้าของ ACE สามารถผลิต REC ได้ประมาณ 1 ล้าน REC ต่อปี และในอนาคตหากโรงไฟฟ้าชีวมวลต่างๆ สามารถเปิดเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ (COD) ตามแผนงานเรียบร้อยแล้ว อาจเพิ่มได้ถึงระดับ 2 ล้าน REC ต่อปี โดยในส่วนนี้จะสามารถนำไปขายให้ผู้ต้องการ REC เพื่อสร้างรายได้ให้บริษัทในอนาคตได้

บริษัทอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมด้านบริการให้คำปรึกษา หรือรับดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับการช่วยลด CO2 ให้กับภาคธุรกิจ อาทิ การให้บริการปลูกป่าเพื่อดูดซับคาร์บอน ซึ่งอยู่ระหว่างทำ Pilot Project ทั้งการวิจัยพัฒนาพันธุ์ไม้ที่เหมาะกับสภาพอากาศ ทนต่อโรค โดยทดลองปลูกในพื้นที่ของบริษัทจำนวน 200 ไร่ที่จังหวัดพะเยา เพื่อมองหารูปแบบและปัจจัยที่เหมาะสม

ปัจจุบัน ACE มีโครงการโรงไฟฟ้ารวม 88 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้งรวม 602.29 เมกะวัตต์ ประกอบด้วยโครงการโรงไฟฟ้าที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) แล้ว 23 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้งรวม 277.57 เมกะวัตต์ และยังมีโครงการโรงไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างการพัฒนา 65 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้งรวม 324.72 เมกะวัตต์
กำลังโหลดความคิดเห็น