'บิลท์แลนด์' คัมแบ็ก เร่งสร้างพอร์ตโครงการอสังหาฯ ครั้งใหญ่ วางเป้าเปิด 6 โครงการกว่า 4,700 ล้านบาท มุ่งขยายตลาดให้ครบทุกเซกเมนต์ ราคาตั้งแต่ 3.8 ล้าน ไปจนถึงบ้านลักชัวรี หลังละ 58 ล้าน เนรมิตแลนด์แบงก์ไทรน้อย นนทบุรี เปิดโครงการเมกะโปรเจตก์ บ้านแฝด บ้านเดี่ยว รวมมูลค่า 2,760 ล้านบาท เดินหน้าขยายพอร์ตรายได้ประจำ โรงแรม และ สนง.ให้เช่า เตรียมเปิด Budget Hotel เพิ่ม 1 แห่ง รับห้างพันทิพย์ งามวงศ์วาน ปรับโฉมใหม่
นายชัยรัตน์ ธรรมพีร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิลท์แลนด์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตนอยู่ในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ไม่ต่ำกว่า 30 ปี โดยในส่วนของบริษัท บิลท์แลนด์ฯ ถูกก่อตั้งและดำเนินธุรกิจพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยมาได้ 15 ปี ซึ่งช่วง 4 ปีที่ผ่านมา บริษัทชะลอการลงทุน เนื่องจากติดปัญหาเรื่องของโควิด-19 ปัญหาทางธุรกิจ และติดเรื่องสภาพเศรษฐกิจ และช่วงเวลาดังกล่าว บริษัทได้ทยอยลงทุนซื้อที่ดิน (แลนด์แบงก์) เข้ามาเตรียมพร้อมพัฒนาโครงการใหม่ โดยผลงานที่ผ่านมา ได้เปิดโครงการคอนโดมิเนียมตามแนวรถไฟฟ้าไปแล้ว 8 โครงการ และแนวราบอีก 6 โครงการ รวมทั้งสิ้น 14 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 7,480 ล้านบาท และสามารถปิดการขายได้ตามระยะเวลาที่กำหนด
นอกจากนี้ เมื่อปี 2566 ที่ผ่านมา ได้ตัดสินใจลงทุนพัฒนาโครงการอสังหาฯ เพื่อสร้างรายได้หมุนเวียนให้บริษัท ได้แก่ อาคาร B Work ซึ่งเป็นอาคารสำนักงาน และ Co-Working & Event Space ย่านแจ้งวัฒนะ พร้อมกับพัฒนาโรงแรม Koo Hotel แห่งแรก มีจำนวน 79 ห้อง ซึ่งเป็น Stylish Budget Hotel เพื่อรองรับทั้งนักท่องเที่ยวและผู้มาประชุมสัมมนาที่อิมแพค เมืองทองธานี ราคาห้องพักกว่า 1,000 บาทต่อคืน ซึ่งการเปิดตัวทั้ง 2 โครงการดังกล่าวสามารถสร้างรายได้และกระแสเงินเข้ามาหมุนเวียนได้เป็นอย่างดี และในปีนี้มีแผนเตรียมลงทุนโรงแรมแห่ง 2 ใกล้ห้างพันทิพย์งามวงศ์วานเพียง 200 เมตร มูลค่าประมาณ 400 ล้านบาท เพื่อสร้างรายได้หมุนเวียนต่อเนื่อง ราคาห้องพักใกล้เคียงกว่า 1,000 บาทต่อคืน เจาะกลุ่มผู้ที่ต้องการห้องขนาดเล็กๆ
สำหรับทิศทางธุรกิจเกี่ยวกับการพัฒนาโครงการเพื่อขาย นายวิฑูรย์ อภิวาทธนะพงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท บิลท์แลนด์ฯ กล่าวว่า ทางบิลท์แลนด์ได้ปรับโปรดักต์หันมาเจาะกลุ่มตลาดแนวราบในระดับราคาที่สูงขึ้น โดยเปิดตัวโครงการแนวราบให้ครอบคลุมทุก segment ตั้งแต่ระดับราคา 3.8 ล้านบาท ไปจนถึงราคาสูงสุดต่อหลังเริ่มต้นที่ 58 ล้านบาท รวม 6 โครงการ และพัฒนา 3 แบรนด์ใหม่ ได้แก่ MYRRA, TERRA, และ LAKE TEMPO ซึ่งเป็นเมกะโปรเจกต์ใหญ่ที่สุด ที่ดินโซนย่านไทรน้อย จ.นนทบุรี ที่ซื้อเข้ามาช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา บนพื้นที่กว่า 200 ไร่ รวมทุกโครงการมีมูลค่ากว่า 4,700 ล้านบาท พร้อมวางกลยุทธ์งานธุรกิจบริการด้านอสังหาฯ แบบรอบด้าน เพื่อเตรียมขยายขอบเขตธุรกิจ และเอื้อประโยชน์ให้ลูกบ้านแบบครบวงจร
โดยจะเป็นบ้านพร้อมโอนกรรมสิทธิ์ โครงการมีรูปแบบและคอนเซ็ปต์ของการพัฒนที่แตกต่างกัน เริ่มจากแบรนด์ MYRRA บ้านในอุทยานไม้หอม กับโครงการ 'เทมโป ไมร์ร่า พระราม 5-สะพานมหาเจษฎาบดินทร์ฯ' บ้านเดี่ยว และบ้านแฝด จำนวน 90 ยูนิต มูลค่าโครงการ 720 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 6.9 ล้านบาท ช่วงที่เปิดขายอย่างไม่เป็นทางการ เมื่อวันที่ 16-17 มี.ค.ที่ผ่านมา มีลูกค้าสนใจและโอนเงินสดซื้อไป 2 ยูนิต และอยู่ในช่วงพัฒนาในเฟสที่ 2
โครงการริทโม พาร์ควิว ชัยพฤกษ์-แจ้งวัฒนะ (แบรนด์เดิม) เปิดขายในไตรมาส 2 ปีนี้ เป็นบ้านแฝดและบ้านเดี่ยว จำนวน 72 ยูนิต มูลค่าโครงการ 360 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 4.77 ล้านบาท
สำหรับบ้านเดี่ยวระดับลักชัวรีจะรุกตลาดภายใต้แบรนด์ TERRA ในปีนี้จะเปิด 3 โครงการ ที่เน้นความเป็นส่วนตัวสูง รูปแบบบ้านเดี่ยว 3 ชั้น ได้แก่ เทอร์ร่า เฮาส์ วิภา-พหล 21 ใกล้บีทีเอสสถานีพหลโยธิน 24 มีจำนวน 6 ยูนิต มูลค่าโครงการ 330 ล้านบาท มีราคาเริ่มต้น 58 ล้านบาท ซึ่งเปิดตัวโครงการไตรมาส 2 เทอร์ร่า ควอเตอร์ แจ้งวัฒนะ-ปากเกร็ด 35 อยู่ใกล้ MRT สถานีศรีรัช มี 4 ยูนิต มูลค่าการขาย 80 ล้านบาท ราคา 20 ล้านบาทต่อหลัง และเทอร์ร่า คลาวด์ ปิ่นเกล้า-ราชพฤกษ์ จำนวน 9 ยูนิต มูลค่าโครงการ 450 ล้านบาท ราคา 50 ล้านบาท
และโครงการ Lake Tempo (เลค เทมโป-ไทรน้อย) เป็นโครงการเมกะโปรเจกต์ บนเนื้อที่ 200 ไร่ รูปแบบแนวราบถึง 4 โครงการ มูลค่าโครงการ 2,760 ล้านบาท รองรับการสร้างรายได้ให้บิลท์แลนด์ต่อเนื่องไปถึง 6 ปี มีแผนที่จะเปิดตัวปลายปีนี้ เริ่มจากเฟสแรก กับ Ritmo Lake View บ้านแฝด บ้านเดี่ยว จำนวน 172 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 3.8 ล้านบาท เฟสที่ 2 Tempo Lake Side บ้านเดี่ยว จำนวน 154 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 5 ล้านบาท เฟสที่ 3 Myrra Hill จำนวน 120 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 6.9 ล้านบาท และเฟสสุดท้าย Terra Cove บ้านหรูบนถนนเมน จำนวน 12 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 18 ล้านบาท
"บริษัทยังมีแผนที่จะลงทุนซื้อที่ดินเพิ่มเติม เช่น บนถนนเส้น 345 จังหวัดปทุมธานี จากที่มีอยู่ 40-50 ไร่ เพื่อรองรับโมเดลการทำโครงการใหญ่ ซึ่งธุรกิจอสังหาฯ เพื่อขายยังเป็นหลักของการสร้างรายได้ แต่เราวางแผนที่จะมีรายได้ประจำเข้ามาเพิ่มเติมจากปัจจุบันมีสัดส่วนร้อยละ 20 โดยในปีนี้ คาดว่าจะมีรายได้จากยอดขายที่เป็นบ้านพร้อมอยู่ประมาณ 600-700 ล้านบาท" นายชัยรัตน์ กล่าวและว่า แผนการเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ยังคงอยู่ในขั้นตอนเตรียมความพร้อม เพียงแต่รอจังหวะและโอกาส
