xs
xsm
sm
md
lg

นิสสันกางแผนธุรกิจเปิดตัวรถใหม่30รุ่น เพิ่มยอดขาย1ล้านคัน-หั่นต้นทุนอีวี30%

เผยแพร่:   ปรับปรุง:


นิสสันเปิดแผนธุรกิจรับมือความผันผวนรุนแรงในตลาดและการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในอุตสาหกรรมอีวี
นิสสันเล็งปั้นยอดขายเพิ่ม 1 ล้านคันภายใน 3 ปีหน้า และลดต้นทุนการผลิตอีวีลง 30% ภายในปี 2030 รับพัฒนาการในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะอย่างยิ่งความกดดันด้านราคามาถึงเร็วกว่าที่คิดไว้มาก

วันจันทร์ (25 มี.ค.) นิสสัน มอเตอร์ ค่ายรถอันดับ 3 ของญี่ปุ่นในแง่ยอดขาย ได้เปิดเผยแผนการธุรกิจระยะกลางที่ชื่อว่า The Arc ซึ่งประกอบด้วยการเปิดตัวรถใหม่ 30 รุ่นภายในปีการเงิน 2026 ในจำนวนนี้จะเป็นรถยนต์ไฟฟ้า 16 รุ่น พร้อมตั้งเป้าบรรลุต้นทุน-ความเท่าเทียมระหว่างอีวีกับรถเครื่องยนต์สันดาปภายในปี 2030

มาโกโตะ อูชิดะ ซีอีโอนิสสัน แถลงว่า แผนการนี้จะช่วยให้บริษัทขับเคลื่อนมูลค่าและความสามารถในการแข่งขันไปไกลขึ้นและเร็วขึ้น และเสริมว่า ท่ามกลางความผันผวนรุนแรงในตลาด นิสสันกำลังดำเนินการแผนการใหม่อย่างแน่วแน่เพื่อให้มั่นใจในการเติบโตอย่างยั่งยืนและความสามารถในการทำกำไร

นิสสันต้องการให้อัตรากำไรเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 6% ภายในปลายปี 2026 รวมถึงเพิ่มผลตอบแทนการลงทุนโดยรวมเป็นกว่า 30% และเพิ่มยอดขายทั่วโลกอีก 1 ล้านคันภายในปีการเงิน 2030 โดยปีที่ผ่านมา นิสสันทำยอดขายทั่วโลกได้เกือบ 3.4 ล้านคัน หรือเพิ่มขึ้นจากปี 2022 ประมาณ 5%

การแถลงข่าวนี้มีขึ้นขณะที่กระแสเห่ออีวีดูเหมือนจางลง บรรดาผู้ผลิตรายใหญ่ อาทิ ฟอร์ด มอเตอร์, เจเนอรัล มอเตอร์, เมอร์เซเดส-เบนซ์ และโฟล์คสวาเกน ต่างลดขนาดหรือเลื่อนแผนการอีวีออกไป ท่ามกลางดีมานด์ที่แผ่วลง แม้แต่อีลอน มัสก์ ซีอีโอเทสลา ผู้นำวงการยานยนต์ไฟฟ้า ยังออกตัวตั้งแต่ช่วงต้นปีว่า อัตราการเติบโตอาจชะลอลง

ค่ายรถดั้งเดิมยังเผชิญความท้าทายสำคัญจากบริษัทอีวีจีน ประเทศที่เป็นตลาดอีวีใหญ่ที่สุดและมีผู้เล่นหนาแน่นที่สุดในโลก

นิสสันนั้นเป็นผู้บุกเบิกวงการอีวีด้วยการเปิดตัว “ลีฟ” รถพลังงานไฟฟ้า 100% ตั้งแต่ปี 2010 แต่ดูเหมือนความพยายามนี้ถูกกลบด้วยกระแสความชื่นชอบในเทสลาและบีวายดีของจีน

อูชิดะให้สัมภาษณ์ซีเอ็นบีซีว่า พัฒนาการในภาคอีวีโดยเฉพาะอย่างยิ่งความกดดันด้านราคามาถึงเร็วกว่าที่คิดไว้มาก อย่างไรก็ตาม นิสสันเตรียมพร้อมรับมือด้วยการพัฒนาอีวีโดยใช้ชิ้นส่วนร่วมกัน ผสานรวมระบบส่งกำลัง และโฟกัสนวัตกรรมแบตเตอรี่ เพื่อขับเคลื่อนแผนการลดต้นทุนการผลิตอีวีรุ่นใหม่ลง 30% เมื่อเทียบกับครอสโอเวอร์อริยะรุ่นปัจจุบัน

ค่ายรถแถวหน้าจากญี่ปุ่นแห่งนี้มีแผนลดต้นทุนด้วยการร่วมมือกับซัปพลายเออร์ตั้งแต่ขั้นตอนการพัฒนา ปรับปรุงวิธีการผลิตโดยนำหุ่นยนต์และเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) มาใช้ ใช้แพลตฟอร์มและชิ้นส่วนร่วมกันระหว่างรุ่นต่างๆ

นิสสันยังจะใช้ประโยชน์จากการร่วมมือกับพันธมิตรทั่วโลก เช่น มิตซูบิชิ มอเตอร์, ตงเฟิง นิสสันในจีน และเรโนลต์ของฝรั่งเศส

ต้นเดือนนี้ นิสสันและฮอนด้า มอเตอร์ คู่แข่งร่วมชาติ เผยว่า กำลังพิจารณาร่วมมือกันเชิงกลยุทธ์เกี่ยวกับชิ้นส่วนสำคัญสำหรับอีวีและเอไอ นอกจากนั้นยังมีรายงานว่า นิสสันกำลังเจรจาลงทุนในบริษัทอีวี ฟิสเกอร์ เพื่อใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มรถกระบะ

นักวิเคราะห์ระบุว่า การร่วมมือกันระหว่างคู่แข่งเป็นสิ่งที่ไม่ปกตินัก แต่มีความจำเป็นเพื่อรับมือดีมานด์การเดินทางที่ยั่งยืนขึ้น ขณะที่มีความกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับการปล่อยก๊าซคาร์บอน

นิสสันคาดว่า ภายในปีการเงิน 2026 รถพลังงานไฟฟ้า 100% จะมียอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 20% ของยอดขายรถทั้งหมดทั่วโลก เช่นเดียวกับรถไฮบริด และที่เหลือ 60% มาจากรถเครื่องยนต์สันดาปภายใน และเพิ่มยอดขายอีวีรวมกับไฮบริดเป็น 60% ภายในสิ้นทศวรรษนี้ จากเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้วที่ตั้งเป้าไว้ที่ 55%

อูชิดะสำทับว่า อุตสาหกรรมยานยนต์ขณะนี้ถูกบีบให้ปรับค่านิยมและยอมรับการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องเป็นความปกติใหม่

ทั้งนี้ ภายใต้แผนการ The Arc ที่แบ่งออกเป็นสองส่วนนั้น ในส่วนแรก นิสสันมีเป้าหมายในการรับประกันการเติบโตของยอดขายผ่านกลยุทธ์เฉพาะภูมิภาค และเตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในภาคอีวีด้วยการรักษาสมดุลระหว่างรถยนต์ไฟฟ้ากับรถยนต์ใช้น้ำมัน เพิ่มยอดขายในตลาดสำคัญ และเพิ่มวินัยทางการเงิน

สำหรับส่วนที่สองจะโฟกัสที่การเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมอีวี ซึ่งจะได้รับการสนับสนุนจากการร่วมมือที่ชาญฉลาด การเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในตลาดอีวี นวัตกรรมที่แตกต่าง และช่องทางรายได้ใหม่ๆ

นิสสันระบุว่า กลยุทธ์นี้อาจทำให้บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้น 16,000 ล้านดอลลาร์จากโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ภายในปีการเงิน 2030
กำลังโหลดความคิดเห็น