xs
xsm
sm
md
lg

บีทีเอส กรุ๊ปฯ จับมือ กทม.ลุยโปรเจกต์ "รถคันนี้ #ลดฝุ่น" ดัน กทม.เมืองปลอด PM 2.5

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



บีทีเอส กรุ๊ปฯ จับมือ กทม.เดินหน้า “โครงการ รถคันนี้ #ลดฝุ่น” เชิญชวนประชาชนร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันให้ กทม.เป็นเมืองปลอดฝุ่น PM 2.5

วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2567 ณ สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส ห้าแยกลาดพร้าว นายดาเนียล รอสส์ ผู้อำนวยการใหญ่สายการลงทุน และหัวหน้าฝ่ายพัฒนาเพื่อความยั่งยืน บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร สนับสนุน “โครงการ รถคันนี้ #ลดฝุ่น” โดยมี นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการบริหาร และผู้อำนวยการใหญ่สายธุรกิจ MOVE นางสาวนริศรา ศรีสันต์ ที่ปรึกษากลยุทธ์สื่อสารองค์กร บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) และนายสุมิตร ศรีสันติธรรม ผู้อำนวยการใหญ่สายปฏิบัติการ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยนายพรพรหม วิกิตเศรษฐ์ ที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เข้าร่วมงาน

โครงการนี้เป็นการเชิญชวนให้ประชาชนตรวจสอบสภาพรถยนต์ เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง หรือไส้กรอง เพื่อลดฝุ่น PM 2.5 ร่วมกันขับเคลื่อนสร้างเมืองสู่เศรษฐกิจสีเขียว สำหรับประชาชนที่เข้าร่วมโครงการสามารถนำใบเสร็จการตรวจสอบสภาพรถ จากภาคีที่เข้าร่วมโครงการมาแลกรับบัตรกำนัลมูลค่า 100 บาท ได้ที่สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส 5 แห่งที่เข้าร่วมโครงการ ได้แก่ สถานีหมอชิต, สถานีสยาม, สถานีอโศก, สถานีช่องนนทรี และสถานีห้าแยกลาดพร้าว เริ่มตั้งแต่วันที่ 7 กุมภาพันธ์-31 มีนาคม 2567 หรือจนกว่าบัตรกำนัลจะหมด


นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เปิดเผยว่า กรุงเทพมหานครขอขอบคุณบีทีเอส กรุ๊ปฯ ที่เข้าร่วมสนับสนุน “โครงการ รถคันนี้#ลดฝุ่น” พร้อมเชิญชวนประชาชนร่วมลดฝุ่น โดยเริ่มต้นที่ตัวเองด้วยการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ซึ่งจากการบูรณาการไร้รอยต่อลดฝุ่น PM 2.5 โดยกรุงเทพมหานคร และกระทรวงพลังงานได้ขอความร่วมมือบริษัทผู้ค้าน้ำมัน และบริษัทผู้ค้ารถยนต์ จัดโปรโมชันส่งเสริมการใช้น้ำมัน Euro5 และบำรุงรักษาเครื่องยนต์ ตามนโยบายปรับเปลี่ยนคุณภาพน้ำมันจาก Euro4 เป็น Euro5 โดยกระทรวงพลังงาน เนื่องจากน้ำมัน Euro5 มีกำมะถันลดลงกว่า 5 เท่า จึงส่งผลให้ลดการปล่อย PM 2.5 ในเครื่องยนต์ดีเซลได้กว่า 20% อีกทั้งกรุงเทพมหานครได้ทำการทดสอบการปล่อย PM 2.5 จากยานยนต์จำลองดีเซล Euro 3 ที่ผ่านการตรวจควันดำแล้ว ณ โรงเรียนฝึกอาชีพกรุงเทพมหานคร (อาทร สังขะวัฒนะ) เขตทุ่งครุ

โดยมีการตั้งข้อสังเกตระหว่างยานยนต์ที่ไม่มีการบำรุงรักษา และยานยนต์ที่มีการบำรุงรักษาโดยการเปลี่ยนไส้กรองรถยนต์ และน้ำมันเครื่อง ซึ่งได้ทดสอบโดย sensors ตรวจวัดคุณภาพอากาศจากโครงการ AIRLAB Microsensors Challenge 2023 ในห้องขนาดพื้นที่ 50 ลูกบาศก์เมตร ซึ่งผลการทดสอบพบว่า ยานยนต์ที่มีการบำรุงรักษา โดยการเปลี่ยนไส้กรองรถยนต์ และน้ำมันเครื่องสามารถลดการปลดปล่อย PM 2.5 ได้จริง ซึ่งการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องรถยนต์ และไส้กรองอากาศตามเวลา หรือก่อนระยะเวลาที่กำหนดจะสามารถช่วยลดการปล่อย PM 2.5 ได้ถึง 25% และช่วยยืดอายุการใช้งานรถยนต์ได้อีกด้วย


นายดาเนียล รอสส์ กล่าวว่า บีทีเอส กรุ๊ปฯ รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของโครงการนี้ และมั่นใจว่าเป็นประโยชน์ต่อคนกรุงเทพมหานครอย่างแน่นอน โดยบริษัทฯ ได้มีการประกอบธุรกิจที่นอกเหนือจากรถไฟฟ้าบีทีเอสตามที่ประชาชนทราบอยู่แล้วนั้น บริษัทฯ ยังมีการให้บริการธุรกิจขนส่งสาธารณะอื่นๆ ได้แก่ รถบัส เรือด่วนเจ้าพระยา และล่าสุดที่ได้มีการเปิดตัวรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า Pinto ฯลฯ

บริษัทฯ ได้ให้ความสำคัญต่อการดูแลสังคม และสิ่งแวดล้อม ควบคู่กับการประกอบธุรกิจตามหลักธรรมาภิบาลที่ดี นับตั้งแต่การเปิดให้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอสในปี 2542 เป็นต้นมา บีทีเอสได้ช่วยให้ผู้โดยสารมีส่วนร่วมในการหลีกเลี่ยงการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของโลกร้อน ไปแล้วกว่า 2.1 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า จากการเดินรถไฟฟ้าจำนวนกว่า 4,000 ล้านเที่ยว ซึ่งเทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ จำนวน 222 ล้านต้น ซึ่งบริษัทยังเป็นบริษัทขนส่งทางรางแห่งแรก และแห่งเดียวที่เป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral) และในฐานะที่บีทีเอส กรุ๊ปฯ เป็นบริษัทขนส่งที่ยั่งยืนที่สุดในโลก เรามุ่งมั่นที่จะสนับสนุนทุกการเดินทางที่ยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางด้วยรูปแบบใดก็ตาม


ทั้งนี้ ประเทศไทยได้มีการกำหนดเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศ เพื่อมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon neutrality) ภายในปี ค.ศ. 2050 และเป้าหมายการปล่อย
ก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero GHG emission) ภายในปี ค.ศ. 2065 เพื่อให้เป้าหมายดังกล่าวมประสบความสำเร็จจะต้องได้รับความร่วมมือในทุกภาคส่วน จากทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน ในการเป็นต้นแบบที่ดีให้สังคม และประชาชนในอนาคต บริษัทฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าความร่วมมือในโครงการครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้น ในอีกหลายๆ โครงการกับ กทม. เพื่อส่งเสริมการดำเนินงานร่วมกันในการผลักดันให้กรุงเทพมหานครเป็นเมืองที่สะอาด และมีสิ่งแวดล้อมที่ดียิ่งขึ้น

สำหรับข้อกำหนด และเงื่อนไขการแลกรับบัตรกำนัล มีดังนี้
1. เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง หรือไส้กรองกับภาคีที่เข้าร่วมโครงการ ได้แก่ Auto1, FIT Auto, Bangchak, Shell, PT, Autobacs, Cockpit, B-Quik, LIQUI MOLY, Hino, Toyota, Suzuki, Nissan, Mitsubishi Motors, Isuzu, Honda, Ford, Mazda

2. ผู้โดยสารนำใบเสร็จฉบับจริงของภาคีที่เข้าร่วมโครงการนี้มาแสดงที่ห้องจำหน่ายบัตรโดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอสที่เข้าร่วมโครงการ 5 สถานี ได้แก่ สถานีหมอชิต, สถานีช่องนนทรี, สถานีสยาม, สถานีอโศก และสถานีห้าแยกลาดพร้าว

3. ใบเสร็จลงวันที่ 18 ธันวาคม 2566-29 กุมภาพันธ์ 2567

4. การให้สิทธิ์นี้ เฉพาะใบเสร็จที่ออกโดยร้านค้าที่ร่วมลงทะเบียนเป็นภาคีกับโครงการนี้เท่านั้น
5. ใบเสร็จต้องเป็นแบบฟอร์มที่มีการระบุหมายเลขทะเบียนรถยนต์อย่างชัดเจน ไม่รับใบเสร็จที่เขียนเติมเลขทะเบียนรถด้วยลายมือ
6. ต้องเป็นใบเสร็จฉบับจริงเท่านั้น ไม่รับสำเนาใบเสร็จ และใบเสร็จต้องมีเลขที่ผู้เสียภาษีกำกับอยู่ และบริษัทฯ ขอเก็บใบเสร็จสำหรับเป็นหลักฐานในการรับบัตรกำนัล
7. ขอสงวนสิทธิ์การเข้าร่วมโครงการดังกล่าวเฉพาะสมาชิกแรบบิท รีวอร์ดส เท่านั้น โดยไม่จำกัดระยะเวลาการเป็นสมาชิกของผู้เข้าร่วมโครงการฯ

8. บัตรกำนัลมีมูลค่า 100 บาท สามารถนำมาแลกเป็นมูลค่าในบัตรแรบบิท สำหรับการใช้จ่ายในระบบรถไฟฟ้าบีทีเอส หรือ ร้านค้าที่สามารถชำระเงินด้วยบัตรแรบบิทได้ ทั้งนี้ บัตรกำนัลไม่สามารถนำมาแลกเป็นเงินสดได้

9. ผู้เข้าร่วมโครงการสามารถนำใบเสร็จการตรวจสอบสภาพรถ เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง หรือไส้กรอง มารับบัตรกำนัล ได้ตั้งแต่วันที่ 7 กุมภาพันธ์-31 มีนาคม 2567 หรือจนกว่าบัตรกำนัลจะหมด
10. สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์บีทีเอส โทรศัพท์ 0-2 617- 6000
Line official : @btsskytrain และ Facebook Page : รถไฟฟ้าบีทีเอส
กำลังโหลดความคิดเห็น