xs
xsm
sm
md
lg

ใช้สิทธิ์ FTA ส่งออก 11 เดือน 7.57 หมื่นล้านเหรียญ อาเซียนแชมป์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



กรมการค้าต่างประเทศเผยตัวเลขการใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้าภายใต้ FTA ฉบับต่างๆ ช่วง 11 เดือน ปี 66 มีมูลค่ารวม 75,725.88 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็น 82.66% ของการส่งออกสินค้าที่ได้รับสิทธิ์ทั้งหมด ตลาดอาเซียนนำโด่ง ใช้สิทธิ์มากที่สุด ตามด้วยอาเซียน-จีน ไทย-ญี่ปุ่น ไทย-ออสเตรเลีย และอาเซียน-อินเดีย ระบุปี 67 เตรียมเดินสาย 5 จังหวัด ติวเข้มการใช้สิทธิประโยชน์ให้ผู้ประกอบการ

นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า การใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้าสำหรับการส่งออกภายใต้ความตกลงการค้าเสรี (FTA) ในช่วง 11 เดือนของปี 2566 (ม.ค.-พ.ย.) มีมูลค่า 75,842.65 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็น 82.66% ของการส่งออกสินค้าที่ไทยได้รับสิทธิประโยชน์ภายใต้ FTA โดย FTA ที่ไทยใช้สิทธิ์ส่งออกมากเป็นอันดับหนึ่ง ยังคงเป็นความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน (AFTA) มีมูลค่า 27,584.19 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มีสัดส่วนการใช้สิทธิ์ คิดเป็น 75.85% ของมูลค่าการส่งออกของสินค้าที่ได้รับสิทธิ์ ซึ่งเป็นการใช้สิทธิ์ส่งออกไปเวียดนามสูงสุด มูลค่า 6,795.17 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รองลงมาคือ อินโดนีเซีย มูลค่า 6,726.93 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มาเลเซีย มูลค่า 6,341.61 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ฟิลิปปินส์ มูลค่า 4,986.95 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และกัมพูชา มูลค่า 926.38 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามลำดับ

สำหรับสินค้าที่มูลค่าการใช้สิทธิ์สูงที่สุด 5 อันดับแรกภายใต้ความตกลง AFTA ได้แก่ ยานยนต์สำหรับขนส่งของที่น้ำหนักรถรวมน้ำหนักบรรทุกไม่เกิน 5 ตัน น้ำตาลที่ได้จากอ้อย น้ำมันปิโตรเลียมและน้ำมันจากแร่บิทูมินัส รถยนต์สำหรับขนส่งบุคคล ความจุกระบอกสูบเกิน 1,500-2,500 ลบ.ซม. และเครื่องจักรอัตโนมัติ

ส่วนความตกลง FTA ฉบับอื่นของไทยที่มีการใช้สิทธิประโยชน์สูงรองลงมา หรืออันดับ 2 ได้แก่ ความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน-จีน (ACFTA) มูลค่า 22,059.90 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีสัดส่วนการใช้สิทธิ์ 93.81% ของมูลค่าการส่งออกของสินค้าที่ได้รับสิทธิ์ โดยสินค้าที่มีมูลค่าการใช้สิทธิ์สูงที่สุด 5 อันดับแรกภายใต้ความตกลง ACFTA ได้แก่ ทุเรียนสด ผลิตภัณฑ์ยางสังเคราะห์ผสมยางธรรมชาติ มันสำปะหลัง สตาร์ชทำจากมันสำปะหลัง และพอลิเมอร์ของเอทิลีน

อันดับ 3 เป็นความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น (JTEPA) มูลค่า 6,344.09 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มีสัดส่วนการใช้สิทธิ์ 77.66% โดยสินค้าสำคัญที่มูลค่าการใช้สิทธิ์สูงที่สุด ยังคงเป็นเนื้อไก่และเครื่องในไก่ปรุงแต่ง อันดับ 4 ความตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย (TAFTA) มูลค่า 5,802.56 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มีสัดส่วนการใช้สิทธิ์ 61.76% โดยสินค้าสำคัญที่มูลค่าการใช้สิทธิ์สูงที่สุด คือ รถยนต์และยานยนต์ที่มีเครื่องดีเซลหรือกึ่งดีเซล และอันดับ 5 ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-อินเดีย (AIFTA) มูลค่า 4,987.16 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มีสัดส่วนการใช้สิทธิ์ 69.13% โดยสินค้าที่ใช้สิทธิ์สูงสุด คือ ลวดทองแดง

นอกจากความตกลง FTA 5 ฉบับที่ได้กล่าวมาแล้ว ยังมีความตกลง FTA ฉบับอื่นๆ ของไทยที่มีการใช้สิทธิ์ด้วย และแม้จะไม่ได้อยู่ในระดับสูง แต่การใช้สิทธิ์ภายใต้ความตกลง FTA ดังกล่าวก็มีส่วนช่วยในการลดต้นทุนและสร้างแต้มต่อให้แก่ผู้ส่งออกของไทยได้ เช่น ความตกลงอาเซียน-เกาหลี (AKFTA) มูลค่า 3,303.73 ล้านดอลลาร์สหรัฐมีสัดส่วนการใช้สิทธิ์ 66.50% และความตกลงไทย-ชิลี (TCFTA) มูลค่า 345.84 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มีสัดส่วนการใช้สิทธิ์ 93.78% เป็นต้น

ทั้งนี้ ในปี 2567 กรมมีแผนจัดการสัมมนาภายใต้โครงการส่งเสริม SMEs ให้แข่งขันได้ในตลาดสากล เรื่อง ยกระดับการค้าสู่สากลด้วยสิทธิประโยชน์ทางการค้าภายใต้ FTA จำนวน 5 ครั้ง ได้แก่ ชลบุรี เชียงใหม่ ขอนแก่น สงขลา และนครพนม รวมถึงการจัดเวิร์กชอปให้ผู้ประกอบการได้ทดลองใช้ระบบตรวจสอบถิ่นกำเนิดสินค้าแบบไร้กระดาษ (ROVERs PLUS) เสมือนจริง เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถวางแผนกลยุทธ์การใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้าภายใต้ FTA ตามสถานการณ์ทางการค้าที่เปลี่ยนแปลงไป โดยสามารถติดตามข้อมูลการจัดสัมมนาครั้งต่อไปได้ผ่าน Facebook “กรมการค้าต่างประเทศ DFT”
กำลังโหลดความคิดเห็น