แบงก์ชาติไนจีเรียอนุมัติให้ธนาคารพาณิชย์สามารถเปิดให้บริการเชื่อมโยงกับปัญชีของบริษัทคริปโตเคอร์เรนซีได้ ซึ่งเป็นการยกเลิกกฏข้อห้ามเดิมที่กำหนดให้ธนาคารกลางไนจีเรีย ซึ่งเคยบังคับใช้เมื่อปี 2564 ขณะที่ไนจีเรียนับเป็นประเทศที่ให้การยอมรับสกุลเงินดิจิทัลอยู่ในระดับ 1 ในทวีฟอาฟริกา และเป็นอันดับสองของโลกรองจากประเทศอินเดีย
จากการเปิดเผยของหนังสือพิมพ์บิสสิเนสเดย์ ระบุว่าในปี 2564 ธนาคารกลางไนจีเรียซึ่งเคยออกคำสั่งให้ธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินต่าง ๆ ปิดบัญชีที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมสกุลเงินคริปโตฯ โดยชี้แจงว่าธุรกรรมดังกล่าวเป็น “ผิดกฏหมายและไม่ได้รับอนุญาต” โดยล่าสุดขณะนี้ธนาคารกลางไนจีเรีย ได้ออกกฏหมายอนุญาตให้ธนาคารพาณิชย์ สามารถเปิดบัญชีให้กับบริษัทคริปโตฯ ได้แล้ว
อย่างไรก็ตาม การผ่อนคลายกฎระเบียบดังกล่าว ถือได้ว่าเป็นข่าวดีสำหรับบริษัทแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัล เนื่องจากบริษัทเหล่านี้ตั้งเป้าที่จะขยายธุรกิจในไนจีเรียซึ่งเป็นประเทศที่ให้การยอมรับสกุลเงินดิจิทัลสูงสุดเป็นอันดับหนึ่งในทวีปอาฟริกา และเป็นอันดับสองของโลก (รองจากอินเดีย) ในดัชนี Adoption Index ของเชนอะนาไลซิส อิงค์ (Chainalysis Inc.) ซึ่งเป็นบริษัทข้อมูลบล็อกเชน
ทั้งนี้จากรายงานของเชนอะนาไลซิส ซึ่งเผยแพร่ข้อมูลเมื่อเดือน ก.ย.ว่า ธุรกรรมการซื้อขายคริปโตฯ ในประเทศไนจีเรียเพิ่มขึ้น +9% แม้ว่าราคาของคริปโตฯ บางประเภท เช่น บิตคอยน์จะร่วงลงก็ตาม
ขณะเดียวกันความนิยมในสกุลเงินประจำชาติของไนจีเรีย ปรับตัวอ่อนค่าลงเกือบ -49% ในปีนี้ หลังจากที่นายโบลา ทินูบู ประธานาธิบดีไนจีเรีย มีคำสั่งยกเลิกการทำสเปรดค่าเงิน ซึ่งการอ่อนค่าของสกุลเงินไนจีเรีย ส่งผลให้นักลงทุนหันไปซื้อสินทรัพย์ดิจิทัลแทนเพิ่มมากขึ้น โดยนักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งมองว่า การเปิดทางให้กับสินทรัพย์ดิจิทัล และเงินคริปโตนั้น เพื่อต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังจากที่ราคาสินทรัพย์ดิจิทัล โดยเฉพาะเหรียญอันดับ 1 คือบิทคอยน์ ที่ทยอยฟื้นตัวบวกขึ้นกว่า +156% ในรอบ 90 วัน