ทันทีที่นักเขียนและคอลัมนิสต์ธุรกิจ "หนุ่มเมืองจันทน์" หรือ สรกล อดุลยานนท์ เผยแพร่ภาพ "ฤทธิ์ ธีระโกเมน" ประธานกรรมการภัตตาคารอาหารเอ็มเค (MK Restaurant) แนะนำผลิตภัณฑ์น้ำจิ้มสุกี้อย่างจริงจัง หลังจากทดลองขายมาได้พักหนึ่ง แต่ครั้งนี้ใช้เทคโนโลยีให้เก็บรักษาได้นานถึง 1 ปี จากเดิมเก็บได้นาน 7 วัน โดยไม่ใส่ผงชูรส ไม่ใส่สารกันเสียเหมือนเดิม
กลายเป็นที่สนใจใคร่รู้ของบรรดานักกิน กระทั่งได้วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ไปเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมา
น้ำจิ้มสุกี้เอ็มเค แบ่งออกเป็น 2 ขนาด ได้แก่ ขวดเล็ก 350 กรัม ราคา 65 บาท กับขวดใหญ่ 830 กรัม ราคา 119 บาท วางจำหน่ายผ่านร้าน MK Restaurant ราว 463 สาขา เอ็มเคดีลิเวอรี โทร. 1642 แพลตฟอร์มดีลิเวอรีชั้นนำ รวมทั้งช่องทางออนไลน์ของ MK Restaurant ทั้งเว็บไซต์ mkwellnessmarket.com ไลน์ @mkwellness และชอปปิ้งออนไลน์ชั้นนำ
Ibusiness review มีโอกาสซื้อน้ำจิ้มสุกี้เอ็มเค ที่ร้าน MK Restaurant พบว่ารสชาติใกล้เคียงกับที่นำให้บริการกับลูกค้า โดยรสชาติออกเปรี้ยวอมหวาน เผ็ดร้อนเล็กน้อย หากต้องการเพิ่มรสชาติให้ใกล้เคียงกับรับประทานที่ร้าน สามารถเติมพริก กระเทียม น้ำมะนาว และงาขาวได้ตามใจชอบ แต่น้ำมะนาวแนะนำให้ใช้น้ำมะนาวคั้นสดที่เก็บรักษาในตู้เย็น จะหอมอร่อย
นอกจากนี้ น้ำจิ้มสุกี้เอ็มเค ยังสามารถนำมาปรุงอาหารเมนูอื่นได้ตามใจชอบ เช่น สุกี้แห้ง สุกี้น้ำ หรือนำมาเป็นเครื่องปรุงรสกับเมนูอาหารต่างๆ เช่น บะหมี่เกี๊ยวหมูแดง หรือแม้กระทั่งใช้เป็นซอสราดไข่เจียวก็ได้
ที่น่าสนใจก็คือ น้ำจิ้มสุกี้เอ็มเค ผลิตจากโรงงาน MK Central Kitchen (CK5) ถนนบางนา-ตราด (เทพรัตน) กม. 21 อำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งถือเป็นครัวกลางที่ผลิตอาหารสดและวัตถุดิบป้อนให้กับร้านอาหารทุกสาขา หนึ่งในนั้นก็คือน้ำจิ้มสุกี้ ที่ครัวกลางของเอ็มเคผลิตส่งให้สาขามากกว่า 5 ล้านกิโลกรัม พบว่าน้ำจิ้มสุกี้ขวดนี้ก็ผลิตมาจากโรงงานเดียวกัน
ก่อนหน้านี้ คนที่ทำอาหารกินเองเป็นประจำจะทราบดีว่า น้ำจิ้มสุกี้เอ็มเคเป็นสูตรลับเฉพาะ ที่เจ้าของอย่างฤทธิ์ระบุว่า มีคนที่รู้สูตรน้ำจิ้มสุกี้เพียงแค่ 4 คน ทำให้บนโลกอินเทอร์เน็ตมีการแกะสูตรน้ำจิ้ม ที่อ้างว่าเป็นน้ำจิ้มเอ็มเค แชร์บนโลกไซเบอร์มาโดยตลอด
กระทั่งสถานการณ์โควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา ธุรกิจร้านอาหารทั่วประเทศต่างได้รับผลกระทบจากคำสั่งล็อกดาวน์ ห้ามรับประทานอาหารในร้าน เอ็มเคจึงต้องปรับตัวด้วยการจำหน่ายอาหารแบบซื้อกลับบ้าน (Take Away) เมนูอาหารจานเดียว และจัดโปรโมชันแหวกแนวอย่าง "Ready to ต้ม" ซื้อชุดสุกี้ แถมหม้อสุกี้ไฟฟ้าก็เคยมีมาแล้ว
ต่อมาได้จำหน่ายน้ำจิ้มสุกี้เอ็มเคบรรจุขวด เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2564 ขนาด 500 มิลลิลิตร ราคา 89 บาท แต่ข้อจำกัดก็คือ มีอายุเพียง 7 วัน ซึ่งผู้บริโภคไม่ได้ทานสุกี้ทุกวัน บางคนทานสุกี้คนเดียว ทานน้ำจิ้มไม่หมดก็ต้องเหลือทิ้งทั้งขวด ทำให้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ โดยใช้เทคโนโลยีให้เก็บได้นานถึง 1 ปี แต่ไม่ใส่ผงชูรส ไม่ใส่สารกันเสียเหมือนเดิม
น้ำจิ้มสุกี้เอ็มเคโฉมใหม่ มีรูปทรงทันสมัย ขวดจับถนัดมือ วางสโลแกน "อร่อยง่ายๆ เหมือนทานที่ร้าน" ไม่ใส่สี ไม่ใส่ผงชูรส ไม่ใส่สารกันเสีย พร้อมด้วยฝาเซฟตี้ สามารถดึงเครื่องปรุงไหลกลับเข้าขวด ทำให้เครื่องปรุงไม่เลอะอยู่ที่ปากขวดอีกด้วย มีซอสพริกเป็นส่วนประกอบหลัก ตามมาด้วยซอสหอยนางรม น้ำตาล ซอสถั่วเหลือง งา พริกขี้หนู แต่งกลิ่นสังเคราะห์
ข้างหลังขวดระบุข้อความว่า "SINCE 1986 (ก่อตั้งปี 2529) เมื่อนึกถึงเอ็มเคสุกี้ ... น้ำจิ้มคือหนึ่งในความอร่อยอันเป็นเอกลักษณ์ประจำร้านที่ลูกค้าติดใจ ด้วยรสชาติที่กลมกล่อม หอมงา การันตีไม่ใส่ผงชูรสและสารกันเสีย ทำให้น้ำจิ้มสูตรลับนี้เป็นที่ชื่นชอบมายาวนานกว่า 30 ปี"
อย่างไรก็ตาม แม้จะโฆษณาว่าเก็บไว้ได้นานถึง 1 ปี แต่เป็นการเก็บไว้ในอุณหภูมิห้องได้ 1 ปี หากยังไม่ได้เปิดใช้ โดยมีข้อแนะนำข้างขวดก็คือ หลังเปิดใช้แล้ว กรุณาเก็บไว้ในตู้เย็น แนะนำว่าหากทานไม่บ่อยควรซื้อขวดเล็กติดบ้านไว้ดีกว่า
แม้เอ็มเคจะยังไม่ได้ถึงขั้นวางจำหน่ายน้ำจิ้มสุกี้ผ่านช่องทางโมเดิร์นเทรด เช่น ห้างค้าปลีก ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อ แต่ตลาดน้ำจิ้มสุกี้ มีผู้ประกอบการทั้งรายใหญ่และรายย่อยปะปนกัน โดยมี น้ำจิ้มสุกี้ตราพันท้าย ของบริษัท อุตสาหกรรมพันท้ายนรสิงห์สินค้าพื้นเมือง จำกัด เป็นแบรนด์ที่อาจเป็นเจ้าตลาด ในปี 2565 บริษัทฯ มีรายได้รวมกันราว 3,000 ล้านบาท
ขณะที่รายได้ของ บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ M พบว่าเฉพาะ 9 เดือนของปี 2566 มีรายได้รวม 12,843.93 ล้านบาท โดยมีภัตตาคารอาหารเอ็มเค 3 โมเดล ทั้งเอ็มเค เรสโตรองต์, เอ็มเค โกลด์ และ เอ็มเค ไลฟ์ รวม 463 สาขา ซึ่งในปี 2566 มีแผนที่จะเปิดสาขาใหม่เพิ่มเติม ได้แก่ เอ็มเค 10 สาขา ยาโยอิ 10 สาขา และแหลมเจริญ 7 สาขา
นอกจากธุรกิจร้านอาหารแล้ว ที่ผ่านมาเอ็มเคได้ออกผลิตภัณฑ์เสริมอาหารภายใต้ชื่อ MK Wellness มาตั้งแต่ปี 2563 เริ่มต้นด้วยนมยูเอชทีผสมสารสกัดจากเบอร์รี่ กระทั่งมีสินค้าอื่นตามมา อาทิ วิตามินกัมมี่ ขนมขบเคี้ยว ผักกรอบ นมอัดเม็ด ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารทั้งไฟเบอร์ สารสกัดจากมิกซ์เบอร์รี่แบบเม็ด วางจำหน่ายผ่านร้านอาหารและช่องทางต่างๆ ของเอ็มเค
ด้วยศักยภาพของครัวกลางบางนา สามารถผลิตสินค้าได้เป็นรูปเป็นร่าง อย่างน้ำจิ้มสุกี้บรรจุขวด ซึ่งแตกต่างจากน้ำจิ้มสุกี้แบบบรรจุถุง ที่ส่งตามร้านเอ็มเคสาขาต่างๆ หากได้รับความนิยม อาจมีผลิตภัณฑ์อื่นที่เกี่ยวเนื่องตามมา เช่น น้ำจิ้มเต้าหู้ยี้ น้ำจิ้มสุกี้เด็ก น้ำราดเป็ดย่างเอ็มเค รวมทั้งเครื่องดื่มอย่างน้ำชาเอ็มเค ถ้าลูกค้าเรียกร้องมากๆ ก็อาจจะนำมาบรรจุขวดขายก็เป็นได้
(เกาะกระแสธุรกิจ เศรษฐกิจสดใหม่ เรื่องราวการตลาดที่ใกล้ชิดผู้บริโภค พบกับคอลัมน์ Ibusiness review เป็นประจำทางเว็บไซต์ ibusiness.co เฟซบุ๊ก Ibusiness)
