เอาใจเหล่าเจลลี่เลิฟเวอร์ Jello Boom เจลลี่สอดไส้น้ำผลไม้ปั่นที่เริ่มต้นจากความชอบและงานวิจัยสู่การสร้างแบรนด์และผลิตสินค้าเข้าห้าง พร้อมต่อยอดสู่การส่งออกต่างประเทศ สร้างความแปลกใหม่และแตกต่างให้ผลิตภัณฑ์จนกลายเป็นที่ชื่นชอบในกลุ่มลูกค้า ยอดขายไม่ธรรมดา 6 หลักต่อเดือน
ดร.รสรินทร์ รุจนานนท์ Managing Director แบรนด์ Jello Boom เล่าว่า ย้อนเวลากลับไปเมื่อ 6 ปีที่แล้วเธอเป็นนักวิจัยอยู่ที่ประเทศเยอรมนีและเป็นเพื่อนสนิทกับ สันต์อาวี กรรณล้วน Managing Director แบรนด์ Jello Boom เช่นเดียวกัน โดยทำงานเป็นโปรแกรมเมอร์ที่เยอรมนีเหมือนกัน ซึ่งหลังจากนั้นเธอหมดสัญญาและต้องกลับมาที่ประเทศไทยเพื่อรับตำแหน่งเป็นอาจารย์สอนในมหาวิทยาลัย แต่ในช่วงที่รอเวลารับตำแหน่งอาจารย์นั้นเธอก็ได้ไปเจอกับโพสต์ 1 โพสต์ในเฟซบุ๊กที่เกี่ยวกับวุ้นสามมิติที่ขายดีมากและค่อนข้างน่ากิน โดยเดิมทีเธอเป็นคนที่ชื่นชอบกินเจลลี่เป็นประจำอยู่แล้วด้วยจึงทำให้สนใจมากยิ่งขึ้น แต่ก็เกิดข้อสงสัยขึ้นในใจว่าวุ้นหรือเจลลี่ที่เรากินอยู่ประจำจะสามารถมีน้ำผลไม้ข้างในได้หรือไม่เพราะปกติไม่มีในท้องตลาด ทำให้เธอลองค้นหาในแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ ว่าจะมีวางขายหรือไม่ ปรากฏว่าไม่มีใครขายเลย แม้แต่ในต่างประเทศที่เธอถามกับเพื่อนสนิทอย่างคุณสันต์อาวีไปว่ามีใครขายหรือเคยเห็นหรือไม่ ก็ได้คำตอบกลับมาว่าไม่มี
ทั้งนี้คุณสันต์อาวีจึงได้พูดคุยกับเธอว่าถ้าหากเอาไอเดียนี้มาทำเป็นธุรกิจมันจะสามารถเติบโตได้นะ เพราะเธอเองเป็นนักวิจัยที่สามารถทำควบคู่ไปกับสิ่งที่ตนเองชอบกินได้ พอได้ยินดังนั้นเธอก็เริ่มหาข้อมูลต่างๆ ในการทำธุรกิจ ซึ่งในช่วงแรกได้ตั้งชื่อสินค้าว่า “วุ้นระเบิด” ที่ผ่านการทำการวิจัยประมาณ 3-4 เดือน กว่าจะขึ้นเป็นรูปร่างเจลลี่ได้ จนในที่สุดก็สามารถทำขึ้นมาได้เป็นรูปเป็นร่างในช่วงกลางปี 2016
หลังจากที่ได้สินค้าวุ้นระเบิดมาแล้วนั้นก็เริ่มทดสอบตลาดโดยการเริ่มให้คนในครอบครัวหรือคนใกล้ตัวลองกินดูก่อน ผลและฟีดแบกที่ได้กลับมาคือความแปลกใหม่ ไม่เคยกินมาก่อน ซึ่งทางแบรนด์ได้มีการทดสอบตลาดอยู่ประมาณ 1 ปี ซึ่งไม่เพียงแค่คนในครอบครัวแต่ทางแบรนด์ได้นำสินค้าในตอนนั้นออกไปวางขายตามตลาดนัด ตลาดน้ำ และฟีดแบกที่ได้กลับมาจากลูกค้า 100% คือไม่เคยกินแบบนี้จากที่ไหนมาก่อน หลังจากนั้นไม่นานก็เริ่มมีไปวางขายตามร้านขายของฝากในจังหวัดฉะเชิงเทรา ผลตอบรับก็ดีอย่างต่อเนื่อง มีการเติมสินค้าอยู่ตลอด
สินค้าวุ้นระเบิดได้มีโอกาสไปออกบูธแสดงสินค้าในกรุงเทพฯ เพื่อที่จะทดลองตลาดในสถานที่อื่นๆ ดูบ้าง ผลปรากฏว่า “คนเดินผ่าน” ไม่สนใจสินค้าของเราเท่าที่ควร เนื่องจากในตอนนั้นแพคเกจจิ้งเป็นแค่กล่องใสๆ แปะสติ๊กเกอร์ ทำให้สินค้าไม่ไปสะดุดตากลุ่มลูกค้าได้อย่างที่ควรจะเป็น หลังจากนั้นไม่นานก็เริ่มไปทดลองตลาดที่ใหญ่ขึ้นและเริ่มมีลูกค้าต่างชาติสนใจมากยิ่งขึ้น
จากการทดสอบตลาด 1 ปี สินค้าสามารถขายได้แต่ขายได้เฉพาะกลุ่มคน แต่พอเจอตลาดที่ใหญ่กว่า ลูกค้าต่างชาติชื่นชอบและมีความต้องการให้ทางแบรนด์ส่งออกไปยังต่างประเทศ แต่ในตอนนั้นสินค้ามีอายุการเก็บรักษาได้เพียง 14 วัน ทำให้ทางแบรนด์ต้องนำเอาปัญหาเหล่านั้นกลับมาคิดใหม่ว่าจะให้สินค้าไปต่อในทิศทางไหนถึงจะสามารถเติบโตขึ้นได้ ทั้งนี้ในด้านผลิตภัณฑ์ก็ได้ไปเจอกับพาร์ทเนอร์ที่จะเข้ามาสนับสนุนในเรื่องการเก็บรักษาและยืดอายุได้นานยิ่งขึ้น ทำให้สินค้ามีอายุการเก็บรักษาได้นานถึง 1 ปี ในส่วนของแพคเกจจิ้งก็ได้ไปเจอกับพาร์ทเนอร์ที่เข้าใจในคอนเส็ปต์ของสินค้าจนสามารถออกแบบแพคเกจจิ้งที่ลงตัวในที่สุด
สำหรับ Jello Boom ในปัจจุบันมีทั้งหมด 8 รสชาติ ใน 1 ซอง ได้แก่ สตรอเบอร์รี่ กีวี่ สับปะรด องุ่น ลิ้นจี่ บ๊วย แอปเปิ้ลเขียว และมิกซ์เบอร์รี่ ซึ่งเป็นรสชาติที่ถูกรีเควสมาจากกลุ่มลูกค้าทั้งหมด ซึ่ง Jello Boom ถูกเปลี่ยนจาก “วุ้น” มาใช้ “บุก” แทน เพื่อเพิ่มคุณประโยชน์อย่างไฟเบอร์เข้าไปในตัวสินค้าและทุกคนสามารถกินได้อย่างไม่ต้องกลัวอันตราย ปัจจุบันได้เพิ่มอีก 2 รสชาติ เนื่องจากเข้าร่วมโครงการกับ ท็อปส์ ท้องถิ่น และต้องการเติบโตจึงได้ผลิตเพิ่มอีก 2 รสชาติขึ้นมาเพื่อรองรับและตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าได้มากที่สุด ทั้งนี้ผลไม้ที่นำมาผลิตนั้นทางแบรนด์จะรับมาจากซับพลายเออร์เจ้าประจำและมีการคิวซีก่อนนำมาผลิตทุกครั้ง
นอกจากนี้ Jello Boom ได้เข้าร่วมโครงการกับ ท็อปส์ ท้องถิ่น ซึ่งทางโครงการเองก็ได้เข้ามาช่วยสนับสนุนในเรื่องการตลาดและการโปรโมทสินค้า พร้อมทั้งแนะนำการทำธุรกิจอย่างไรให้เติบโตไปด้วยกัน ทำให้ยอดขายของ Jello Boom ในตอนนี้มีมากกว่าที่ทางแบรนด์ทำการตลาดกันเอง ซึ่งถือว่าเป็นความสำเร็จที่ได้เข้าร่วมกับโครงการดังกล่าว
สำหรับกำลังการผลิตในตอนนี้ทางแบรนด์จะผลิตเป็นล็อต ซึ่งใน 1 วันสามารถผลิตได้ประมาณ 500-800 ซอง ขึ้นอยู่กับรสชาติ และ Jello Boom จะมีราคาขายซองละ 69 บาท ส่วนรสชาติใหม่ซองละ 5 ชิ้น ราคา 49 บาท สามารถซื้อได้ที่ท็อปส์ และแพลตฟอร์มออนไลน์
ในอนาคตทางแบรนด์ได้มีการวางแผนต่อยอดธุรกิจให้ไปในทิศทางของการออกรสชาติใหม่และวางแผนแตกไลน์การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ซึ่งอาจจะเป็นเจลลี่เหมือนเดิมแต่อาจจะเปลี่ยนรูปแบบ พร้อมทั้งพัฒนาต่อยอดให้ธุรกิจเติบโตไปในตลาดส่งออกอีกด้วย
อย่างไรก็ตามตั้งแต่ทำธุรกิจมาจนถึงปัจจุบันทางแบรนด์สามารถสร้างยอดขายหลักแสนต่อเดือนได้และคาดว่าจะเติบโตในอนาคตอย่างแน่นอน
ติดต่อเพิ่มเติม
Facebook : JelloBoom
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด* * *
