เวิร์คพอยท์ (WORK) ทุ่มงบ 216 ล้านบาท ส่งบริษัทลูก “ไทยบรอดคาสติ้ง”เข้าถือหุ้น 49% ใน “โคตรคูล” ของ โอ๊ต-ปราโมทย์ ปาทาน หวังรุกคอนเทนต์ออนไลน์-ธุรกิจบันเทิงกลุ่มเป้าหมายใหม่
วั้นนี้ (9 พ.ย.) บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ WORK ส่งหนังสือแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท. โดยมีเนื้อหาระบุว่า ในการประชุมคณะกรรมการ ครั้งที่ 4/2566 วันที่ 9 พฤศจิกายน 2566 มีมติอนุมัติให้ บริษัท ไทยบรอดคาสติ้ง จำกัด (THB) บริษัทย่อยของ WORK เข้าลงทุนโดยการซื้อหุ้นสามัญเดิม และหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ บริษัท โคตรคูล จำกัด (KK) ในวงเงินไม่เกิน 216 ล้านบาท โดยภายหลังการเข้าลงทุนดังกล่าวจะทำให้ THB มีสัดส่วนในการถือหุ้นร้อยละ 49 และผู้ถือหุ้นเดิมมีสัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 51 ของหุ้นสามัญทั้งหมดใน KK ตามลำดับ
ขณะที่ KK เป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจผลิตและออกอากาศรายการในช่องทางออนไลน์ในแพลตฟอร์มต่างๆ เป็นหลัก ซึ่งการลงทุนครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างศักยภาพธุรกิจรายการต่างๆ ในช่องทางออนไลน์และเพิ่มความหลากหลายของการดำเนินธุรกิจ รวมทั้งสร้างโอกาสในการเติบโตร่วมกันของทั้ง 2 ฝ่าย ส่วนรายการดังกล่าวไม่ใช่รายการที่เกี่ยวโยงกัน และขนาดของรายการไม่เข้าข่ายที่จะต้องรายงานสารสนเทศตามหลักเกณฑ์การได้มาและจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ของบริษัทจดทะเบียน แต่เป็นการรายงานเพื่อความโปร่งใส เพื่อให้นักลงทุนได้รับข้อมูลสำคัญอย่างเท่าเทียมกัน
สำหรับบริษัทบริษัทโคตรคูล จำกัด (KK) เป็นของ “โอ๊ต ปราโมทย์ ปาทาน” นักร้อง-พิธีกรชื่อดัง พร้อมนั่งแท่นประธานเจ้าหน้าที่บริหารและเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ที่ 50.97% ตามด้วยบริษัท Vista Coyote Corp Limited ในจำนวน 49% นอกจากนี้ คาดว่าหลังจากดีลนี้จะดันมูลค่าโคตรคูลทะยานกว่า 400 ล้านบาท
ปี 2562 มีรายได้ 29.7 ล้านบาท กำไร 4.7 ล้านบาท
ปี 2563 มีรายได้ 37.4ล้านบาท กำไร 2.5 ล้านบาท
ปี 2564 มีรายได้ 80.2 ล้านบาท กำไร 6.1 ล้านบาท
ปี 2565 รายได้ 112 ล้านบาท มีกำไร 18 ล้านบาทเศษ
สำหรับบริษัท ไทยบรอดคาสติ้ง จำกัด เป็นบริษัทย่อยในเครือเวิร์คพอยท์ ซึ่งเป็นนิติบุคคลผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์ภาคพื้นดินระบบดิจิทัล ช่อง Workpoint หมายเลข 23
ทั้งนี้ ในส่วนของราคาหุ้นบริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ WORK ล่าสุดปิดตลาดที่ 11.20 บาท/หุ้น โดยมีราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 11.30 บาท/หุ้น และปรับตัวลดลงต่ำสุด 11.10 บาท/หุ้น โดยมีราคาสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์ที่ 19.10 บาท/หุ้น และลดลงต่ำสุดที่ 10.50 บาท/หุ้น