สหพันธ์การขนส่งทางบกฯ ยื่นหนังสือถึง "พีระพันธุ์" เร่งช่วยเหลือรถบรรทุกที่ใช้ NGV 3 แสนคันหลังราคาขยับต่อเนื่องสวนทางดีเซลที่ลดลง ผู้ประกอบการขนส่งและโลจิสติกส์ต่างเห็นพ้องกันลดดีเซลแก้ปัญหาชั่วคราวต้องปรับโครงสร้างแก้ยั่งยืน จับตานำเข้าน้ำมันเสรีเชียร์นำเข้าน้ำมันรัสเซียขายราคาต่ำ แต่หากให้ผู้ประกอบการนำเข้าเองเป็นไปได้ยากเหตุไม่มีคลังรองรับ แถมต้นทุนอาจแพงกว่า
นายอภิชาติ ไพรรุ่งเรือง ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้สหพันธ์ฯ ได้ยื่นหนังสือถึงนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน ที่ต้องการให้เร่งช่วยเหลือกลุ่มรถบรรทุกที่มีอยู่ราว 300,000 คันทั่วประเทศที่มีความเดือดร้อนจากการปรับขึ้นราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (NGV) อย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดเมื่อ 16 ก.ย. 66 ปรับขึ้นจาก 18.59 บาท/กิโลกรัม (กก.) มาอยู่ที่ 19.59 บาท/กก. และคาดว่าจะมีการปรับเพิ่มอีกในปลายปีจึงเห็นว่าไม่เป็นธรรมท่ามกลางราคาพลังงานทั้งดีเซลและไฟฟ้าที่รัฐบาลยังคงดูแลต่อเนื่อง
“NGV เป็นพลังงานทางเลือกที่รัฐบาลในยุคทักษิณ สนับสนุนให้ใช้เพราะก๊าซฯ ได้จากอ่าวไทยเองเพื่อสู้กับราคาดีเซลที่สูงทำให้รถบรรทุกหันมาติดอุปกรณ์ใช้ NGV แต่ราคา NGV กลับสูงขึ้นไม่คุ้มทุนกับที่ติดตั้ง เมื่อรถหันไปใช้ดีเซลก็มีผลต่อการปล่อยฝุ่น PM 2.5” นายอภิชาติกล่าว
ทั้งนี้ ดีเซลที่ลด 2 บาท/ลิตรเป็นสิ่งที่ดีในการลดต้นทุนให้กับทุกส่วน แต่การปรับโครงสร้างราคาพลังงานจะเป็นการแก้ปัญหาที่ยั่งยืนกว่า ส่วนการที่รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงานมีนโยบายที่จะเปิดเสรีนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปเห็นด้วยอย่างยิ่งหากรัฐจะสามารถจัดหาน้ำมันราคาถูกจากต่างประเทศเช่นรัสเซีย เข้ามาแล้วจำหน่ายในราคาต่ำให้กับกลุ่มรถบรรทุก รถแท็กซี่หรืออื่นๆ ที่รัฐมีเป้าหมายจะช่วยเหลือเพื่อดูแลเศรษฐกิจภาพรวม แต่หากให้กลุ่มขนส่งนำเข้าเองแล้วไม่ผ่านคนกลางเป็นไปได้ยากเพราะไม่มีคลังที่จะสต๊อกน้ำมันมากขนาดนั้นและต้องลงทุนสูง จึงยังไม่แน่ใจถึงวิธีการที่ชัดเจนนัก
ทั้งนี้ ระยะกลางและยาวรัฐบาลจำเป็นต้องปรับโครงสร้างพลังงานทั้งราคา และการมุ่งไปสู่พลังงานสะอาดตามกติกาของโลกที่มุ่งไปในทิศทางนี้ ซึ่งเห็นว่าหนึ่งในประเด็นที่ควรพิจารณาคือ ค่าการกลั่นของโรงกลั่นมีความเหมาะสมเป็นธรรมหรือไม่อย่างไร โครงสร้างด้านน้ำมันอื่นๆ มีอะไรที่ไม่เหมาะสมจำเป็นจะต้องปรับปรุง ฯลฯ ขณะเดียวกันการส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี) และการใช้ก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (NGV) ควบคู่กันไปเพราะเป็นเชื้อเพลิงสะอาดในภาคขนส่ง
นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย ในฐานะประธานกรรมการกลุ่มบริษัท V-SERVE GROUP ผู้ดำเนินธุรกิจด้านโลจิสติกส์ชั้นนำของประเทศ กล่าวว่า ราคาดีเซลที่ปรับลดลง 2 บาท/ลิตรจากการลดภาษีสรรพสามิต 2.50 บาทนั้นมองว่าไม่ได้แก้ปัญหาแบบยั่งยืน ดังนั้นระยะต่อไปควรมองไปที่การปรับโครงสร้างราคาพลังงานมากกว่า โดยดีเซลเป็นต้นทุนขนส่ง 26-30% เท่านั้น เมื่อลด 2 บาท/ลิตรก็เท่ากับจะลดต้นทุนลงเพียง 1.5% ส่วนค่าขนส่งเป็นต้นทุนในราคาสินค้าเพียง 10% ส่วนตัวมองว่าการลดดีเซลแบบเหวี่ยงแหได้ไม่คุ้มเสีย ควรมองการช่วยเฉพาะกลุ่ม
อย่างไรก็ตาม นโยบายการนำเข้าเสรีน้ำมันสำเร็จรูปของ รมว.พลังงานคนใหม่ยังไม่ทราบรายละเอียดที่ชัดเจน แต่หากให้กลุ่มผู้ประกอบการขนส่งนำเข้ามาโดยไม่ผ่านคนกลาง คงเป็นไปได้ยากเพราะไม่มีคลังน้ำมันที่จะสต๊อกเอาไว้ ประกอบกับราคาน้ำมันผันผวนจะแบกรับภาระได้ไม่มากและที่สุดราคาอาจแพงกว่าซื้อจากผู้ค้า ม.7 แต่หากรัฐจะนำเข้ามาจะด้วยวิธีใดก็ตามแล้วมาจำหน่ายให้ผู้ประกอบการเฉพาะกลุ่ม เช่น ขนส่ง แท็กซี่ รถโดยสารอื่นๆ ฯลฯ ก็เห็นด้วย
