การตลาด - กลุ่มเซ็นทรัลเคลื่อนทัพ เปิดหน้าชน แม็คโคร พร้อมได้แม่ทัพและขุนพลผู้คร่ำหวอดค้าส่งมาร่วมงาน ร่วมปั้น GO Wholesale ทะลวงตลาดค้าส่ง งานนี้อัดงบ 2 หมื่นล้านเต็มที่ ผนึกเครือข่ายในเครือป้อนออเดอร์ก็เพียบแล้ว
ไม่มีใครปฏิเสธว่าในวงการธุรกิจค้าปลีกเมืองไทย กลุ่มเซ็นทรัล คือผู้นำและเป็นยักษ์ใหญ่อย่างโดดเด่น ภายใต้ บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC
ทั้งนี้ ผลประกอบการในปี 2565 ที่ผ่านมา CRC สร้างรายได้ 236,245 ล้านบาท และทำกำไรสุทธิ 7,605 ล้านบาท พร้อมทั้งมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization) ถึง 278,934 ล้านบาท ณ วันที่ 30 ธันวาคม 2565
ส่วนผลประกอบการครึ่งปีแรกปี 2566 นี้ พบว่าเซ็นทรัล รีเทล ทำรายได้สูงถึง 123,208 ล้านบาท เติบโต 9% และทำกำไรสุทธิได้ถึง 4,002 ล้านบาท เติบโตมากถึง 37% หากแยกเฉพาะไตรมาสที่ 2 ปี 2566 ทำรายได้รวม 60,002 ล้านบาท เติบโต 6% และทำกำไรสุทธิได้ 1,690 ล้านบาท เติบโต 5%
ทว่า จากรายได้มหาศาลนี้ หากแยกออกมาเป็นรายได้ในส่วนของกลุ่มค้าส่ง จะมีเพียง 17% เท่านั้น และที่สำคัญก็เป็นเพียงค้าส่งในกลุ่มสินค้าฮาร์ดไลน์เท่านั้นเอง
ซีอาร์ซียังไม่มีบทบาทในด้านของธุรกิจค้าส่งอย่างชัดเจนแบบมีนัยเท่าใดนัก โดยเฉพาะในเรื่องของอาหาร หรือฟูดเซอร์วิส โฮลเซล (Food Services Wholesale) ขณะที่ท็อปส์นั้นก็เป็นซูเปอร์มาร์เกตลักษณะค้าปลีก หรือบีทูซี (B2C) ที่เป็นผู้นำตลาด
เมื่อมองถึงมูลค่าตลาดรวมอาหารในไทย (เฉพาะคนไทยบริโภค) มีประมาณ 2.6 ล้านล้านบาท มีการเติบโตเฉลี่ย 5% ต่อปี ซึ่งก็ไม่น้อยเมื่อเทียบจากฐานตลาดที่ใหญ่ขนาดนี้ โดยที่ยังไม่ได้นับรวมการบริโภคของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาเที่ยวในไทยอีกด้วย ที่คาดว่ามีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 3-4 แสนล้านบาทอีกต่างหาก โดยในระบบมีร้านอาหารมากกว่า 6 แสนร้านค้า มีร้านโชวห่วยมากกว่า 6 แสนร้านค้า ถือเป็นตลาดที่ใหญ่และมีศักยภาพอย่างมาก
ทว่า วันนี้ ซีอาร์ซี กำลังจะเปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับตัวเอง และให้กับวงการค้าส่งเมืองไทยแล้ว
ด้วยการเปิดตัว โก โฮลเซล (GO Wholesale) เพื่อเป็นหัวหอกหลักในการทะลุทะลวงรุกตลาดค้าส่งฟูดเซอร์วิสโฮลเซลอย่างเต็มตัว
การเข้าสู่ธุรกิจค้าส่งของซีอาร์ซีครั้งนี้ แน่นอนว่าย่อมต้องส่งผลกระทบและสั่นสะเทือนต่อแม็คโคร ที่เป็นผู้นำเจ้าตลาดรายใหญ่เพียงรายเดียวในตลาดนี้ ที่ดำเนินธุรกิจมานานกว่า 34 ปี แบบไร้คู่แข่ง ปัจจุบันแม็คโครมีสาขาทั่วประเทศกว่า 155 สาขาแล้ว ซึ่งล่าสุดก็เพิ่งเปิดแม็คโคร เวียงสระ จังหวัดสุราษฎร์ธานี เปิดดำเนินการเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2566 ด้วยพื้นที่ 4,023 ตารางเมตร
“จริงๆ แล้วซีอาร์ซีต้องการเข้าสู่ธุรกิจค้าส่งนี้อยู่แล้ว เพื่อเติมเต็มอีโคซิสเต็มของเราให้ครบวงจร” นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC กล่าว
แม้บอสใหญ่ของซีอาร์ซีจะปฏิเสธว่าไม่ได้แข่งกับใคร แต่ในเชิงธุรกิจมิอาจหลีกเลี่ยงได้แน่นอน
งานนี้คงต้องจับตาดูว่า แม็คโครจะมีการปรับตัวปรับกลยุทธ์ รับมืออย่างไรบ้าง ทั้งในระยะสั้น และระยะยาว
เพราะการลงสมรภูมิค้าส่งครั้งนี้ของซีอาร์ซี ต้องเรียกได้ว่า พร้อมและแรงเต็มพิกัด
“ธุรกิจ ‘GO Wholesale’ เป็น New Growth Engine สำหรับ CRC ที่จะช่วยเติมเต็มกลุ่มฟูดให้เป็น Total Solution และตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายทุกกลุ่มได้อย่างครบวงจร โดย GO Wholesale จะเป็นหนึ่งใน Key Driver หลักให้กับธุรกิจกลุ่มฟูดของ CRC พร้อมทั้งเป็น Platform of Trust ให้กับทุก Stakeholders”
เขาย้ำด้วยว่า “GO Wholesale บริหารงานด้วยทีมงานมืออาชีพ ที่นำโดยคุณสุชาดา อิทธิจารุกุล และทีมงานที่มากด้วยประสบการณ์ในธุรกิจค้าส่งอาหารมากกว่า 20 ปี ทั้งหมดนี้ทำให้เรามีความมั่นใจอย่างยิ่งในความพร้อมของ GO Wholesale ที่จะมาสร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดดให้กับ CRC”
ทั้งนี้ GO Wholesale ดำเนินงานภายใต้บริษัทใหม่ บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด โฮลเซลล์ ซึ่งจัดตั้งขึ้นมาใหม่ด้วยทุนจดทะเบียนมากถึง 1,800 ล้านบาท
โดยมี นางสุชาดา อิทธิจารุกุล เป็นหัวเรือใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท ซึ่งเป็นอดีตผู้บริหารระดับสูงและแทบจะเป็นลูกหม้อสำคัญคนหนึ่่งของ บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) ธุรกิจค้าส่งรายใหญ่เจ้าตลาดนั่นเอง และเป็นผู้หญิงคนแรกที่ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจค้าส่ง (CEO) ของแม็คโครตั้งแต่ปี 2560 หลังจากที่ได้เข้ามาร่วมงานกับแม็คโครเมื่อปี 2538 กับตำแหน่งแรกคือ ผู้อำนวยการฝ่ายการเงิน ก่อนที่จะออกจากแม็คโครเมื่อปี 2565
ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2566 (มกราคม-มีนาคม) ของแม็คโครสามารถสร้างรายได้เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีรายได้รวม 120,222 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 111,418 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 2,166 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 2,050 ล้านบาท เป็นผลมาจากธุรกิจค้าส่งแม็คโคร ที่มีกำไร 1,897 ล้านบาท และค้าปลีก โลตัส ที่มีกำไร 269 ล้านบาท
ขณะที่ผลการดำเนินงานปี 2565 แม็คโคร มีกำไรสุทธิ 7,697 ล้านบาท ลดลง 43.8% เทียบกับปี 2564 ที่มีกำไรสุทธิ 13,687 ล้านบาท โดยแม็คโครมีรายได้รวม 469,131 ล้านบาท เติบโต 76.1% เมื่อเทียบกับปี 2564 ที่มีรายได้รวม 266,367 ล้านบาท เป็นรายได้จากการขายจำนวน 447,182 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 188,552 ล้านบาท หรือ 72.9% สาเหตุหลักจากการรวมกิจการกลุ่มธุรกิจค้าปลีกตั้งแต่วันที่ 25 ตุลาคม 2564
“สุชาดา” คือโนว์ฮาว (Know How) ชั้นเลิศ ที่ซีอาร์ซีมอบภารกิจครั้งนี้ให้
เท่านั้นยังไม่พอ ยังมีทีมงานระดับสูงที่เชี่ยวชาญด้านค้าส่งอีกหลายคนที่เข้ามาร่วมงานด้วย เช่น ริคาร์โด้ โบอารอตโต้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธุรกิจเซ็นทรัล ฟู้ด โฮลเซลล์ ประเทศไทย ( อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหาร - หน่วยธุรกิจแม็คโคร ประเทศไทย ), นางสาวซันนี่ ซิดิค ดำรงตำแหน่งรองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธุรกิจค้าส่ง (อดีตผู้บริหารสูงสุด สายงานบริหารสินค้า บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน), นางอรวรรณ ศิริโชติรัตน์ ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานสื่อสารองค์กรและรัฐสัมพันธ์ ( อดีตผู้ช่วยรองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายงานองค์กรสัมพันธ์และประสานรัฐกิจ บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน)
ยังมีบรรดาผู้คร่ำหวอดธุรกิจค้าส่งมากกว่า 20 ปี เข้าเสริมทัพอีกเพียบ ไม่ว่าจะเป็นนายยุทธภูมิ เจริญสุข ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายขายและปฏิบัติการ, นายจิรพงศ์ บดีพงศ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายพัฒนาลูกค้า, นางสาวยิ่งลักษณ์ นิพนธ์ศิริ ผู้อำนวยการ สายงานทรัพยากรบุคคล
เมื่อมีทีมงานระดับบนที่เชี่ยวชาญค้าส่ง ย่อมเป็นแรงดันสำคัญ ที่ผนวกกับความแข็งแกร่งทุกอย่างของซีอาร์ซีที่มีพร้อมอยู่แล้วไม่ว่าจะเป็นบุคลากร เงินทุน ทำเล ระบบแบ๋กออฟฟิศและอินฟราสตรักเจอร์ต่างๆ ที่สมบูรณ์แบบรายเดิมที่ทำอยู่
แม้ว่า ญนน์ จะย้ำว่า “เราไม่ได้จะไปแข่งกับใครหรือแข่งกับรายเดิม แต่เรามองว่าลูกค้าต้องการอะไร เราต้องสร้างความแตกต่างให้เกิดขึ้น เราต้องสู้กับตัวเอง ง่ายๆ เช่น เรารับบัตรเครดิตการ์ดทั้งหมด ไม่ได้จำกัดบัตรเหมือนคนอื่น ตลาดค้าส่งนี้มีมูลค่ามหาศาล ในตลาดมีแบรนด์ใหญ่แบรนด์เดียว”
ขณะที่ นางสุชาดา กล่าวอย่างหนักแน่นว่า “ถ้าเราจะไปแข่งกับเขา มันก็ผิดตั้งแต่แรกแล้ว แต่เราสร้างธุรกิจนี้ขึ้นมา เพื่อเป็นทางเลือกใหม่ให้ผู้บริโภคซึ่งเราเองก็มีการทำดาต้า วิจัยเก็บข้อมูลลูกค้าอย่างชัดเจนว่า ลูกค้าเขาต้องการทางเลือกใหม่ๆ บ้าง”
แผนงานเบื้องต้น ในปีนี้จะเปิด โก โฮลเซล จำนวน 4 สาขานำร่องก่อน โดยสาขาแรกจะเปิดบริการเดือนตุลาคมนี้ ที่ถนนศรีนครินทร์ฝั่งปากน้ำ เปิดวันที่ 27 ตุลาคมนี้ ลงทุนเฉลี่ย 500 ล้านบาทต่อสาขา และจะตามมาด้วยอีก 3 สาขา คือ ที่เชียงใหม่ พัทยา และที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ชลบุรี โดยคาดว่าในสิ้นปีนี้จะมีรายได้จากสาขาที่เปิดมากกว่า 500 ล้านบาท และคาดว่าจะมีสมาชิกประมาณ 2 หมื่นราย ส่วนปีหน้าจะเปิดที่ใดบ้างยังไม่เปิดเผย
ทั้งนี้ แผนงานระยะยาววางไว้ว่าจะต้องขยายให้ครอบคลุมทั่วประเทศให้ได้ อย่างน้อย 50-70 สาขา ภายในปี 2571 หรืออีก 5 ปีจากนี้ ด้วยงบประมาณลงทุนที่ซีอาร์ซีเตรียมไว้มากกว่า 20,000 ล้านบาท
เป้าหมายรายได้ของค้าส่ง โก โฮลเซลนี้จะต้องทำให้ได้ประมาณ 70,000 ล้านบาท ภายใน 5 ปีเช่นกัน และจะเป็นตัวหลักที่ผลักดันให้สัดส่วนรายได้ที่มาจากค้าส่งรวมกันมากกว่า 25-30% จากปัจจุบันมีเพียง 17% เท่านั้นเอง
ดูเหมือนยาก แต่ไม่ยากสำหรับ โก โฮลเซล เพราะซีอาร์ซีแบ็กอัพเต็มที่
นายญนน์กล่าวว่า ซีอาร์ซีมีธุรกิจหลายรูปแบบหลายโมเดล เราสามารถที่จะปรับเปลี่ยนได้ หากแบรนด์ใดหรือสาขาใดที่ไม่ตอบโจทย์ในทำเลเดิมนั้น เราก็พร้อมที่จะปรับเปลี่ยนร้านเดิมมาเปิดโมเดลแบรนด์ใหม่ๆ ของเราได้ทันที
สาขาแรกๆ ของโกโฮลเซลปีนี้ก็ล้วนมาจากการใช้ทำเลเดิมที่มีอยู่ของธุรกิจในเครือ ในทำเลสาขาที่แบรนด์เดิมอาจจะไปต่อไม่ได้ จึงปิดร้านและปรับมาเป็น โก โฮลเซลนั่นเอง เช่นสาขาแรกก็เปิดอยู่ในพื้นที่ของไทวัสดุที่สร้างขึ้นมาใหม่ บางสาขาก็เป็นพื้นที่เดิมของท็อปส์แล้วเลิกไป บางพื้นที่ก็เป็นบ้านแอนด์บียอนด์ ก็ปรับเปลี่ยนเป็น โก โฮลเซล
ยังไม่นับรวมทำเลอื่นๆ และเครือข่ายค้าปลีกอื่นๆ ของซีอาร์ซีที่มีอยู่ในจำนวนมากที่พร้อมจะเปิดค้าส่งเป็นแม็กเน็ตใหม่ โก โฮลเซล รวมทั้งไม่ปิดกั้นหากจะไปตั้งอยู่นอกเครือได้ด้วย ถ้ามีโอกาส
นางสุชาดากล่าวถึงกลยุทธ์เปิดในแต่ละทำเลซึ่งก็ไม่ต่างจากทั่วไปว่า โดยพิจารณาจากจำนวนครัวเรือนในพื้นที่นั้นการใช้จ่ายของครัวเรือน รายได้ต่อครัวเรือน การบริโภคอาหารในทำเลนั้นเป็นอย่างไร พื้นที่นั้นมีผู้ประกอบการเดิมหรือไม่ เพียงพอกับตลาดหรือไม่ และที่สำคัญคือ เรื่องของกฎหมายต่างๆ เป็นต้น
แต่ที่แน่ๆ ลูกค้าที่อยู่ในกำมือของ โก โฮลเซล แน่นอนทั้งๆ ที่ยังไม่ได้เปิดกิจการก็คือ ธุรกิจในอาณาจักรของเซ็นทรัลกรุ๊ปด้วยกันนั่นเอง
“สำหรับ GO Wholesale เรามีกลุ่มเป้าหมายหลัก 4 กลุ่ม คือ Food Retailers, Food Services, Food Lovers และกลุ่มโฮเรกา ซึ่งจะได้รับการสนับสนุนจาก Power of Network ของกรุ๊ป ประกอบไปด้วยศูนย์การค้า 110 แห่ง ที่ครอบคลุมใน 100 จังหวัด ทั้งในประเทศไทยและเวียดนาม ร้านอาหารกว่า 6,750 ร้าน และโรงแรม 93 แห่ง ซึ่งมีออเดอร์และความต้องการใช้วัตถุดิบทำอาหารเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้เรายังมี Loyalty Platform ที่ครอบคลุมลูกค้ามากกว่า 28 ล้านราย” นายญนน์กล่าว
นางสุชาดากล่าวเสริมด้วยว่า ‘GO Wholesale’ คือศูนย์ค้าส่งสินค้าระบบสมาชิก ในราคาขายส่ง เพื่อผู้ประกอบการ ที่มีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลักคือ กลุ่มธุรกิจโฮเรกา (โรงแรม, ร้านอาหาร, ธุรกิจจัดเลี้ยง) กลุ่มผู้ชื่นชอบการทำอาหาร กลุ่มผู้ให้บริการอาหารในโรงงาน โรงพยาบาลและหน่วยงานอื่นๆ รวมถึงร้านค้าปลีกขนาดเล็ก (โชวห่วย) ซึ่งเรามีพื้นที่ด้านอาหารสดมากกว่า 40% โดยจุดเด่นคือการนำเสนอสูตรแห่งความสำเร็จให้แก่ผู้ประกอบการในด้านต่างๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการอย่างตรงใจ พร้อมเป็นแรงสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาทักษะ และต่อยอดธุรกิจรายย่อยให้มีประสิทธิภาพ นำไปสู่การสร้างรายได้และผลกำไรให้เติบโตไปด้วยกัน เหมือนกับชื่อแบรนด์ GO ที่ ‘G’ หมายถึง ‘การเติบโต’ (Growth) และ ‘O’ หมายถึง ‘โอกาส’ (Opportunities) สอดคล้องไปกับแนวคิด ‘โตเร็ว โตไกล โตไปกับ GO’ หรือ Grow with GO ซึ่งเป็นโอกาสในการเติบโต ด้วยสูตรแห่งความสำเร็จสำหรับผู้ประกอบการ (Growing Your Business with Success Recipe)
ทั้งนี้ GO Wholesale เกิดขึ้นจากการทำงานร่วมกันของผู้บริหารมืออาชีพและทีมงานที่มากด้วยประสบการณ์ยาวนานในธุรกิจค้าส่ง เรามีความเข้าใจความต้องการและ Pain point ของลูกค้ากลุ่มผู้ประกอบการด้านธุรกิจอาหารและร้านค้าปลีกขนาดเล็กอย่างลึกซึ้ง ประกอบกับการที่ GO Wholesale ได้เข้าไปอยู่ใน CRC Ecosystem ที่สมบูรณ์แบบ ทำให้เรามั่นใจว่าจะสามารถนำพาทุกธุรกิจให้เติบโตไปพร้อมกัน ซึ่งถือเป็นพันธสัญญาที่สำคัญของเรา”
นายริคาร์โด้ โบอารอตโต้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธุรกิจเซ็นทรัล ฟู้ด โฮลเซล ประเทศไทย กล่าวว่า ศูนย์ค้าส่ง ‘GO Wholesale’ สาขาแรกมีพื้นที่กว่า 7,000 ตารางเมตร ด้วยการออกแบบ Store Layout รูปแบบใหม่ที่พร้อมตอบโจทย์ให้กับผู้ประกอบธุรกิจโฮเรกา ร้านอาหารและร้านค้าปลีก และการให้บริการใหม่ๆ ที่มีความหลากหลาย เพื่อมาช่วยสนับสนุนธุรกิจของลูกค้าผู้ประกอบการ พร้อมสร้างประสบการณ์ใหม่ ด้วยสินค้ามากกว่า 20,000 รายการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แผนกอาหารสด ซึ่งมีตั้งแต่อาหารทะเลเป็นๆ, เนื้อคุณภาพพรีเมียม และการให้บริการตัดแต่งสินค้าตามความต้องการของลูกค้า, บริการชำระเงินด้วยช่องทางที่หลากหลาย, การให้บริการทุกช่องทางอย่างไร้รอยต่อ และสิทธิประโยชน์สมาชิกที่หลากหลาย ที่รวมถึงลอยัลตี้แพลตฟอร์ม The 1 ในเครือเซ็นทรัลฯ
“CRC ประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจมากว่า 75 ปี จากการสร้าง Platform of Trust ให้กับลูกค้า พาร์ตเนอร์ ซัปพลายเออร์ พนักงาน ชุมชน และนักลงทุน พร้อมทั้งมี Ecosystem ที่แข็งแกร่งด้วย Multi-category ใน 5 กลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่มฟูด แฟชั่น ฮาร์ดไลน์ พร็อพเพอร์ตี้ และเฮลท์แอนด์เวลเนส ซึ่งครอบคลุมทั้งกลุ่มลูกค้า B2C และ B2B ตลอดจนมีจุดแข็งในเรื่องของบุคลากรที่มีศักยภาพ ทำให้เราสามารถสร้างการเติบโตได้อย่างยั่งยืน ทั้งในประเทศไทย เวียดนาม และอิตาลี และมั่นใจว่า GO Wholesale จะเป็นหนึ่งใน Key Driver หลักให้กับธุรกิจกลุ่มฟู้ดของ CRC พร้อมทั้งเป็น Platform of Trust ให้กับทุก Stakeholders ด้วยการสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ดีที่สุดให้กับผู้ประกอบการ เป็นองค์กรที่มีความยืดหยุ่นและปรับตัวได้อย่างรวดเร็วในทุกสถานการณ์ ตลอดจนมุ่งมั่นและทำงานร่วมกับทุกพาร์ตเนอร์ เพื่อสร้างผลประโยชน์ร่วมกัน” บอสใหญ่ซีอาร์ซีกล่าวสรุป