xs
xsm
sm
md
lg

‘วิกรม’ แนะปล่อยรัฐบาลใหม่บริหาร 1 ปี “หากทำไม่ได้ตามที่พูดค่อยตำหนิ”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



"วิกรม" แนะคนไทยปล่อยรัฐบาลชุดใหม่ทำหน้าที่บริหารประเทศครบ 1 ปีก่อนค่อยตำหนิหากทำไม่ได้ตามที่พูด ส่วนนโยบายแจกเงินชี้เป็นการช่วยระยะสั้น ต้องเคลียร์ให้ชัดว่าเอาเงินจากไหน จ่ายคืนอย่างไรเพื่อไม่ให้เป็นภาระของประเทศ ส่วนการลดราคาพลังงานต้องไม่กระทบต่อการลงทุน

นายวิกรม กรมดิษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานกรรมการ บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) และประธานมูลนิธิอมตะ กล่าวถึงนโยบายรัฐบาลเพื่อแก้ปัญหาความยากจนว่า รัฐบาลมีนโยบายแจกเงินให้ประชาชนวงเงินราว 5 แสนล้านบาทถือเป็นการช่วยระยะสั้น และเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ ถ้าเม็ดเงินตรงนี้เอาไปให้คนจนจริงๆ และเมื่อพวกเขาเอาใช้จ่าย ตนก็เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อคนจนในระยะสั้น และกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะไม่ยาว แต่ปัญหาที่ต้องคำนึงก็คือ เงินตรงนี้ถ้าเอาไปแจกแล้ว รัฐบาลจะมีภาระ ประเทศจะมีปัญหาหรือไม่ เพราะมันเป็นเงินส่วนรวม แน่นอนว่า ถ้าเรามีเงินเยอะ มีความสามารถในการหาเงินมาและคืนเงินได้ในอนาคต ซึ่งนำมาช่วยประชาชนกลุ่มคนจนที่มีปัญหามาตั้งแต่สมัยโควิด ตนก็คิดว่าเป็นประโยชน์ เพราะเงินตรงนี้จะเข้าไปกระตุ้นในภาคการผลิต

ส่วนนโยบายลดราคาพลังงาน ตนอยากให้รัฐบาลไปดูประเทศเพื่อนบ้านว่ารายได้ต่อหัวต่อปี (จีดีพีต่อหัว) เท่าไร และต้นทุนของค่าครองชีพน่าจะอยู่ที่ประมาณเท่าไหร่ แล้วค่อยไปดูราคาพลังงานที่ควรจะเป็นอยู่ที่เท่าไหร่ วันนี้ถ้าจะประกาศลดอะไรที่มันเป็นของส่วนรวมต้องมีเหตุผลและไม่ส่งผลกระทบต่อการลงทุนด้วย เราอย่าไปเอาใจประชาชนอย่างเดียว เราต้องดูในการผลิตด้วย เพราะประเทศจะต้องเดินไปด้วย โรงงาน แหล่งการผลิต ถ้ามีต้นทุนที่สูงก็ไม่สามารถทำได้

ดังนั้น เมื่อรัฐบาลจะทำอะไรก็แล้วแต่ ไม่ใช่คุยกันแค่ไม่กี่คน จะต้องมีการศึกษา ทำการบ้าน อย่างเช่น ประเทศเวียดนาม ทำไม 5 ปีที่ผ่านมา เม็ดเงินในการลงทุนของเขามากกว่าถึง 2-3 เท่า ก็เพราะค่าไฟฟ้า ค่าน้ำในเวียดนามมีราคาถูก ต้องดูปัญหาตรงนี้ด้วย ไม่เช่นนั้นประเทศไทยก็จะขาดความสามารถในการลงทุน เพราะประเทศต่างๆ เช่น จีน สิงคโปร์ เวียดนาม ล้วนแต่มีเม็ดเงินจากนักลงทุน

ส่วนนโยบายขึ้นค่าแรง นายวิกรมกล่าวว่า เป็นสิ่งที่จำเป็นในสถานการณ์เงินเฟ้อ ต้นทุนค่าครองชีพสูง จะไปบอกว่าเราต้องรักษาค่าแรงให้ถูกแบบนี้ ตนมองว่ามันก็ไม่ยุติธรรม เพียงแต่การขึ้นค่าแรงต้องไม่ใช่เอาระบบประชานิยมมาขึ้นค่าแรงแบบก้าวกระโดด เช่น จาก 200 บาทเป็น 300 บาท ภายในเวลาเท่านี้ ตนว่าแบบนี้ไม่ใช่การบริหารเศรษฐกิจที่เหมาะสม การจะขึ้นค่าแรงควรจะขึ้นอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ขึ้นอย่างมีเหตุผล เช่น เงินเฟ้อเท่าไหร่ ดอกเบี้ยเท่าไหร่ ค่าพลังงานเท่าไหร่ แต่ละปีมันเพิ่มเท่าไหร่ เมื่อเราเห็นตัวเลขตรงนี้แล้ว ก็มาดูว่าเราจะปรับจากตัวเลขนี้มากน้อยเท่าไหร่ ซึ่งต้องทำทุกปีเพราะต้นทุนมีการขยับขึ้น

"ที่ผ่านมาเรามีนักการเมืองที่มีผลงานทางเศรษฐกิจกี่คน แต่วันนี้เราได้คนที่มีฝีมือ มีผลงาน เขาบริหารบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ เขาผ่านขั้นตอนมา เขารู้ว่าอะไรถูกควร ปล่อยให้เขาบริหารสัก 1 ปี โดยปล่อยให้เขาทำงานไปก่อนเมื่อครบแล้วค่อยอัดเต็มที่ ไม่ต้องยั้งมือ หากสิ่งที่พูดไว้ทำไม่ได้ วันนั้นถ้าผมมีโอกาสก็จะไปอัดด้วย วันนี้เราเป็นประชาชน เป็นเจ้าของประเทศต้องให้โอกาสเขา คอยดูว่าสิ่งที่เขาพูดมาทำได้กี่เปอร์เซ็นต์เมื่อครบ 1 ปี สิ่งไหนที่เขาทำได้เราก็ต้องปรบมือ สนับสนุนเขา ถ้าเราทำแบบนี้ คนเก่งๆ ในประเทศเราก็จะมีกำลังใจ เพราะทุกวันนี้ประเทศไทยมีคนเก่งจำนวนมาก แต่ไม่มีใครยอมที่จะมาทำหน้าที่บริหาร เพราะไม่อยากเจ็บตัว"
กำลังโหลดความคิดเห็น