xs
xsm
sm
md
lg

“HUAWEI Health Lab” หมากเด็ดส่งสมาร์ทวอทช์ขึ้นเบอร์ 1 ในจีน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



การลงทุนที่ถูกต้องย่อมได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่า หัวเว่ยก็เช่นกันที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนา ทดสอบผลิตภัณฑ์ก่อนถึงมือผู้บริโภค โดยเฉพาะสมาร์ทวอทช์ ของหัวเว่ยจะผ่านการทดสอบจาก HUAWEI Health Lab ที่ทุ่มทุนสร้างกว่าพันล้านบาท เพื่อให้เป็นห้องปฏิบัติการด้านสุขภาพที่ใหญ่ที่สุดของหัวเว่ยก่อนส่งมอบฟังก์ชันการใช้งานที่ดีบนข้อมือผู้บริโภค

หัวเว่ย สมาร์ทวอทช์ ก้าวขึ้นสู่ผู้นำอันดับ 1 ในประเทศจีนทั้งด้านการทำตลาดและการยอมรับในตัวผลิตภัณฑ์สมาร์ทวอทช์ ขณะที่ในตลาดทั่วโลกหัวเว่ยมีการส่งออกสมาร์ทวอทช์กว่า 110 ล้านชิ้น มีคนใช้งานจริงประมาณ 430 ล้านคน (ข้อมูลปี 2022) ในส่วนประเทศไทย หัวเว่ยสมาร์ทวอทช์ และสมาร์ทแบนด์มีผู้ใช้งานกว่า 10 ล้านคน ใช้เพื่อด้านสุขภาพและการออกกำลังกาย รวมทั้งการวัดประสิทธิภาพในการนอน

Louie Hu
Louie Hu ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและธุรกิจออนไลน์ หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป (ประเทศไทย) และวรุฒ สิริเกษมสุข ผู้จัดการฝ่ายการตลาด หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป (ประเทศไทย) กล่าวว่า การที่หัวเว่ย สมาร์ทวอทช์ ได้รับการยอมรับเป็นเพราะการมีเทคโนโลยีที่ดี มีแอปพลิเคชันที่ใช้งานได้จริง เป็นศูนย์กลางในการเชื่อมต่อสมาร์ทวอทช์กับสมาร์ทโฟน โดยสามารถเชื่อมต่อได้ทั้งของหัวเว่ยเอง iOS รวมทั้งมือถือ Android คือสามารถเชื่อมต่อได้กับทุกอุปกรณ์ นอกจากนี้ ยังมีเทคโนโลยี Blood Pressure สามารถวัดความดันโลหิตได้

วรุฒ สิริเกษมสุข
ภายใต้การใส่ใจด้านการพัฒนา หัวเว่ยเปิด HUAWEI HeaLth Lab มูลค่ากว่า 200 ล้านหยวน หรือประมาณ 1 พันล้านบาทที่เมืองตงกวนขึ้นเพื่อใช้เป็นศูนย์ปฏิบัติการขนาดใหญ่ทดสอบและพัฒนาสมาร์ทวอทช์ของหัวเว่ยในกิจกรรมต่างๆ นักพัฒนาจะสามารถจำลองสถานการณ์การออกกำลังกายที่หลากหลาย ตลอดจนประมวลผลข้อมูลด้านสุขภาพและความพร้อมของสมรรถภาพร่างกายขณะสวมใส่หัวเว่ยสมาร์ทวอทช์

*** ใครไม่มี ไม่ได้แล้ว


ถ้าพูดถึงฟังก์ชันการวัดความดัน แบรนด์ไหนๆ ก็วัดได้ในรูปแบบเซ็นเซอร์ แต่สมาร์ทวอทช์ของหัวเว่ยใช้หลักการปล่อยความดันออกมาที่ข้อมือ เป็นหลักการเดียวกับการวัดด้วยเครื่องที่พยาบาลวัดให้เราที่โรงพยาบาล โดยหัวเว่ยทำการทดสอบร่วมกับโรงพยาบาลหลายแห่งโดยใช้ HUAWEI Watch D ทดสอบกับผู้ป่วย 5 กลุ่ม ตั้งแต่ป่วยไม่มากจนถึงป่วยหนัก ด้วยการวัดด้วยเครื่องวัดความดันของโรงพยาบาลกับการวัดด้วยสมาร์ทวอทช์ของหัวเว่ย ผลปรากฏว่า วัดค่าความแม่นยำได้ใกล้เคียงหรือเทียบเท่าเครื่องวัดความดันเฉพาะทาง (ผลการวัดต่างกันไม่เกิน บวก/ลบ 3mmHg)

นอกจากเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่มีในสมาร์ทวอทช์หัวเว่ยแล้ว ยังมีเทคโนโลยีการตรวจวัดด้านสุขภาพอย่างอัตราการเต้นของหัวใจ ออกซิเจนในเลือด วัดการนอนหลับ วัดอุณหภูมิที่ผิวหนัง วัดความเครียดและโหมดอื่นๆ เพื่อให้ผู้สวมใส่มีสุขภาพที่ดีขึ้น

“นอกจากวิ่ง และว่ายน้ำเป็นฟังก์ชันพื้นฐานแล้วยังมีโหมดออกกำลังกายมากกว่า 100 โหมด โหมดใหม่ๆ อย่างอีสปอร์ต ฟุตบอล บาสเกตบอล เรามีหมดเรียกได้ว่าคนไทยชอบอะไร นิยมอะไร กีฬาใหม่ๆ เราก็มีซึ่งแน่นอนว่าศูนย์แห่งนี้รองรับการทดสอบการออกกำลังกายกว่า 100 โหมดด้วย”

ทำไมต้องมีถึง 100 โหมดออกกำลังกาย หัวเว่ย พบว่า ทุกการออกกำลังกายมีการใช้กล้ามเนื้อแตกต่างกัน บางอย่างใช้กล้ามเนื้อขา บางอย่างใช้กล้ามเนื้อแขน แต่นาฬิกาอยู่ที่แขน การจะวัดเพื่อให้เกิดความแม่นยำสูงสุดจึงต้องมีการกระจายโหมดออกกำลังกายเป็น 100 กว่าโหมด

“เราใส่ใจแม้กระทั่งหากผู้ใช้นั่งนานไปแล้วนาฬิกาจะเตือนว่าต้องลุกขึ้นบ้างแล้ว วันนี้ยิ้มแล้วหรือยัง ไม่นับรวมฟังก์ชันปกติอย่างเตือนว่ามีสายเข้า ไลน์เข้า เฟซบุ๊กเข้า โดยการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนเพื่อให้ผู้ใช้มีชีวิตประจำวันที่ดีขึ้น”


หัวเว่ย มีการพัฒนาทั้งฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์ มีการแบ่งนาฬิกาออกเป็นทั้งรุ่นที่แอดวานซ์มากๆ ไปจนถึงรุ่นเบสิกด้านสุขภาพต่างๆ เริ่มจาก Ultimate จะเน้นความแม่นยำสูงสุด สามารถกันน้ำได้ลึกถึง 100 เมตรขณะที่คนเราจะดำน้ำกันลึกประมาณ 5-10 เมตรแต่รุ่นนี้ยังไม่เข้ามาทำตลาดในไทย

Smart Technology เป็นรุ่นที่หัวเว่ยพยายามใส่ฟังก์ชันที่เป็นลูกเล่นเข้าไว้เพื่อการใช้งานที่หลากหลาย หัวเว่ย WATCH Buds มีหูฟังซ่อนอยู่ในตัวนาฬิกา สามารถหยิบมาฟังเมื่อไหร่ก็ได้ทำให้เราไม่ต้องพกหูฟังไปด้วยต่างหาก

ในรุ่น Classic Versatility จะเน้นความเป็นบิสสิเนสขึ้น เพื่อใช้ในชีวิตประจำวันของการทำงาน ส่วน Fashion Trends ดีไซน์เน้นความทันสมัย เอาใจวัยรุ่น สีฉูดฉาด กับอีกรุ่นคือ Healthcare เน้นสุขภาพวัดความดันได้และรุ่นที่เป็นนาฬิกาเด็กแต่ผู้ใหญ่นิยมใช้ เพราะสามารถถ่ายรูปได้ ถ่ายวิดีโอได้

“เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินตัวนาฬิกาจะบันทึกภาพให้อัตโนมัติเมื่อเด็กเกิดอันตรายเด็กสามารถกดปุ่มส่งรูปให้ผู้ปกครองหรือพี่เลี้ยงได้ ตามแอปพลิเคชันที่ผูกไว้ก่อนได้ทันที”

ด้วยเทคโนโลยี HUAWEI TruSeen เป็นการวัดอัตราการเต้นของหัวใจ วัดออกซิเจน ซึ่งมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจากเดิมที่วัดด้วยมือมาเป็นการวัดอัตโนมัติตลอดเวลาและสามารถแจ้งเตือนได้เมื่อสูงหรือต่ำเกินไป

ในส่วนหัวเว่ย TruSport มีการเทียบเคียงค่าความแม่นยำ ค่า RAI ที่นักวิ่งมืออาชีพใช้ตรวจวัดระดับโลก หัวเว่ยมีการดึงฟังก์ชันนี้มาใส่ไว้ในสมาร์ทวอทช์แสดงให้เห็นได้ว่าคุณภาพการวิ่งอยู่ในระดับไหน ตัวนาฬิกาใช้หลักการประมวลผลทั้งออนไลน์ และออฟไลน์ดาต้าที่เก็บบันทึกไว้ทำให้ประเมินได้ว่าถ้าจะลงแข่งวันนี้ในการวิ่ง 5 กิโลเมตรหรือ 10 กิโลเมตร เวลาที่น่าจะทำได้ประมาณเท่าไร จากสถิติที่เราได้ฝึกซ้อมมาก่อนหน้านี้บวกกับอัตราการเต้นของหัวใจ ค่าออกซิเจนที่ได้ สมาร์ทวอทช์ของหัวเว่ยจะบอกให้ว่าคุณต้องพักผ่อนอีกเท่าไรร่างกายจึงจะกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิมโดยมีหัวเว่ยทรูสลีปช่วยวัดประสิทธิภาพการนอนหลับ

“หัวเว่ย เฮลธ์ สามารถเชื่อมต่อได้ในทุกอุปกรณ์ ขณะที่บางแบรนด์ทำไม่ได้ซึ่งถือเป็นจุดเด่นของเรา”

ด้วยเทคโนโลยีของหัวเว่ยที่ผ่านการยินยอมแล้วทำให้เห็นได้ว่ามีใครกำลังออกกำลังกายอยู่ผ่านการสวมใส่นาฬิกาของหัวเว่ยรุ่นอะไรและกำลังใช้ฟีเจอร์อะไรอยู่แบบเรียลไทม์

หัวเว่ย Health Lab ที่ตงกวนแห่งนี้เน้นการตรวจวัดแบบอัลกอริทึม เน้นกระบวนการแก้ปัญหาที่สามารถอธิบายออกมาเป็นขั้นตอนที่ชัดเจนว่านำเข้าอะไรแล้วจะได้ผลลัพธ์อะไรซึ่งเป็นการตรวจวัดด้วยความแม่นยำ

หากจะมองในแง่ความทันสมัยทางเทคโนโลยีของหัวเว่ยเมื่อเทียบกับแบรนด์อื่น ผู้บริหารหัวเว่ยกล่าวว่า เราไม่ใช่แค่สมาร์ทวอทช์ที่ใช้แค่เพื่อการออกกำลังกาย แต่เพื่อใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างดี ด้วยฟีเจอร์ที่พัฒนาให้มีความแม่นยำขึ้นเรื่อยๆ โดยการจับมือกับกระทรวงกีฬาของประเทศจีนนำเทคโนโลยีของหัวเว่ยไปใช้วัดกับนักกีฬาไม่ว่าจะเป็นโลเกชันแทรกกิ้ง ตรวจวัดเซ็นเซอร์ที่ผิวหนังที่ตอบโจทย์ด้านการกีฬา การแจ้งเตือนผ่านอุปกรณ์อื่นๆ ตัวนาฬิกาจึงตอบโจทย์ในชีวิตประจำวันได้อย่างดี

“จุดเด่นของสมาร์ทวอทช์หัวเว่ยอยู่ช่วงระดับราคาที่กว้างตั้งแต่ 1 พันบาท ถึง 3 หมื่นบาทเมื่อเทียบฟังก์ชันใช้งานแล้ว เราจึงได้เปรียบกว่าขณะที่แบรนด์อื่นในฟังก์ชันใช้งานนี้ราคาจะสูงมากเข้าถึงได้ยาก”


ขณะการทดสอบการเล่นปิงปอง เป็นการทดสอบความเร็วของกล้ามเนื้อทั้งแขนและขา แขนขณะแกว่งกับไม่แกว่งจะมีความแตกต่างกัน วัดอัตราการเต้นของหัวใจเพื่อให้ได้ค่าที่นำมาประมวลผลที่ต่างกัน


ส่วนการทดสอบขณะว่ายน้ำภายในสระกว้าง/ยาว 5 เมตร ที่มีการติดกล้องรอบด้านเพื่อเก็บข้อมูล ท่าทางการว่ายน้ำ สมาร์ทวอทช์หัวเว่ยจะบอกให้เห็นถึงการจ้วงแขนขณะว่ายว่ามีความเร็วเท่าไร ตัวสระสามารถปรับความเร็วของน้ำกี่กิโลเมตรต่อนาทีขณะว่ายได้ ทั้งสามารถปรับอุณหภูมิของน้ำได้ตามต้องการเพื่อประสิทธิภาพการว่ายน้ำในแต่ละแบบ โดยสมาร์ทโฟนของหัวเว่ยในบางรุ่นสามารถกันน้ำได้ลึกถึง 100 เมตร


ในการทดสอบการเคลื่อนไหว ไม่ว่าจะเป็นการวิ่งหรือการขี่จักรยานสามารถปรับความเร็ว ความชันของพื้นผิวในแบบต่างๆ ได้ ด้วยกล้อง 10 ตัวที่ติดรอบด้านจะสามารถวัดท่าทางของการวิ่งแบบต่างๆ ได้ผ่านเซ็นเซอร์ที่ติดไว้ที่ลำตัว


ในฟังก์ชันการตีกอฟล์ เป็นการทดสอบฟังก์ชันขณะตีกอล์ฟจะสามารถวัดวงสวิงของการตีกอล์ฟได้ขณะง้างไม้ไปด้านหลังและตีลงมาด้านล่างเพื่อประเมินออกมาเป็นคะแนนว่าอยู่ในระดับไหน


ด้วยฟังก์ชันนี้ เมื่อมีการปั่นจักรยานจะมีเซ็นเซอร์วัดทุกก้าวองศาการวิ่งจากคลิปที่ติดอยู่และส่งข้อมูลไปที่สมาร์ทวอทช์ เพื่อดูท่าทางการวิ่ง ปั่นจักรยานเป็นไปอย่างถูกต้องหรือไม่


นอกจากนี้ ยังมีไฮไลต์เด่นๆ อย่างหน้าผาสูง 10 เมตร ที่ปีนได้จริง สนามบาสเกตบอล สนามแบดมินตัน ที่วัดอัตราความเร็วของการตีลูก การปีนหน้าผาสูงต้องใช้การแกว่งแขน การวัดจึงต้องวัดที่แขนหากเอาฟังก์ชันอื่นมาวัดอาจได้ค่าไม่ถูกต้อง




Health Lab ของหัวเว่ยที่ตงกวน ตั้งบนเนื้อที่กว่า 4,680 ตารางเมตร ผ่านการลงทุนในเบื้องต้นกว่า 200 ล้านหยวน หรือประมาณ 1 พันล้านบาท หัวเว่ยพร้อมทุ่มทุนอย่างต่อเนื่องในการพัฒนาให้ Health Lab แห่งนี้ยังคงเป็นห้องปฏิบัติการด้านสุขภาพที่ใหญ่ที่สุดของหัวเว่ยทั่วโลกอีกต่อไปในอนาคต ภายใต้แนวคิดที่ว่าเราจะพัฒนาให้ผลิตภัณฑ์มีความแม่นยำมากขึ้น จากเมื่อก่อนสมาร์ทวอทช์ของหัวเว่ยสามารถดำน้ำได้ 5 เมตร ก็ขยับเป็น 10 เมตรจนปัจจุบันดำน้ำได้ลึกถึง 100 เมตร การแทรกกิ้งการนอนหลับที่เป็นอัจฉริยะมากขึ้นโดยในอนาคตแล็บนี้จะมีโหมดการออกกำลังกายที่หลากหลายมากยิ่งขึ้นจาก 100 โหมดในปัจจุบัน

“หัวเว่ย มี R&D และมีการพัฒนาเป็นของตัวเอง แน่นอนว่าความทันสมัยด้านเทคโนโลยีมีไม่น้อยกว่าแบรนด์อื่นทั้งเป็นเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ผู้ใช้ได้จริง การันตีได้จากจำนวนพนักงานของหัวเว่ยที่มีอยู่ทั้งหมดกว่า 55% ล้วนเป็นทีมงานด้าน R&D”
กำลังโหลดความคิดเห็น