xs
xsm
sm
md
lg

เศรษฐีคริปโตเทคะแนนเลือกสิงคโปร์ จุดหมายปลายทางปกป้องสินทรัพย์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



สิงคโปร์ผงาดเป็นตัวเลือกอันดับ 1 สำหรับเหล่าเศรษฐีคริปโตที่ต้องการที่ที่ปลอดภัยและเป็นมิตรด้านภาษีเพื่อปกป้องสินทรัพย์ดิจิตอลของตน รายงานจากเฮนลี่ แอนด์ พาร์ตเนอร์สยังพบว่า เศรษฐีพันล้านคริปโต 6 คนจาก 22 คนทั่วโลก สะสมความรวยจากการเทรดบิตคอยน์


ทั้งสิงคโปร์และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ที่ได้คะแนนเต็มสิบในส่วนความเป็นมิตรด้านภาษี ต่างได้รับการยอมรับจากจุดยืนเชิงรุกในการกำหนดอัตราภาษีสำหรับกิจกรรมเกี่ยวกับคริปโต

จากรายงานความมั่งคั่งของคริปโตที่จัดทำโดยเฮนลี่ย์ แอนด์ พาร์ตเนอร์ส ทั่วโลกมีเศรษฐีเงินล้านคริปโต 88,200 คน โดยครึ่งหนึ่งหรือประมาณ 40,500 คนครอบครองบิตคอยน์เป็นส่วนใหญ่

รายงานยังประเมินว่า ขณะนี้มีประชากรโลก 425 ล้านคนเป็นเจ้าของคริปโต

ขณะที่คริปโตได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เหล่าเทรดเดอร์ นักขุด นักลงทุน และผู้ประกอบการต่างพยายามมากขึ้นในการค้นหากลยุทธ์การลงทุนเพื่อย้ายถิ่นฐานเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตนเอง

ดร.ยอร์ก สเตฟเฟน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร (ซีอีโอ) เฮนลี่ย์ แอนด์ พาร์ตเนอร์ส ตั้งข้อสังเกตว่า ช่วง 6 เดือนที่ผ่านมามีเศรษฐีคริปโตติดต่อเข้ามามากขึ้นอย่างชัดเจนเพื่อสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับการปกป้องสินทรัพย์ของตนจากแนวโน้มการแบนการเทรดหรือการใช้คริปโตในประเทศ และการลดความเสี่ยงเกี่ยวกับนโยบายการเงินแข็งกร้าวที่พุ่งเป้าที่สินทรัพย์ดิจิตอล

ในส่วนซูเปอร์ริชทั่วโลกนั้น รายงานระบุว่า มีผู้ที่ถือครองคริปโต 100 ล้านดอลลาร์ขึ้นไป 182 คน ในจำนวนนี้เป็นนักลงทุนบิตคอยน์ 78 คน ขณะที่ในบรรดาเศรษฐีพันล้านคริปโต 22 คน มี 6 คนที่สะสมความรวยจากการเทรดบิตคอยน์

แม้รายงานไม่ได้ระบุชื่อมหาเศรษฐีคริปโตเหล่านี้ แต่เท่าที่รับรู้กันดีในแวดวงคริปโตมีชื่อของแบร์รี่ ซิลเบิร์ต ผู้ก่อตั้งและซีอีโอดิจิตอล เคอร์เรนซี กรุ๊ป, คาเมรอน และไทเลอร์ วิงเคิลวอสส์ สองพี่น้องฝาแฝดผู้ก่อตั้งเจมิไน, ฉางเผิง จ้าว ซีอีโอไบแนนซ์, ไบรอัน อาร์มสตรอง ซีอีโอคอยน์เบส, คริส ลาร์เซน ผู้ร่วมก่อตั้งริปเปิล และไมเคิล เซย์เลอร์ ประธานบริหารไมโครสเตรทเตอจี

ส่วนหนึ่งของรายงานฉบับนี้ยังรวมถึงดัชนีการยอมรับคริปโตซึ่งพบว่า ในบรรดาเศรษฐีคริปโตทั้งหมด สิงคโปร์เป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งสำหรับผู้ที่ต้องการปกป้องสินทรัพย์ดิจิตอลของตัวเองจากกฎระเบียบแง่ลบ

สิงคโปร์เข้าวินด้วยคะแนน 50.2 จาก 60 หรือ 83.76% โดยมีสวิตเซอร์แลนด์ตามมาติดๆ ด้วยคะแนน 78.17% และยูเออี 76.17%

ส่วนอีก 7 ประเทศในท็อปเทนเรียงตามลำดับ ได้แก่ ฮ่องกง อเมริกา ออสเตรเลีย สหราชอาณาจักร แคนาดา มอลตา และมาเลเซีย

ดัชนีนี้พิจารณาจากปัจจัยต่างๆ อาทิ การยอมรับคริปโตของประชาชน สภาพแวดล้อมด้านกฎระเบียบ มาตรการภาษีสำหรับคริปโต โครงสร้างพื้นฐานด้านคริปโต นวัตกรรม และปัจจัยทางเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องกับการใช้คริปโต

เฮนลีย์ แอนด์ พาร์ตเนอร์ระบุว่า ดัชนีการยอมรับคริปโตออกแบบมาเพื่อแสดงตัวเลือกโปรแกรมการลงทุนเพื่อย้ายถิ่นฐานสำหรับนักลงทุนคริปโต

ทั้งสิงคโปร์และยูเออีได้คะแนนเต็มในส่วนความเป็นมิตรด้านภาษีสำหรับนักลงทุนคริปโต ขณะที่อเมริกาและอังกฤษหลุดจากท็อป 10 อย่างไรก็ตาม ทั้งสองประเทศนี้ได้อันดับ 3 และ 4 ในส่วนการยอมรับคริปโตของประชาชน โดยอันดับ 1 และ 2 เป็นของยูเออีและสิงคโปร์ตามลำดับ

อเมริกาได้คะแนนนำในส่วนการยอมรับโครงสร้างพื้นฐาน ส่วนสหราชอาณาจักรกวาดคะแนนสูงสุดในส่วนนวัตกรรมและเทคโนโลยี

ทั้งนี้ การลงทุนในคริปโตได้รับความนิยมมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่โควิด-19 ระบาดที่นักลงทุนรายย่อยพากันเทรดคริปโตผ่านแอป

อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์และที่ปรึกษาการลงทุนตั้งข้อสังเกตว่า คริปโตเป็นสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูง นอกจากนั้นหลายประเทศยังไม่มีกฎควบคุมการลงทุนและการเทรดคริปโต รวมถึงบริษัทคริปโต จึงเท่ากับว่า ผู้ใช้ได้รับการปกป้องน้อยมากและอาจเสี่ยงต่อวิกฤต เช่น การล้มของเอฟทีเอ็กซ์เมื่อปีที่แล้ว

ทั่วโลกวันนี้มีผู้ถือครองสินทรัพย์ดิจิตอลประมาณ  425 ล้านคน และในบรรดาเศรษฐีพันล้านคริปโต 22 คน มี  6 คนที่สะสมความรวยจากการเทรดบิตคอยน์
กำลังโหลดความคิดเห็น