ราคาเหรียญ XRP หรือ Ripple ปรับตัวขึ้นแรงกว่ 98% หลังจากที่ศาลสหรัฐฯมีคำพิพากษาให้ Ripple Labs ชนะคดีที่ยื่นฟ้องโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต. สหรัฐ) และมีผลย้อนหลังไปถึงปี 2020 โดยทำให้การเสนอขายโทเคน XRP ในตลาดรองไม่ถือเป็นการซื้อขายหลักทรัพย์
หลังจากคำตัดสินของศาลเสร็จสิ้นว่าการขาย XRP ในตลาดรองไม่ถือเป็นการระดมทุน ทำให้ Coinbase, Binance US และ Gemini กลับมาเปิดให้ซื้อขาย XRP ใน Exchange อีกครั้ง
คดีดังกล่าวไม่เพียงแต่สร้างผลกระทบต่อเหรียญ XRP ตลอดสามปีที่ผ่านมาแต่ยังส่งผลกระทบต่อเหรียญ Altcoin หรือเหรียญอื่นที่ไม่ใช่ Bitcoin ด้วย เนื่องจาก ก.ล.ต. สหรัฐ มีมุมมองต่อเหรียญ Altcoin หลายๆเหรียญไม่ว่าจะเป็น SOL, ADA และ MATIC ว่าเข้าข่ายการเป็นหลักทรัพย์และทำให้ Exchange ในสหรัฐฯต้องถอนเหรียญดังกล่าวออกจากกระดานเทรด แต่หลังจากที่มีการพิพากษาออกมา ราคาเหรียญดังกล่าวต่างปรับตัวขึ้นแรงตามไปด้วย
จะเรียกว่าคำพิพากษาที่ตีความให้เหรียญ Altcoin ต่างๆไม่ถือว่าเป็นหลักทรัพย์น่าจะเป็นแรงส่งสำคัญที่ทำให้เกิดแรงซื้อเข้ามาในเหรียญทางเลือก จากก่อนหน้านี้ราคา Bitcoin ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลอันดับหนึ่งสามารถสร้างผลตอบแทนเหนือเหรียญ Altcoin มาระยะเวลาหนึ่ง และบางเหรียญมีราคาที่ตกต่ำจนสร้างจุดต่ำสุดใหม่ จากการที่ ก.ล.ต. สหรัฐ มองว่า Altcoin เป็นหลักทรัพย์และจะต้องลิสต์ซื้อขายในแพลตฟอร์มที่ได้รับใบอนุญาตเท่านั้นซึ่งไม่ใช่ Exchange ทำให้เม็ดเงินไหลไปลงทุนใน Bitcoin เป็นส่วนใหญ่
การที่กฎระเบียบเริ่มมีความชัดเจนเป็นไปได้ว่าเม็ดเงินจะมีการไหลออกจาก Bitcoin ไปยังเหรียญ Altcoin เพื่อเก็งกำไรในเหรียญที่ราคายังไม่ได้ปรับตัวขึ้นสูงมากนัก โดยเริ่มจะเห็นการกลับมาเก็งกำไรในเหรียญที่อยู่ในกลุ่มของ DeFi ไม่ว่าจะเป็น COMP,SNX,1INCH ฯลฯ ปรับตัวขึ้นมาแล้ว
สำหรับเหรียญ Altcoin ที่มีโอกาสจะถูกเก็งกำไรขึ้นมาในช่วงหลังจากนี้ อาจจะมีเหรียญในกลุ่ม Blockchain Layer2 อย่างเช่น ARB OP และ MATIC มีแรงซื้อกลับเข้ามาหลังจากเหรียญเหล่านี้ได้รับผลบวกจากการอัปเกรดครั้งล่าสุดของ Ethereum ทำให้ค่าธรรมเนียมการใช้งานและความเร็วในการทำธุรกรรมของเหรียญในกลุ่มนี้ดีขึ้นประกอบกับการใช้งาน Blockchain Layer2 เติบโตต่อเนื่อง
รวมถึงเหรียญในสาย Liquid Staking ซึ้งได้รับประโยชน์จากการที่ Ethereum เปิดให้สามารถ Staking ได้เหรียญเหล่านี้จะมีความต้องการมากขึ้นสำหรับนักลงทุนคริปโตที่ไม่ต้องการ Staking กับ Ethereum โดยตรง แต่ไปฝากไว้กับแพลตฟอร์มทางเลือกที่กำหนดวงเงินขั้นต่ำที่น้อยกว่า โดยเหรียญในกลุ่มนี้ประกอบไปด้วย LDO และ RPL
ส่วนเหรียญที่ยังคงมีแนวโน้มเติบโตในระยะยาวยังคงเป็นกลุ่ม Blockchain Layer1 อย่าง BNB ADA SOL ฯลฯ ที่จำเป็นต่อการใช้งานสร้าง dApp ต่างๆเช่น DeFi ,NFT และ Metaverse ซึ่งนักลงทุนสามารถเลือกเหรียญที่มีศักยภาพในการเติบโตเพื่อลงทุนได้
อย่างไรก็ตามบทความนี้ไม่ใช่คำแนะนำในการลงทุน ผู้ที่สนใจต้องศึกษาทั้งความเสี่ยงและโอกาสควบคู่ไปด้วยกันและยังมองว่าภาพใหญ่ของปีนี้ตลาดคริปโตยังไม่ได้เป็นขาขึ้นเต็มตัวแต่น่าจะยังเป็นภาพ Sidewayup ต่อ จึงยังต้องใช้ความมีวินัยสูงในการลงทุนต่อไป
บทความโดย : ณพวีร์ พุกกะมาน นักลงทุนและผู้ก่อตั้ง Creative Investment Space (CIS)
สงวนลิขสิทธ์บทความเฉพาะสื่อในเครือหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ MGR online , iBit และ ที่ได้รับอนุญาติจากผู้เขียนซึ่งเป็นเจ้าของบทความเท่านั้น