xs
xsm
sm
md
lg

ผลอำไพ สวนทุเรียนเกษตรอินทรีย์ จ.ตราด เปิดบุพเฟ่ต์ลูกค้าแน่น รายได้กว่า 5 หมื่นบาทต่อวัน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



ผลไม้หน้าร้อนปีนี้ ได้รับการตอบรับดีขึ้นทุกปี โดยเฉพาะถ้าเป็นสวนผลไม้ที่ปลูกแบบเกษตรอินทรีย์ด้วยละก็ แพงแค่ไหนลูกค้ายอมจ่าย วันนี้ พามารู้จักกับ สวนเกษตรอินทรีย์ จังหวัดตราด ชื่อ สวนผลอำไพ ปีนี้ 2566 เปิดบุพเฟ่ต์ผลไม้ในสวน คิดค่าบริการ หัวละ 499 บาท ลูกค้าเข้ามาใช้บริการแน่นทุกวันไม่ต่ำกว่า 120 คนต่อวัน และลูกค้าไม่ได้แค่ชิมผลไม้ปลอดภัยปราศจากสารอันตรายเท่านั้น แต่ทางสวนยังเปิดเป็นศูนย์เรียนรู้ให้ทุกคนที่ต้องการทำเกษตรอินทรีย์ได้ความรู้กลับบ้านไปด้วย





พ่อเสาหลักป่วยจากทำเกษตรเคมี
ต้องเปลี่ยนทำเกษตรแบบอินทรีย์


นายชัยวัฒน์ ปริ่มผล เจ้าของสวนผลไม้เกษตรอินทรีย์ ”สวนผลอำไพ” เล่าว่า สวนผลอำไพ เป็นสวนเกษตรอินทรีย์ แบบผสมผสาน ที่ได้รับมาตรฐาน Organic Thailand ตั้งอยู่ใน อำเภอเขาสมิง จังหวัดตราด ก่อนหน้ามาทำสวนที่ตราด ตัวผมและครอบครัวทำสวนผลไม้อยู่ที่จันทบุรี แต่เนื่องจากพื้นที่ไม่เอื้ออำนวย ขาดแคลนแหล่งน้ำในการเพาะปลูกจึงตัดสินใจย้ายมาซื้อที่ในอ.เขาสมิง จ.ตราด และทำสวนทุเรียน แต่ตอนนั้นราคาทุเรียนตกต่ำ จึงหันมาทำสวนแบบผสมผสาน และใช้สารเคมีในการปลูก ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของคนในครอบครัว


โดยในปี2550 คุณพ่อได้เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองจึงตัดสินใจเลิกการใช้สารเคมี ปรับเปลี่ยนสวนเป็นแบบเกษตรอินทรีย์ เราเลิกทำเกษตรจากเคมีทั้งหมดเปลี่ยนมาทำเกษตรอินทรีย์ ทำสวนผลไม้ออแกนิกส์ แบบผสมผสาน ในปี 2554 และได้ทำเรื่องเตรียมพื้นที่ เพื่อขอมาตรฐาน Organic Thailand ซึ่งใช้เวลาอยู่หลายปี เพราะการได้ Organic Thailand ไม่ใช่ง่าย ต้องมีขั้นตอนและต้องใช้เวลา สุดท้าย ความตั้งใจทำให้สามารถทำจนสามารถได้มาตรฐาน และการได้มาตรฐานช่วยต่อยอดเรื่องการตลาด ทำให้ทำตลาดได้ง่ายขึ้นเพราะเกษตรอินทรีย์แม้จะราคาสูง แต่เป็นที่ต้องการของตลาดเราจะเข้าไปขายตรงไหนก็ได้ และสามารถขายในราคาที่สูงกว่าผลไม้ทั่วไป


เกษตรอินทรีย์วางขายได้ทุกช่องทางในราคาต้องการ

ส่วนที่มาของชื่อสวนผลอำไพ มาจากชื่อของ คุณแม่อำไพ มาตั้งเป็นชื่อสวนด้วย ถึงปัจจุบันสวนผลอำไพเป็นสวนผลไม้เกษตรอินทรีย์ ปลูกผลไม้ผสมผสาน หลายๆชนิด ไม่ว่าจะเป็น ทุเรียน มังคุด ลองกอง เงาะ ฯลฯ และในส่วนของเราไม่ได้มีแค่ผลไม้แต่ยังมีพืชผักอินทรีย์ปลอดสารเคมีอีกหลายชนิด ฯลฯ โดยที่ผ่านมา ผลผลิตของเราจะถูกนำไปวางขายในทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นการส่งขายให้กับโมเดิร์นเทรด อย่าง ศูนย์การค้าเดอะมอลล์ ที่รับสินค้าไปขายอย่างต่อเนื่อง และ ยังเปิดบุพเฟ่ต์ขายหน้าสวน ซึ่งในช่วงโควิดได้มีเพิ่มช่องทางมาขายออนไลน์ เช่น Facebook และ Line ผลตอบรับในช่องทางออนไลน์ ได้รับการตอบรับดีมากเช่นกัน แม้จะผ่านช่วงโควิดไปแล้ว แต่พอช่วงที่ผลผลิตออกลูกค้าทักเข้ามาซื้ออย่างต่อเนื่อง เพราะเชื่อว่าได้ผลไม้ที่ดีจากสวนของเรา


สวนอินทรีย์เปิดบุพเฟ่ต์เมื่อไหร่ ลูกค้าแน่น

โดยในช่วงเทศกาลผลไม้ ในช่วงเดือนเมษายนถึงมิถุนายน ทางสวนจะเปิดให้บริการบุพเฟ่ต์ทุเรียนและผลไม้อื่นซึ่งคิดในราคาหัวละ 499 บาท เป็นราคาที่ไม่ได้มีการปรับขึ้นแต่อย่างใด สำหรับในปีนี้ ลูกค้าก็ยังคงให้การตอบรับดีเหมือนทุกปี ปีนี้ มากเป็นพิเศษ เพราะห่างหายไม่ได้มากันในช่วงโควิด ทำให้ปีนี้ ในแต่ละวันมีนักท่องเที่ยวมาใช้บริการประมาณ 120 คน นอกจากเปิดให้ชิมผลไม้ แบบบุพเฟต์กันอย่างเต็มทีแล้ว เราก็ยังเปิดให้บริการท่องเที่ยวเชิงเกษตรด้วย โดยนักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมสวน และได้ความรู้เกี่ยวกับการสวนเกษตรอินทรีย์ ไปพร้อมๆ กันด้วย


เปิดศูนย์เรียนรู้ส่งเสริมเกษตรกรหันทำอินทรีย์

นายชัยวัฒน์ เจ้าของสวนผลอำไพ บอกว่า สวนผลอำไพของเรา ยังได้เปิดให้เป็นศูนย์การเรียนรู้เกษตรอินทรีย์แก่ผู้ที่สนใจ เข้ามาศึกษาดูงานมาร่วมทำกิจกรรมตามฐานต่างๆ อาทิ การทำปุ๋ยหมัก การทำเชื้อไตรโครเดอร์มา การเลี้ยงใส้เดือน การเลี้ยงชันโรง เป็นต้น ที่ผ่านมา เกษตรกรที่สนใจมาเรียนรู้การทำเกษตรอินทรีย์กันค่อนข้างมาก เพราะวันนี้ เกษตรกรเริ่มเห็นว่า การทำเกษตรอินทรีย์ ให้ผลตอบแทนที่ดีจริงๆ จากตลาดที่มีความต้องการสูงในราคาที่ดี และปัจจุบันไม่ได้ยากเหมือนในอดีตมีตัวช่วยหลายอย่าง และ สวนของเราเป็นแบบอย่างความสำเร็จ ที่ทุกคนนำไปเป็นตัวอย่างได้

สำหรับสวนผลอำไพ เป็นสวนผลไม้เกษตรอินทรีย์เพียงหนึ่งเดียวในจังหวัตตราด โดยผลผลิตที่ได้จากสวนแห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็น ผลไม้ หรือ พืชผัก จะมีใบรับรองออแกนิกส์เพื่อยืนยันว่า พืชผัก ผลไม้จากสวนแห่งนี้ บริโภคได้อย่างปลอดภัยเพราะปราศจากสารเคมี และการได้ใบรองรับออแกนิกส์ช่วยให้ผลผลิตจากสวนอำไพขายได้ในราคาที่สูงกว่าพืชผัก ผลไม้จากสวนที่ยังคงใช้สารเคมี และไม่มีใบรับรองมาตรฐานออแกนิกส์


ปัจจุบันสวนผลอำไพมีเนื้อที่ในการปลูกผลไม้และพืชผักประมาณ 24 ไร่ แบ่งพื้นที่เป็นการปลูกผลไม้แบบชนิดต่างๆ ที่ปลูกกันมากในภาคตะวันออก ได้แก่ เงาะจำนวน 40 ต้น ทุเรียนจำนวน 120 ต้น ส่วนมังคุดจำนวน 235 ต้น และลองกองจำนวน 200 ต้น และ ยังปลูกไม้พาณิชย์อื่นๆ ด้วย เช่น ต้นยางนา ไม้ตะเคียน ฯลฯ พืชผักทั่วๆไป โดยในแต่ละปีสวนผลอำไพของเรา เก็บผลผลิตขายมีรายได้มากกว่า 2 ล้านบาท ไม่รวมที่เปิดให้ชิมในส่วนของบุพเฟ่ต์

ติดต่อ Facebook : สวนผลอำไพ
โทร. 08-1656-3841

คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด
กำลังโหลดความคิดเห็น