xs
xsm
sm
md
lg

SUSCO แตกไลน์ธุรกิจใหม่ “อีวี” เต็มสูบ เปิดโชว์รูมขายรถ BYD-มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าให้เช่า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



“ซัสโก้” ตั้งบริษัทลูก “ซัสโก้ บียอนด์” รุกธุรกิจอีวี ทั้งเปิดโชว์รูมขายรถ BYD และรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าให้เช่าที่เกาะสมุย อัดฉีดงบลงทุนปีนี้ 400-500 ล้านบาทเพื่อขยายปั๊มน้ำมันเพิ่ม 10 แห่ง ปรับปรุงปั๊มน้ำมันอีก 30 แห่ง และเปิดโชว์รูมรถ BYD 4-5 แห่ง แย้มคาดหวังยอดขายน้ำมันเครื่องบินพุ่งหลังขายหุ้นบริษัทย่อยให้ไซโนเปคถือหุ้น 49%

นายชัยฤทธิ์ สิมะโรจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซัสโก้ จำกัด (มหาชน) (SUSCO) เปิดเผยว่า การตัดสินใจรุกธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า(อีวี) ภายใต้บริษัทลูก คือ บริษัท ซัสโก้ บียอนด์ จำกัด สืบเนื่องจากกระแสรักษ์โลกทำให้ความต้องการใช้รถอีวีเติบโตมากขึ้น ดังนั้น ซัสโก้ บียอนด์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ SUSCO จึงได้ร่วมกับบริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ จำกัด เปิดโชว์รูมจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า BYD แห่งแรกที่สถานีบริการน้ำมันซัสโก้ สาขาประตูน้ำพระอินทร์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยาเมื่อต้นเดือนมิ.ย. 2566 โดยบริษัทมีเป้าหมายที่จะเปิดโชว์รูมรถอีวี BYD ในปีนี้รวม 4-5 แห่งทั้งในและสถานีบริการน้ำมันซัสโก้ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา อ่างทอง และสิงห์บุรี

นายชัยฤทธิ์กล่าวยืนยันว่าบริษัทไม่มีแผนขายกิจการทิ้ง ขณะเดียวกันยังจะเดินหน้าขยายการเติบโตต่อเนื่องทั้งการเปิดปั๊มน้ำมันใหม่ การรุกตลาดธุรกิจรถอีวี ไม่ว่าจะเป็นการเปิดโชว์รูมขายรถ BYD และการเช่ามอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า รวมทั้งมองหาการร่วมทุนธุรกิจอาหาร เพื่อเพิ่มกำไรให้ธุรกิจ non oil ในอนาคตด้วย


ตามแผนของเรเว่ ออโตโมทีฟ ต้องการเปิดโชว์รูมรถอีวี BYD ในไทยปีนี้ราว 100 แห่ง ล่าสุดเปิดไปแล้วประมาณ 30 แห่ง โดยซัสโก้ บียอนด์มีแผนเปิดโชว์รูมจำหน่ายรถ BYD เข้ามาในพื้นที่กรุงเทพฯ ให้มากขึ้น คาดว่าจะเริ่มเห็นได้ในช่วงปลายปีนี้ เพื่อให้ทันการเปิดตัวรถ BYD รุ่นใหม่

นอกจากนี้ ซัสโก้ บียอนด์ ได้ร่วมมือกับ บริษัท เอเอ็มอาร์ เอเชีย จำกัด (มหาชน) หรือ AMR ลงนามในสัญญาร่วมทุนในนามบริษัท เอเอส มาชาร์จ จำกัด ดำเนินธุรกิจให้บริการเช่ารถจักรยานยนต์ไฟฟ้า พร้อมสถานีสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ และศูนย์ซ่อมบำรุงรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า โดยจะให้บริการในพื้นที่เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี เนื่องจากเป็นเกาะที่มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเป็นจำนวนมาก ทำให้มีรถจักรยานยนต์ให้เช่าที่เกาะสมุยสูงถึง 1 หมื่นคัน

ระยะแรกบริษัทจะนำเข้ารถจักรยานยนต์ไฟฟ้าราว 40 คันเพื่อมารุกตลาดรถจักรยานยนต์ให้เช่า โดยมีจุดสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ 10 จุด โดยมีสถานีบริการน้ำมันซัสโก้ 4 แห่งเป็นจุดให้บริการลูกค้าในการสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ ซึ่งลูกค้าที่เช่ารถจักรยานยนต์ไฟฟ้าจะมีการทำประกันภัยให้เรียบร้อยแล้วต่างจากคู่แข่ง หากผลตอบรับดีบริษัทก็มีแผนขยายไปยังสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ต่อไป อาทิ ภูเก็ต 


นายชัยฤทธิ์กล่าวถึงกรณีที่ SUSCO ขายหุ้นสามัญและหุ้นบุริมสิทธิของบริษัทย่อยคือบริษัท ซัสโก้ ดีลเลอร์ส จำกัด (SDA) ให้แก่ Sinopec (Hong Kong) Limited (Sinopec) ในสัดส่วน 48% และ 1% ของหุ้นที่ออกและชำระแล้ว รวมเป็น 49% ตามลำดับในราคา 34 ล้านเหรียญสหรัฐนั้น ขณะนี้บริษัทได้รับการชำระเงินค่าหุ้นจำนวน 34 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1,175.18 ล้านบาทเป็นที่เรียบร้อยเมื่อปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยไซโนเปคจะได้สถานีบริการน้ำมันซัสโก้จำนวน 25 แห่งอยู่ในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ซึ่งจะมีการทยอยเปลี่ยนเป็นแบรนด์ไซโนเปคภายใน 1-2 ปีนี้ อย่างไรก็ตาม ทางไซโนเปคว่าจ้างบริษัทเข้ามาบริหารจัดการสถานีบริการน้ำมันดังกล่าวเป็นเวลา 1-2 ปี ทำให้บริษัทรับรู้รายได้ส่วนนี้มาชดเชยการสูญเสียรายได้จากการจำหน่ายหุ้น SDA ออกไป 49% ภายใต้ความร่วมมือครั้งนี้บริษัทฯ ตั้งเป้าจะขยายการจำหน่ายน้ำมันเครื่องบิน (JET) เพิ่มขึ้นเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวจีน

ทั้งนี้ ไซโนเปคมีแผนจะขยายสถานีบริการน้ำมันในไทยประมาณ 100 แห่งภายใน 5 ปีนี้ โดยสถานีบริการน้ำมันแบรนด์ไซโนเปคจะเปิดสาขาแรกแถวรัชดาฯ ใกล้สถานทูตจีน


นายชัยฤทธิ์กล่าวว่า บริษัทตั้งงบลงทุนใน 5 ปีข้างหน้าราว 2,000 ล้านบาท โดยปี 2566 วางงบลงทุนอยู่ที่ประมาณ 400-500 ล้านบาท โดยบริษัทตั้งเป้ายอดขายน้ำมันปีนี้อยู่ที่ 1,000 กว่าล้านลิตร พบว่าในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมามียอดขายน้ำมันสูงสุด ทำให้มั่นใจว่าปีนี้มียอดขายเติบโตขึ้นกว่าปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 33,000 ล้านบาท และมีกำไรอยู่ที่กว่า 400 ล้านบาท โดยช่วงไตรมาส 1/2566 บริษัทมีรายได้รวม 9,083 ล้านบาทและมีกำไร 116 ล้านบาท

ปัจจุบันบริษัทมีสถานีบริการน้ำมันรวม 260 แห่งทั่วประเทศ ในจำนวนนี้เป็นการเข้าไปบริหารจัดการสถานีบริการน้ำมันภายใต้แบรนด์ เอสโซ่จำนวน 101 แห่ง ส่วนใหญ่อยู่ในภาคเหนือและอีสาน โดยบริษัทมีสัญญาบริหาร 10 ปี ปัจจุบันเหลืออายุสัญญาเฉลี่ย 7-9 ปี หากเอสโซ่ขายกิจการไปให้กับบางจากฯ บริษัทก็ยังบริหารจัดการสถานีบริการน้ำมันภายใต้แบรนด์บางจากจนกว่าจะสิ้นสุดสัญญา หลังจากนั้นจึงตัดสินใจว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป


นายชัยฤทธิ์กล่าวยืนยันว่าบริษัทไม่มีแผนขายกิจการทิ้ง ขณะเดียวกันยังจะเดินหน้าขยายการเติบโตต่อเนื่องทั้งการเปิดปั๊มน้ำมันใหม่ การรุกตลาดธุรกิจรถอีวี ไม่ว่าจะเป็นการเปิดโชว์รูมขายรถ BYD และการเช่ามอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า รวมทั้งมองหาการร่วมทุนธุรกิจอาหาร เพื่อเพิ่มกำไรให้ธุรกิจ non oil ในอนาคตด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น