xs
xsm
sm
md
lg

BTS ลงทุนอะไรก็เจ็บ / สุนันท์ ศรีจันทรา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



นักลงทุนที่ซื้อหุ้นเพิ่มทุน บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK ซึ่งจัดสรรให้เฉพาะเจาะจงให้บุคคลในวงจำกัด จำนวน 12 ราย มีบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS ของ นายคีรี กาญจนพาสน์ ติดอยู่ด้วย และเป็นอีกหนึ่งการลงทุนของ BTS ที่ขาดทุนย่อยยับ

STARK ออกหุ้นเพิ่มทุนขายบุคคลในวงจำกัด 12 ราย จำนวน 1,500 ล้านหุ้น ขายราคาหุ้นละ 3.72 บาท จากพาร์ 1 บาท มีการชำระเงินค่าหุ้นเสร็จสิ้นเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2565

นักลงทุน 12 รายที่ซื้อหุ้นเพิ่มทุน STARK ประกอบด้วย

1.Credit Suisse (Singapore) จำนวนหุ้นที่ได้รับจัดสรร 74,399,900 หุ้น มูลค่ารวม 276,767,628 บาท

2.The Hongkong and Shanghai Banking Corporation Limited ได้รับจัดสรร 353,000,000 หุ้น มูลค่ารวม 1,313,160,000 บาท

3.UOB Kay Hian Private Limited ได้รับจัดสรร 58,500,000 หุ้น มูลค่ารวม 217,620,000 บาท

4.บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมบัวหลวง จำกัด ได้รับการจัดสร 320,000,000 หุ้น มูลค่ารวม 1,190,400,000 บาท

5.บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด ได้รับจัดสรร 268,817,200 หุ้น มูลค่ารวม 999,999,984 บาท

6.บริษัท เอสซีบี แอสเซ็ท แมเนจเม้นท์ จำกัดได้รับจัดสรร 182,000,000 หุ้น มูลค่ารวม 677,040,000 บาท

7.บริษัท หลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) ได้รับจัดสรร 53,763,000 หุ้น มูลค่ารวม 199,998,360 บาท

8.บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ได้รับจัดสรร 51,000,000 หุ้น มูลค่ารวม 189,720,000 บาท

9.บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุน วรรณ จำกัด ได้รับจัดสรร 47,029,800 หุ้น มูลค่ารวม 174,950,856 บาท

10.บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ได้รับจัดสรร 30,000,000 หุ้น มูลค่ารวม 111,600,000 บาท

11.บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) ได้รับจัดสรร 29,000,000 หุ้น มูลค่ารวม 107,880,000 บาท และ

12.บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุน อเบอร์ดีน (ประเทศไทย) จำกัด ได้รับจัดสรร 32,490,100 หุ้น มูลค่ารวม 120,863,172 บาท

การเพิ่มทุนครั้งนี้ STARK สูบเงินเข้าไปรวม 5,580 ล้านบาท โดยอ้างว่าจะระดมทุนไปซื้อหุ้นบริษัท LEONI ผู้ผลิตสายไฟฟ้าและสายเคเบิลของเยอรมนี วงเงินรวมประมาณ 2 หมื่นล้านบาท

แต่การซื้อ LEONI เชื่อว่าเป็นการแต่งนิยาย "แหกตา" เพราะหลังจากสูบเงินจากนักลงทุนสถาบันทั้งในต่างประเทศรวม 12 รายแล้ว วันที่ 13 ธันวาคม 2565 STARK แจ้งตลาดหลักทรัพย์ว่า ข้อมูลธุรกรรมซื้อขาย LEONI มีการเปลี่ยนแปลง และมีเหตุการณ์ต่างๆ ในเชิงลบ จึงยกเลิกข้อตกลงซื้อขายหุ้น LEONI

ประเด็นสำคัญคือ การเพิ่มทุนครั้งนั้น ประกาศวัตถุประสงค์ชัดแจ้ง จะนำเงินซื้อหุ้น LEONI เมื่อล้มข้อตกลงควรจะคืนเงินนักลงทุนสถาบัน 12 ราย แต่ STARK ไม่ยอมคืน อ้างว่าจะนำเงินไปลงทุนโครงการอื่น ซึ่งเงินจำนวน 5,580 ล้าน ที่นักลงทุนสถาบันร่วมลงขันน่าจะถูกผ่องถ่าย และถูกผู้บริหาร STARK หอบหนีไปแล้ว

นักลงทุนสถาบัน 12 รายที่ใส่เงินลงไปใน STARK ล้วนเป็นนักลงทุนระดับ “เทพ” แต่เหนือฟ้ายังมีฟ้า เพราะทุกรายถูกต้มจนเปื่อยยุ่ย

นายคีรี ผู้ถือหุ้นใหญ่ BTS มีประสบการณ์ลงทุนโชกโชน อดีตเคยเป็นเซียนหุ้น แต่ต้องพลาดท่าเสียทีให้ผู้บริหาร STARK โดยซื้อหุ้นเพิ่มทุนไป 51 ล้านหุ้น วงเงินรวม 189.72 บาท

จากราคาหุ้นเพิ่มทุนที่ซื้อในราคา 3.72 บาท ล่าสุดเมื่อวันที่ 15 มิถุนายนที่ผ่านมา หุ้น STARK ปิดที่ 9 สตางค์ โดย BTS ขาดทุนแทบหมดตัว 185.13 ล้านบาท เพราะมูลค่าเงินลงทุนเหลือเพียง 4.59 ล้านบาทเท่านั้น

BTS ลงทุนถือหุ้นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นนับสิบบริษัท รวมทั้งบริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส จำกัด (มหาชน) หรือ KEK ซึ่งตอนเข้าตลาดนำหุ้นเสนอขายราคา 28 บาท แต่ราคาหัวทิ่มมาตลอด จนล่าสุดปิดที่ 11.60 บาท นักลงทุนจำนวนกว่า 2.4 หมื่นรายขาดทุนหนัก

การขาดทุนจากหุ้น STARK ไม่ใช่เพียงรายการเดียว แต่ยังมีรายการที่ขาดทุนสาหัสยิ่งกว่า กรณีที่บริษัทลูกของ BTS เข้าไปซื้อหุ้นกลุ่มบริษัท เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JMART

เพราะเมื่อปลายเดือนสิงหาคม 2564 บริษัท วีจีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ VGI ได้ซื้อหุ้น JMART จำนวน 206.41 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 30.33 บาท รวมเป็นเงิน 6,256.75 ล้านบาท

ล่าสุด วันที่ 15 มิถุนายนหุ้น JMART ปิดที่ 19.30 บาท VGI บริษัทลูกของ BTS จึงขาดทุนไปแล้ว 2,070.29 ล้านบาท

ส่วนบริษัท ยู ซิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ U บริษัทลูก BTS อีกราย ซื้อหุ้นเพิ่มทุน JMART จำนวน 136.11 ล้านหุ้น ราคา 30.33 บาท วงเงินรวม 4,129.45 ล้านบาท ขาดทุนไป 1,501.13 ล้านบาท

และ U ยังซื้อหุ้นบริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SINGER บริษัทลูกของ JMART จำนวน 197.10 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 36.30 บาท รวมเป็นเงิน 7,155.14 ล้านบาท

โดยล่าสุดหุ้น SINGER ปิดที่ 10.90 บาท ทำให้ U ขาดทุนอีก 5,006.34 ล้านบาท

การร่วมเป็นพันธมิตรกลับกลุ่ม JMART นายคีรีมีต้นทุนที่สูงมาก เพราะกลุ่ม BTS ต้องขาดทุนรวม 8,578.76 ล้านบาท

ดวง BTS ช่วงนี้ค่อยไม่ดี ราคาหุ้นก็ร่วง แถมลงทุนอะไรก็เจ๊ง โดยเจ็บจากหุ้น STARK ไม่พอ ยังเจ๊งหนักกับกลุ่ม JMART ซ้ำเติมอีก






กำลังโหลดความคิดเห็น