xs
xsm
sm
md
lg

บอสส์คอยน์เบสฉะนโยบายSECต่อคริปโต จีนส้มหล่น-อเมริกาสูญตำแหน่งผู้นำการเงิน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



ไบรอัน อาร์มสตรอง ซีอีโอคอยน์เบส จวกความล้มเหลวของเอสอีซีในการนำเสนอกฎระเบียบที่ชัดเจนสำหรับอุตสาหกรรมคริปโตกำลังผลักไสนวัตกรรม อีกทั้งทำให้อเมริกาสูญตำแหน่งผู้นำทางการเงิน โดยประเทศที่ได้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้มากที่สุดคือจีนที่กำลังพยายามใช้เงินหยวนดิจิตอลท้าทายดอลลาร์และบทบาทของอเมริกาในระบบการค้าโลกโดยตรง

ในบทความแสดงความคิดเห็นของมาร์เก็ตวอตช์ฉบับวันอังคาร (30 พ.ค.) อาร์มสตรอง ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร (ซีอีโอ) คอยน์เบส เตือนว่า แม้ความปั่นป่วนในตลาดคริปโตเมื่อเร็วๆ นี้อาจทำให้เหล่าผู้วางนโยบายของอเมริกาตีตราสกุลเงินดิจิตอลเป็นสินทรัพย์ไร้เสถียรภาพ แต่การกระทำดังกล่าวอาจทำให้อเมริกาสูญเสียตำแหน่งผู้นำทางการเงินและฮับนวัตกรรม

นายใหญ่คอยน์เบส ซึ่งเป็นกระดานเทรดคริปโตใหญ่สุดในอเมริกาในแง่ปริมาณการซื้อขาย เรียกร้องให้ผู้วางนโยบายมองคริปโตเป็น “เทคโนโลยีแห่งการเปลี่ยนแปลง” ที่อาจปฏิวัติภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ไม่ใช่มองว่าเป็นการทำธุรกรรมเท่านั้น

อาร์มสตรองยกย่องคริปโตมีศักยภาพในการปรับปรุงระบบการเงินและอุตสาหกรรมต่างๆ ตั้งแต่ห่วงโซ่อุปทานจนถึงโซเชียลมีเดียให้ทันสมัยแบบเดียวกับที่อินเทอร์เน็ตเคยทำมาก่อน ด้วยการนำเสนอแพลตฟอร์มที่เร็วขึ้น ถูกขึ้น เป็นส่วนตัวมากขึ้น และเข้าถึงง่ายขึ้น

ด้วยตำแหน่งซีอีโอคอยน์เบส อีกทั้งยังเป็นบุคคลสาธารณะ อาร์มสตรองพยายามผลักดันผู้วางนโยบายของอเมริกาให้กำหนดกฎระเบียบที่ชัดเจนสำหรับอุตสาหกรรมคริปโตมาโดยตลอด เพื่อช่วยให้สกุลเงินดิจิตอลได้แสดงศักยภาพที่แท้จริงควบคู่กับปกป้องผู้บริโภค

คอยน์เบสยังขอความชัดเจนจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (เอสอีซี) เกี่ยวกับการกำหนดคุณสมบัติสินทรัพย์ดิจิตอลในฐานะหลักทรัพย์ และคัดค้านแนวทางที่เน้นการบังคับใช้กฎระเบียบ โดยก่อนหน้านี้ แกรี่ เกนสเลอร์ ประธานเอสอีซี ระบุว่า สินทรัพย์ดิจิตอลอยู่ภายใต้กฎระเบียบควบคุมหลักทรัพย์

ในบทความนี้ อาร์มสตรองยังบอกว่า ไม่แปลกใจเลยที่ฮ่องกงวางตำแหน่งตัวเองเป็นฮับคริปโตโลก ขณะที่จีนเล็งท้าทายบทบาทผู้นำระบบการเงินโลกของอเมริกาในหลายๆ ทาง เช่น ด้วยการออกเงินหยวนดิจิตอล ซึ่งข้อมูลเมื่อเดือนตุลาคม 2022 ระบุว่า มีการทำธุรกรรมด้วยอี-หยวนแล้วกว่า 14,000 ล้านดอลลาร์

ซีอีโอคอยน์เบสสำทับว่า จุดประสงค์ในการออกเงินหยวนดิจิตอลของจีนคือ การท้าทายดอลลาร์และบทบาทของอเมริกาในระบบการค้าโลกโดยตรง

ก่อนหน้านี้ cryptonews.com รายงานว่า ผู้ให้บริการการเงินในจีนจะอนุญาตให้ลูกค้าใช้หยวนดิจิตอลซื้อผลิตภัณฑ์เพื่อความมั่งคั่งในเร็ววันนี้

ปัจจุบัน มี 11 ประเทศที่ออกซีบีดีซี หรือสกุลเงินดิจิตอลที่ออกโดยธนาคารกลาง ในจำนวนนี้รวมถึงบาฮามาสและไนจีเรีย ทั้งนี้ จากข้อมูลของแอตแลนติก เคาน์ซิลที่ติดตามโครงการซีบีดีซีใน 120 ประเทศ

นอกจากนั้นอาร์มสตรองยังกล่าวถึงผู้นำด้านการเงินโลกอีก 7 ประเทศ ได้แก่ สหราชอาณาจักร สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ บราซิล ญี่ปุ่น สหภาพยุโรป ออสเตรเลีย และสิงคโปร์ ที่ล้วนหมายมั่นปั้นมือขึ้นเป็นฮับคริปโต

ไม่ได้มีแค่อาร์มสตรองเท่านั้น ผู้คร่ำหวอดในธุรกิจคริปโตหลายคนต่างแสดงความกังวลคล้ายกัน อาทิ แบรด การ์ลิงเฮาส์ ซีอีโอริปเปิล ที่บอกว่า กฎระเบียบชวนสับสนของอเมริกาจะผลักดันให้บริษัทคริปโตพากันย้ายหนี

อาร์มสตรองเตือนว่า การไม่มีกฎระเบียบคริปโตที่ครอบคลุมจะส่งผลให้อเมริกาตกเป็นรองและต้องทุ่มทุนหลายพันล้านดอลลาร์เพื่อดึงดูดนวัตกรรมกลับมา และสำทับว่า แม้พยายามอย่างยิ่งยวดและต่อเนื่อง แต่ถึงตอนนั้นอาจสายไปแล้ว

ซีอีโอคอยน์เบสเตือนจุดยืนของเอสอีซีต่อคริปโตอาจทำให้อเมริกาเสียตำแหน่งผู้นำด้านการเงินและฮับนวัตกรรม
กำลังโหลดความคิดเห็น