xs
xsm
sm
md
lg

ส่องนวัตกรรมF&B งาน THAIFEX เปิดตลาดโลก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



การตลาด - งาน THAIFEX ปีนี้สุดพีค ทำรถติดยาวเกือบทั้งวันตั้งแต่วันเปิดงาน คนแห่เข้าร่วมงานจนแน่น หลังอั้นจากโควิดมา 2-3ปี คาดเงินสะพัดร่วม 70,000 ล้านบาท ฟากผู้ประกอบการไทย พร้อมโชว์ศักยภาพ เปิดตัวสินค้า นวัตกรรม อิงกระแสแพลนท์เบส ตอกย้ำความเป็นครัวโลกของไทย


บทพิสูจน์ศักยภาพประเทศไทยในเรื่องของ “การเป็นครัวโลก” ฉายภาพออกมาอย่างชัดเจนภายในงาน “THAIFEX-AUGA ASIA 2023” โดยเฉพาะวันแรกของการเปิดให้เข้าร่วมงาน อย่างในวันอังคารที่ 23 พ.ค. ที่ผ่านมา พบว่ามีปัญหาเส้นทางการจราจรรถติดยาวทุกสายที่มุ่งตรงเข้าเมืองทองธานีและบริเวณใกล้เคียง หรือใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 2 ชม. กว่าจะเข้าถึงสถานที่จัดงานได้ นอกจากปัญหารถติดแล้ว พื้นที่ภายในงาน ยังมีจำนวนผู้เข้าร่วมงานอย่างล้นหลาม มีการนัดเจรจาการค้าภายในงานตั้งแต่ก่อนเปิดงาน แน่นขนัดเกือบทุกบู้ท ส่วนสำคัญเกิดจากความมั่นใจของคู่ค้า ทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงความน่าสนใจของสินค้า นวัตกรรมใหม่ๆ ที่จะเปิดตัวภายในงานครั้งนี้ หลังจากอั้นมาจากช่วงโควิด-19ตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมา

โดยงาน THAIFEX ปีนี้ถือเป็นปีที่จัดเต็มแบบ 100% หลังเกิดเหตการณ์การแพร่ระบาดของโควิดอย่างแท้จริง งานนี้จึงเกิดกระแสการตอบรับเข้ามาอย่างมากมาย เทียบกับปีก่อนยังไม่คึกคักขนาดนี้ ทั้งนี้การจัดงาน “THAIFEX-AUGA ASIA 2023” ตลอด 5 วันนี้ พบว่ามีผู้เข้าร่วมแสดงสินค้ารวมกว่า 3,000 บริษัท ทั้งผู้ประกอบการไทยและต่างชาติ รวมกว่า 6,000 คูหา จาก 40 ประเทศทั่วโลก ซึ่งคาดการณ์ว่า ตลอดการจัดงานจะมีผู้เข้าชมงานกว่า 95,000 ราย จาก 140 ประเทศทั่วโลก และสร้างมูลค่าทางการค้าทั้งงานในรูปแบบออนไซต์และออนไลน์ได้กว่า 70,000 ล้านบาท


“การจัดงาน THAIFEX – ANUGA ASIA 2023 ถือเป็นการเน้นย้ำให้ทั่วโลกเห็นถึงศักยภาพของประเทศไทยในฐานะการเป็นฮับ (Hub) อาหารไทย อาหารโลก และเป็นผู้นำการผลิตและส่งออกอาหารที่มีคุณภาพมาตรฐานระดับโลก งานนี้จะเป็นเวทีสำคัญแห่งปีที่ทำให้ผู้ประกอบการไทยได้พบปะ เจรจาการค้า ตลอดจนสร้างเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจกับผู้นำเข้าจากประเทศต่างๆ ทั่วโลก เพิ่มโอกาสในการขยายตลาดส่งออกสู่ต่างประเทศ ซึ่งปีนี้กลับมาจัดแบบ On Site อย่างยิ่งใหญ่เหมือนก่อนเกิดสถานการณ์โควิด19 ขณะเดียวกัน มีการจัดงานผ่านช่องทางออนไลน์ THAIFEX Virtual Trade Show เพื่อรองรับผู้ที่ต้องการความสะดวก ไม่ต้องเดินทาง ให้สามารถเข้าเยี่ยมชมงานได้” นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวเปิดงาน

นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า จะเห็นได้ว่า อาหารเป็นอุตสาหกรรมที่มีบทบาทสําคัญต่อระบบเศรษฐกิจโลก ซึ่งปัจจัยที่มีผลต่อการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอาหาร คือ การเติบโตของจำนวนประชากรโลกที่คาดการณ์กันว่าจะมีจำนวนเพิ่มจาก 8,000 ล้านคนในปัจจุบัน เป็น 10,000 ล้านคน ภายในปี 2593 ซึ่งการเพิ่มขึ้นดังกล่าวย่อมจะส่งผลต่อความต้องการอาหารที่เพิ่มมากขึ้นด้วย ด้วยเหตุนี้ประเทศต่างๆ จึงตระหนักถึงปัญหาการขาดแคลนอาหารที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต แม้ว่าหลายประเทศจะมีนโยบายการพึ่งพิงอาหารภายในประเทศ (Food Self - Sufficiency) แต่เมื่อพิจารณาแนวโน้มจำนวนประชากร ก็คาดว่าจะไม่เพียงพอ

ขณะที่ประเทศไทยมีอุตสาหกรรมอาหารที่แข็งแกร่ง เนื่องจากมีความอุดมสมบูรณ์ เป็นแหล่งผลิตสินค้าเกษตรที่สำคัญมากมาย เช่น ข้าว ผัก ผลไม้ มันสำปะหลัง และยังมีความสามารถในการแปรรูป สามารถคิดค้นนวัตกรรมทางด้านอาหาร มีมาตรฐานด้านความปลอดภัย คำนึงถึงความยั่งยืน อีกทั้งสามารถตอบสนองความต้องการของตลาดโลกที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว และที่สำคัญ คือ มีศักยภาพในการส่งออก จนได้ชื่อว่าเป็น ครัวของโลก (Kitchen of the World) ประกอบกับการผลักดันนโยบาย อาหารไทย อาหารโลก ของกระทรวงพาณิชย์ จึงทำให้ในปี 2565 ที่ผ่านมา ประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกอาหารอันดับที่ 15 ของโลก มีมูลค่าการส่งออกถึง 1.36 ล้านล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น 22.7% จากปีก่อน


** กลุ่มธุรกิจ TCP ปักธงผู้นำ F&B เอเชีย
กลุ่มธุรกิจ TCP ผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายเครื่องดื่มภายใต้แบรนด์กระทิงแดง (เรดบูล), เรดดี้ โสมพลัส, สปอนเซอร์, ไฮ่! x DHC, แมนซั่ม, เพียวริคุ ซันสแนค, ฮอปสเตอร์ และวอริเออร์ หนึ่งในยักษ์ใหญ่ในกลุ่มธุรกิจ F&B ของไทย ปีนี้ได้ร่วมงาน THAIFEX – ANUGA ASIA 2023 พร้อมชูแนวคิด Energizing a Better World for All การเปิดสินค้าใหม่ ต่อยอด House of Great Brands และบริการใหม่ TCP Online Shop

นายสราวุฒิ อยู่วิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ TCP กล่าวว่า กลุ่มธุรกิจ TCP มีความพร้อม ทั้งการผลิตด้วยมาตรฐานสากล ความหลากหลายของสินค้ากว่า 10 แบรนด์ นำโดย กระทิงแดง (เรดบูล) และสปอนเซอร์ รวมถึงบริการที่ครบวงจรจาก ‘เดอเบล’ สามารถรองรับคู่ค้าที่จะเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย ด้วยศักยภาพความพร้อมต่างๆ ของกลุ่มธุรกิจ TCP จึงมั่นใจว่าจะเป็นหนึ่งในไฮไลต์ของงาน THAIFEX – ANUGA ASIA 2023 ที่พันธมิตรทั่วโลกจะให้ความสนใจ และขับเคลื่อนกลุ่มธุรกิจ TCP สู่ความเป็นผู้นำธุรกิจ F&B ในเอเชีย ต่อยอดจากความสำเร็จในตลาดเครื่องดื่มให้พลังงานในจีน เวียดนาม และมาเลเซีย


หลังจากไปเปิดออฟฟิศที่เวียดนาม พม่า และตั้งโรงงานที่จีน ยังได้ร่วมทุนกับมาเลเซียในสัดส่วน 50% เท่าๆกัน ในการเข้าไปทำตลาดกระทิงแดงกับเรดบลู เพราะศักยภาพตลาดเอนเนอจี้ดริ้งในมาเลเซียเติบโตสูง โดยเราเห็นศักยภาพของประเทศมาเลเซีย ในช่วงโควิดโตที่เติบโตต่อเนื่อง โดยพบว่าตลาดเอนเนอจี้ของมาเลเซียอยู่ที่ 1 ลิตรต่อคนต่อปี ส่วนไทยประมาณ 5 ลิตรต่อคนต่อปี จึงยังมีโอกาสอีกมากที่จะเข้าไปทำตลาดในครั้งนี้โดยขณะนี้ในมาเลเซีย เราเป็นที่ 1 อยู่ ส่วนเบอร์ 2 เป็นโลคอล

สำหรับตลาดในประเทศไทยตอนนี้ยังไม่มีลงทุน เน้นเทคโนโลยีมากกว่า จึงได้เปิดแพลตฟอร์มออนไลน์ที่มีการเติบโตดี รวมถึงเน้นนำระบบ AI เข้ามาใช้ในโรงงาน และมีการขยายกำลังการผลิตในโรงงาน ไลน์ขวดแก้ว ที่ได้ลงทุนปีนี้ 900 ล้านบาท โดยในภาพรวมของรายได้ของปีนี้ ตั้งเป้าการเติบโตอีก 10-15% จากรายได้ปีที่แล้วที่ทำได้ 50,000 ล้านบาท แบ่งออกเป็น ต่างประเทศ 70% และในประเทศ 30%

ในงานปีนี้จะเปิดตัวสินค้าใหม่เช่น 1.FarmZaa (ฟาร์มซ่า) แบรนด์น้องใหม่ สนับสนุนเกษตรกรไทยให้เติบโต เพิ่มมูลค่าผลไม้ไทย นำร่องด้วย “มะปี๊ด ผลไม้ถิ่นเมืองจันท์” มาพัฒนาเป็นเครื่องดื่มโซดาที่ทำจากผลไม้แท้ กลิ่นน้ำผึ้ง หอม สดชื่น วิตามินซีสูง 200% ไม่ผสมน้ำตาล
2. Planett (แพลนเนต) ครั้งแรกในไทยกับเครื่องดื่ม Floral Soda ผสานกลิ่นดอกไม้และผลไม้ ใช้ส่วนผสมจากวัตถุดิบธรรมชาติ ไม่มีน้ำตาล และแคลอรี่ 0% มีแอล-ธีอะนีน และ 3. BESTURAL collagen gummies (เบสท์เชอรัล คอลลาเจน กัมมี่) นวัตกรรมคอลลาเจนรูปแบบกัมมี่ คอลลาเจนนำเข้าจากญี่ปุ่น


** เอเซียติค ผู้นำธุรกิจมะพร้าวครบวงจร มั่นใจโกย 4,000 ล้านบาท โต 35%
นายณัฐพล วิสุทธิไกรสีห์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเซียติค อุตสาหกรรมเกษตร จำกัด เปิดเผยว่า เอเซียติค ปัจจุบันเติบโตและขยายฐานไปกว่า 70 ประเทศทั่วโลกโฟกัสผลิตภัณฑ์จากมะพร้าว จึงทำให้ทิศทางในการดำเนินธุรกิจมีความชัดเจน ควบคู่ไปกับความใส่ใจในความต้องการของผู้บริโภค จึงทำให้สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ตอบโจทย์ผู้บริโภค และจับกระแสตามเทรนด์ผู้บริโภคได้อยู่เสมอ โดยปีนี้มั่นใจว่าจะเติบโตของรายได้ 35% หรือรวมกว่า 4,000 ล้านบาท มาจากส่งออก 60% และในประเทศ 40% จากปกติเติบโตเพียง 10-20% ต่อปี

ปีนี้ได้เพิ่มสายการผลิต การพัฒนาทั้งในด้านของอินโนเวชั่น เทคโนโลยี เพื่อตอบรับความต้องการสินค้าทั้งในไทยและต่างประเทศ การพัฒนาสินค้าใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง สอดคล้องจากเทรนด์ผู้บริโภคในปัจจุบันที่ใส่ใจสุขภาพมากขึ้น


การเข้าร่วมงาน THAIFEX – ANUGA ASIA 2023 ปีนี้ได้พัฒนาสินค้าในกลุ่ม Plant Based ออกมาเป็น 2 แบรนด์ใหม่ คือ 1. โคโคมิกซ์ (Cocomix) ใช้วัตถุดิบจากมะพร้าว ปราศจากสารก่อภูมิแพ้ ปราศจากคอเรสเตอรอล และไม่มีแลคโตส เหมาะสำหรับผู้ที่แพ้นมวัว เป็น Mixing Ingredient ที่สร้างสรรค์เมนูได้หลากหลาย นอกจากนี้ผู้ที่รับประทานมังสวิรัติ หรือกลุ่มที่เป็นวีแกนก็รับประทานได้ ประกอบด้วย โคโค่นัทครีมเมอร์, โคโคนัทวิปปิ้งครีม, โคโคนัทบัตเตอร์, มะพร้าวข้นหวาน และซุปจากน้ำมะพร้าว ที่ครอบคลุมการใช้เพื่อปรุงอาหาร เครื่องดื่ม และเบเกอรี่ เหมาะสำหรับกลุ่มลูกค้า Food Service และ กลุ่มคนรักสุขภาพ

2. โคโค่มันช์ (Cocomunch) ผลิตภัณฑ์กลุ่มขนมขบเคี้ยวเพื่อสุขภาพ ขนมธัญพืชอบกรอบผสมไฟเบอร์มะพร้าว เป็นสแนคทางเลือกเพื่อสุขภาพ ผ่านการอบแทนการทอด เป็นผลิตภัณฑ์ Plant Based ที่ไม่มีคอเลสเตอรอล และมีไฟเบอร์ โปรตีน


**ซีพีแรม เปิดตัวเบเกอรีแบรนด์ใหม่ “โอแรมปัง” ดันรายได้สู่ 27,000 ล้านบาท
หลังสถานการณ์โควิดคลี่คลาย ส่งผลให้กลุ่มสินค้าของซีพีแรมทุกตัว ทั้งกลุ่มเรดดี้ทูอีท และเบเกอรี่ เติบโตอย่างต่อเนื่อง ปีนี้รายได้รวมจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% หรือจะต้องทำได้ที่ 27,000 ล้านบาท จากปีก่อนปิดที่ 25,000 ล้านบาท หรือยอดขายกลุ่มเบเกอรี่ปีนี้น่าจะเพิ่มเป็น 35% เรดดี้อีทเป็น 65% จากปีก่อนเบเกอรี่อยู่ที่ 30% และเรดดี้ทูอีทอยู่ที่ 70%
นายวิเศษ วิศิษฏ์วิญญู กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพีแรม จำกัด กล่าวว่า ทิศทางตลาดเบเกอรี่มูลค่า 38,000 ล้านบาท ปีนี้มีแนวโน้มเติบโตสูงมากทางบริษัทเองมองเห็นโอกาส จึงเปิดตัวใหม่ ถึง 2 แบรนด์ ภายในงาน THAIFEX – ANUGA ASIA 2023 คือ

1.โอแรมปัง (ORAMPANG) เบเกอรี่อบสดพร้อมรับประทาน วางจำหน่ายแบบแพคคู่ ใน 1 บรรจุภัณฑ์สีพาสเทลที่จะบรรจุสินค้า 2 ชิ้น ตั้งเป้ายอดขายภายใน 3 ปี อยู่ที่ 500 ล้านบาท
2. วีจีฟอร์เลิฟ (VEGI for Love) พัฒนาขึ้นมาจากการจับกระแส Plant Based หรือกลุ่มที่นิยมรับประทานอาหารประเภทมังสวิรัส หรือกลุ่มพืชผักที่มีเพิ่มขึ้น โดย วีจีฟอร์เลิฟ เป็นอาหารอินเดีย ในรูปแบบเรดดี้ทูอีท ที่เป็นแพลนท์เบสไดเอท เบื้องต้นจะมี 5 เมนู เริ่มวางจำหน่ายภายใน 1-2 เดือนนับจากนี้


**”ลีกุมกี่” แบรนด์ซอสจากจีน พร้อมลุยรีเทล
ไม่เพียงแต่แบรนด์ไทยที่พร้อมประกาศศักดาภายในงาน THAIFEX – ANUGA ASIA 2023 แต่ยังรวมไปถึงแบรนด์ต่างชาติที่เข้ามาทำตลาดในไทยมานับสิบปี อย่างแบรนด์ “ลีกุมกี่” แบรนด์ซอสและเครื่องปรุงต้นตำหรับ กว่า 135 ปี จากประเทศจีน ได้เข้ามาทำตลาดในไทยกว่า 20ปีที่ผ่านมา เป็นที่รู้จักกันอย่างดีในกลุ่มฟู้ดเซอร์วิส เช่น ร้านอาหาร โรงแรม และแคทเทอริ่ง เป็นต้น

นางสาวเชอรีล ชาน ผู้อํานวยการฝ่ายการตลาดระดับภูมิภาคของ ลีกุมกี่ ซอส กรุ๊ป (Lee Kum Kee Sauce Group) กล่าวว่า ปีนี้ได้เข้าร่วมงาน THAIFEX – ANUGA ASIA 2023 เป็นปีแรก จะเปิดตัวสินค้าใหม่ คือ ซอสหอยนางรมไม่ใส่ผงชูรส เพื่อมุ่งเจาะกลุ่มรีเทลหรือคอนซูเมอร์มากยิ่งขึ้น จากที่ผ่านมาจะเน้นทำตลาดฟู้ดเซอร์วิสเป็นหลัก ภายใต้การนำเข้าและจำหน่ายในประเทศไทย โดย ล็อกซ์เล่ย์ แต่เพียงผู้เดียว ซึ่งรายได้ในปีที่ผ่านมา มาจากรีเทลและฟู้ดเซอร์วิสในสัดส่วน 50% เท่าๆกัน


ด้านนางสาวปรมตา จันทกูล ผู้จัดการธุรกิจ ลีกุมกี่ ในประเทศไทย กล่าวเสริมว่า แผนการดำเนินงานในไทยนั้น จะเน้นรีเทลหรือตลาดคอนซูเมอร์มากขึ้น กับสินค้าเครื่องปรุงรสในกลุ่มเฮลท์ตี้ เช่น ซีอิ้วลดเค็ม, ซอสหอยนางรมไม่ใส่ผงชูรส, เครื่องปรุงรสที่ไม่มีกูเต็น เป็นต้น โดยปีนี้จะออกสินค้าใหม่ราว 5-6 รายการ จากปัจจุบัน ลีกุมกี่ มีสินค้าวางจำหน่ายร่วม 300 รายการ และสินค้าที่ได้รับความนิยมสูงสุด คือ ซอสถั่วเหลือง ตรา ลีกุมกี่.


*** CPFGS ส่งสินค้าใหม่เพียบ

นายสุจริต มัยลาภ กรรมการผู้จัดการ CPFGS กล่าวว่า CPFGS หนึ่งในผู้นำด้านการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์และอาหาร รวมถึงกิจการร้านอาหาร ธุรกิจขนมสัตว์เลี้ยง และเป็นช่องทางให้บริการด้านอาหารแบบครบวงจร (Food Solutions) ครั้งนี้ได้นำผลิตภัณฑ์นำเข้าและส่งออกแบรนด์ต่างๆ ผลิตภัณฑ์เนื้อจากพืช เนื้อไก่ เนื้อหมู ไข่ไก่สด รวมถึงอาหารพร้อมรับประทานหลากหลายเมนู เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ และกลุ่มเครื่องปรุงรสจากซีพี มาจัดแสดง

สำหรับ เสาหลักด้านนวัตกรรม (INNOVATION) CPFGS อย่าง ไส้กรอกอกไก่พริกไทยดำ แบรนด์ CP FI-IT คัดสรรเนื้ออกไก่คุณภาพเป็นวัตถุดิบหลัก ให้โปรตีนสูง รวมถึง MEAT ZERO ผลิตภัณฑ์เนื้อจากพืช 100% ด้วยนวัตกรรม Plant-Tec เ

ด้านสุขภาพ (WELLNESS) เปิดตัวผลิตภัณฑ์ กลุ่มอาหารทางการแพทย์ แบรนด์ INNOWENESS “นูทริแม็กซ์” (Nutrimax) ซุปไก่ผสมฟักทองและไข่ ที่พัฒนาสูตรร่วมกับโรงพยาบาลรามาธิบดี ทำจากวัตถุดิบธรรมชาติ และผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร “ไฟโต เพียวเร่” (Fito Puree) น้ำผักและผลไม้รวมผสมวิตามิน

นอกจากนี้ยังนำผลิตภัณฑ์อาหารที่มาจากกระบวนการผลิตเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (PLANET) โดยให้ความสำคัญกับการส่งมอบอาหารคาร์บอนต่ำมากกว่า 800 รายการ รวมทั้งการใช้บรรจุภัณฑ์ยั่งยืน มาจากกระบวนการผลิตที่ส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียน ยกเลิกการใช้ถ่านหิน 100% และใช้วัตถุดิบที่ตรวจสอบย้อนกลับได้ปราศจากการตัดไม้ทำลายป่า ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมุ่งสู่เป้าหมาย Net-Zero ปี 2050
กำลังโหลดความคิดเห็น