xs
xsm
sm
md
lg

อีสท์ วอเตอร์พร้อมส่งคืนท่อส่งน้ำ 11 เม.ย.นี้ วอนให้มีแผนส่ง-รับมอบที่ชัดเจนลดผลกระทบผู้ใช้น้ำ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



อีสท์ วอเตอร์ลั่นพร้อมส่งมอบโครงการท่อส่งน้ำสายหลักในโครงการท่อส่งน้ำหนองปลาไหล-หนองค้อ และโครงการท่อส่งน้ำหนองค้อ-แหลมฉบัง ระยะที่ 2 ในวันที่ 11 เมษายนนี้ เพียงแต่ขอให้มีแผนการส่งมอบ-รับมอบโครงการทั้งสองอย่างชัดเจนและเป็นที่ยอมรับร่วมกันทุกฝ่าย เพื่อให้การส่งมอบราบรื่น ไม่กระทบต่อผู้ใช้น้ำทั้งโรงงานในนิคมฯ และประชาชนในพื้นที่ ชี้ 
ตามที่กรมธนารักษ์ได้ส่งหนังสือการบอกเลิกการเช่า/บริหารโครงการท่อส่งน้ำหนองปลาไหล-หนองค้อ และโครงการท่อส่งน้ำหนองค้อ-แหลมฉบัง ระยะที่ 2 เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2566 โดยหนังสือที่กรมธนารักษ์แจ้งมาระบุให้ อีสท์ วอเตอร์ ส่งคืนพื้นที่และทรัพย์สินในโครงการดังกล่าวให้แก่กรมธนารักษ์ ภายในวันที่ 11 เมษายน 2566 หากไม่ดำเนินการกรมธนารักษ์จะสงวนสิทธิ์ให้อีสท์ วอเตอร์ ปฏิบัติตามระเบียบที่บังคับใช้ ณ ปัจจุบัน และอนาคต พร้อมทั้งเรียกร้องค่าเสียหาย และ เงินอื่นใด (ถ้ามี) จากการที่อีสท์ วอเตอร์ ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ราชการกำหนด โดยในวันที่ 22 มีนาคม 2566 อีสท์ วอเตอร์ได้ส่งหนังสืให้แก่อธิบดีกรมธนารักษ์ เรื่องการโต้แย้งการบอกเลิกการเช่า/บริหารโครงการท่อส่งน้ำหนองปลาไหล-หนองค้อ และโครงการท่อส่งน้ำหนองค้อ-แหลมฉบัง (ระยะที่ 2) การเรียกให้ส่งมอบพื้นที่และทรัพย์สินแก่กรมธนารักษ์ และการเรียกค่าเสียหาย พร้อมแจ้งข้อเสนอของอีสท์ วอเตอร์ เพื่อลดกระทบต่อผู้ใช้น้ำให้แก่กรมธนารักษ์

นายเชิดชาย ปิติวัชรากุล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) (EASTW) หรืออีสท์ วอเตอร์ เปิดเผยว่า บริษัทฯ ยืนยันพร้อมให้ความร่วมมือในการส่งมอบท่อส่งน้ำสายหลักตามที่กรมธนารักษ์เรียกร้องในวันที่ 11 เมษายนนี้ โดยมีแผนการส่งมอบ-รับมอบโครงการทั้งสองอย่างเป็นขั้นตอนและเป็นที่ยอมรับร่วมกัน เพื่อให้การส่งและรับมอบทรัพย์สินเป็นไปด้วยความราบรื่นเรียบร้อย ไม่กระทบต่อผู้ใช้น้ำ โดยบริษัทพร้อมเป็นพี่เลี้ยงในช่วงแรกให้กับบริษัทรายใหม่ที่จะเข้ามารับมอบโครงการด้วย เพราะหากไม่มีแผนงานการส่งมอบ-รับมอบโครงการที่ชัดเจน ผลกระทบจะตกอยู่กับผู้ใช้น้ำทั้งโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ ในนิคมฯ และประชาชนในพื้นที่ราวแสนคน


โดยบริษัทหวั่นผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อผู้ใช้น้ำภายหลังการส่งมอบท่อส่งน้ำสายหลักหากไม่มีการจัดทำแผนงานร่วมกันอย่างชัดเจน ย่อมส่งผลกระทบต่อผู้ใช้น้ำบริเวณพื้นที่ปลวกแดง ซึ่งมีการส่งจ่ายน้ำ 210,000 ลบ.ม.ต่อวัน และผู้ใช้น้ำตามแนวท่อหนองปลาไหล-มาบตาพุด-สัตหีบ อีก 300,000 ลบ.ม.ต่อวัน ส่วนพื้นที่ทับซ้อน เนื่องจากมีทรัพย์สินของอีสท์ วอเตอร์ที่สร้างขึ้นเพื่อเชื่อมโยงท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออกให้เป็น Water Grid ตามมติ ครม. เช่น มิเตอร์ ปั๊มน้ำ เครื่องสูบน้ำ สถานีสูบ ระบบ SCADA ที่ใช้ควบคุมแรงดันน้ำจากระยะไกล คิดเป็นมูลค่าหลายร้อยล้านบาทในส่วนพื้นที่บางส่วนซึ่งต้องส่งมอบคืนให้แก่กรมธนารักษ์ ขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุปเป็นที่ชัดเจนในการใช้พื้นที่ร่วมกัน

อีกทั้งกรมธนารักษ์ควรตรวจสอบว่าเอกชนที่ได้รับการคัดเลือกสามารถเริ่มการดำเนินการเชิงพาณิชย์อย่างถูกกฎหมายได้ทันทีหลังการส่งมอบโครงการหรือไม่ มิฉะนั้นผู้ใช้น้ำอาจได้รับน้ำที่มีการสูบจ่ายโดยไม่ถูกต้อง

ด้านการหาข้อยุติเรื่องการส่งมอบ-รับมอบพื้นที่ และทรัพย์สิน โครงการท่อส่งน้ำหนองปลาไหล-หนองค้อ และโครงการท่อส่งน้ำหนองค้อ-แหลมฉบัง (ระยะที่ 2) ทางอีสท์ วอเตอร์ได้เสนอแนวทาง และขั้นตอนการส่งมอบ-รับมอบทรัพย์สินโครงการท่อส่งน้ำทั้งสอง และจะต้องได้รับความเห็นชอบร่วมกันทุกฝ่าย รวมถึงผู้ใช้น้ำ ซึ่งการส่งและรับมอบทรัพย์สินจะใช้เวลา 3-4 ชั่วโมงในการเปลี่ยนผ่าน โดยได้เสนอให้กรมธนารักษ์พิจารณาดังต่อไปนี้ คือ การวางแผนงานและขั้นตอนการส่งมอบทรัพย์สิน ระยะเวลา รวมทั้งการแก้ไขปัญหาอุปสรรคและข้อขัดข้องต่างๆ ร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ทับซ้อน การเปลี่ยนแปลงและขอใช้ระบบไฟฟ้า การกำหนดระยะเวลาในการปรับปรุงระบบ และอุปกรณ์อื่นๆ เพื่อให้การบริหารจัดการท่อส่งน้ำของแต่ละฝ่ายเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย และไม่เกิดผลกระทบต่อผู้ใช้น้ำ รวมทั้งการแสดงความพร้อมและกำหนดระยะเวลาเริ่มต้นดำเนินการในเชิงพาณิชย์ของผู้ประกอบการรายใหม่ เพื่อให้การจัดทำบริการสาธารณะดำเนินไปได้อย่างต่อเนื่อง ไร้รอยต่อ และไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้น้ำ

การแสดงความพร้อมและการได้รับอนุญาตต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการน้ำให้ถูกต้องตามกฎหมาย เช่น การขออนุญาตใช้และได้รับการจัดสรรน้ำดิบจากกรมชลประทาน การขออนุญาตและติดตั้งระบบไฟฟ้า การจัดทำสัญญาซื้อขายน้ำดิบกับผู้ใช้น้ำ เพื่อให้การสูบส่งและการซื้อขายน้ำดิบให้แก่ผู้ใช้น้ำเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย พร้อมทั้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เช่น สทนช., EEC เข้ามามีส่วนร่วมการพิจารณาแผนการส่งมอบทรัพย์สิน เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อผู้ใช้น้ำ


ที่ผ่านมา บริษัทได้เสนอต่อกรมธนารักษ์ว่าได้ให้ความร่วมมือในการเข้าตรวจสอบพื้นที่ในการส่งมอบทรัพย์สิน และอำนวยความสะดวกให้แก่เจ้าหน้าที่ภาครัฐลงพื้นที่ตรวจทั้ง 3 ครั้งตามที่ร้องขอ และให้การสนับสนุนข้อมูลเป็นอย่างดี ที่ผ่านมาได้เข้าร่วมประชุมกับกรมธนารักษ์ และเอกชนที่ได้รับการคัดเลือกเกี่ยวกับการส่งมอบทรัพย์สิน เพื่อจัดทำแผนงานตลอดจนการเตรียมความพร้อมในการบริหารจัดการท่อส่งน้ำสายหลักร่วมกันแล้วทั้งสิ้น 6 ครั้ง แต่ยังไม่มีข้อสรุป ขั้นตอนการดำเนินการส่งมอบ-รับมอบโครงการและประเด็นทรัพย์สินทับซ้อนเรื่องทรัพย์สินทับซ้อน เห็นว่าทุกฝ่ายต้องหาแนวทางที่ลดผลกระทบต่อผู้ใช้น้ำร่วมกัน

ส่วนการลงนามสัญญากับเอกชนที่ได้รับการคัดเลือก กรมธนารักษ์ได้รีบเร่งลงนามสัญญาเมื่อวันที่ 23 กันยายน 2565 ทั้งที่ยังไม่ได้มีข้อยุติเรื่องการส่งมอบทรัพย์สิน ตามที่ประชุม คกก.ที่ราชพัสดุมีมติให้ดำเนินการตามข้อสังเกตของอัยการสูงสุดที่ให้ดำเนินการให้เสร็จสิ้นก่อนลงนามในสัญญา ดูเป็นการกระทำที่รีบเร่งสัญญา ทั้งๆ ที่ยังไม่มีแนวทางป้องกันผลกระทบต่อผู้ใช้น้ำ

นายเชิดชายกล่าวต่อไปว่า อีสท์ วอเตอร์ยืนยันว่าการส่งมอบทรัพย์สินจึงเป็นเรื่องที่ควรพิจารณาและดำเนินการร่วมกันทุกฝ่าย และจัดทำแผนงานอันเป็นที่ยอมรับร่วมกัน เพื่อให้การส่งมอบ-รับมอบทรัพย์สินเป็นไปด้วยความราบรื่น เรียบร้อย ไม่กระทบต่อผู้ใช้น้ำ และสามารถให้บริการแก่ผู้ใช้น้ำได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ได้ประสงค์จะถ่วงเวลาในการส่งมอบโครงการ แต่เพื่อความเป็นธรรมและยืนหยัดในความถูกต้อง และมีข้อเสนอดำเนินการตามรายละเอียดข้างต้น ดังนั้น การส่งมอบทรัพย์สินจะไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้น้ำ ในช่วงที่ต้องมีการเปลี่ยนผ่านผู้บริหารจัดการท่อส่งน้ำของกระทรวงการคลัง หากกรมธนารักษ์ยังคงยืนยันที่จะให้อีสท์ วอเตอร์ส่งมอบทรัพย์สินโครงการท่อส่งน้ำทั้งสองและดำเนินการต่างๆ ให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 11 เมษายน 2566 โดยไม่มีแผนร่วมกันในการส่งมอบ-รับมอบอย่างเป็นขั้นตอน อีสท์ วอเตอร์ ได้แจ้งให้กรมธนารักษ์ได้รับทราบผลกระทบและความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นกับอาจส่งผลร้ายแรงต่อธุรกิจของผู้ใช้น้ำ รวมถึงภาพรวมของระบบเศรษฐกิจในภาคตะวันออก ซึ่งเป็นพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญของประเทศแล้ว หากเกิดประเด็นข้อพิพาทหรือกรณีโต้แย้งเกี่ยวกับการดำเนินการดังกล่าว รวมทั้งการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทำให้เกิดผลกระทบและความเสียหายใดๆ ต่อผู้ใช้น้ำ บริษัทถือว่าเป็นความรับผิดชอบโดยลำพังเพียงฝ่ายเดียวของกรมธนารักษ์ โดยบริษัทฯ ไม่ได้เกี่ยวข้องแต่อย่างใด

“การส่งมอบท่อคืน ขอให้มั่นใจว่าส่งคืนแน่นอน แต่อยากให้กรมธนารักษ์ตระหนักถึงความสำคัญของผู้ใช้น้ำ และการบริหารจัดการน้ำในภาพรวมของ EEC เป็นหลัก การบริหารจัดการท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออกที่เป็นกระดูกสันหลังด้านเศรษฐกิจของประเทศไทย เป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาการดำเนินการอย่างรอบคอบ เพื่อไม่ให้กระทบต่อผู้ใช้น้ำ ความเชื่อมั่นของผู้ลงทุนใน EEC และภาพลักษณ์การบริหารจัดการน้ำของภาครัฐ แต่อยากให้ทุกภาคส่วนมีความพร้อมในการส่งมอบ-รับมอบทรัพย์สินเป็นไปด้วยความราบรื่น เรียบร้อย ไม่กระทบต่อผู้ใช้น้ำ และสามารถให้บริการแก่ผู้ใช้น้ำได้อย่างต่อเนื่อง” นายเชิดชายกล่าว

นายเชิดชายกล่าวว่า ในปี 2566 บริษัทคาดว่ารายได้ปรับลดลงราว 30% จากปีก่อน เนื่องจากรายได้ที่ลดลงมาจากการส่งคืนโครงการท่อส่งน้ำหนองปลาไหล-หนองค้อ และโครงการท่อส่งน้ำหนองค้อ-แหลมฉบัง ระยะที่ 2 อย่างไรก็ตาม ปีนี้บริษัทตั้งงบลงทุนอยู่ที่ 2.5 พันล้านบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น