xs
xsm
sm
md
lg

“อนุชา” ดัน ก.อุตฯ มุ่งภารกิจดูแล ศก.ฐานรากผ่านการพัฒนาอุตฯ เกษตรครบวงจร

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



“อนุชา” เข้ากระทรวงอุตสาหกรรมวันแรก ยืนยันพร้อมสานต่องานเดิมที่ดีอยู่แล้วโดยเฉพาะใน 9 มาตรการหลัก โดยให้เน้นภารกิจมุ่งตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนที่เป็นเศรษฐกิจฐานราก และเศรษฐกิจชุมชน ผ่านองค์ความรู้ในด้านอุตสาหกรรมการเกษตรแบบครบวงจร

นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนรมว.อุตสาหกรรม
เปิดเผยภายหลังเข้ากระทรวงอุตสาหกรรมเป็นวันแรกในฐานะรักษาราชการแทน รมว.อุตสาหกรรมว่า ได้ให้นโยบายสานต่อนโยบายเดิมที่กระทรวงอุตสาหกรรมดำเนินการอยู่แล้วใน 9 มาตรการหลัก คือ 1. การปรับปรุงกฎหมายของกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) 2. มาตรการแก้ปัญหาอ้อยที่ถูกลักลอบเผา 3. การจัดการกากอุตสาหกรรมให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ไม่ให้กระทบต่อสิ่งแวดล้อม และประชาชนในพื้นที่ 4. การผลักดันมาตรฐานการปล่อยมลพิษตามมาตรฐานยูโร 6 ให้เร็วขึ้น เพื่อยกระดับการส่งออกและการผลิตตามมาตรฐานที่ประเทศคู่ค้ากำหนด ซึ่งประเทศชั้นนำส่วนใหญ่ในตลาดโลกได้ปรับตัวใช้มาตรฐานยูโร 6 แล้ว

5. การเดินหน้าส่งเสริมมาตรการยานยนต์ไฟฟ้า ที่เป็นจุดแข็งของประเทศไทย ต้องหาแต้มต่อทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางรถอีวีต่อไป พร้อมกับเดินหน้าสร้างศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ เพื่อให้ไทยเป็นผู้นำและเป็นศูนย์กลางการทดสอบ และรับรองในภูมิภาคอาเซียน 6. มาตรการทางการเงินให้แก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี วิเคราะห์เจาะลึกถึงปัญหาของผู้ประกอบการเพื่อแก้ปัญหาให้ถูกจุด เนื่องจากยังมีผู้ประกอบการเอสเอ็มอีอีกหลายรายที่ยังประสบปัญหาอยู่เป็นจำนวนมาก 7. การบูรณาการกองทุนหมู่บ้าน และเกษตรอุตสาหกรรมระดับจังหวัดต้นแบบ โดยจะนำนโยบายเงินบาทแรกของแผ่นดินช่วยเกษตรกรหลุดพ้นความยากจน 8. เดินหน้านโยบายแบบฟอร์มดิจิทัลเดียว หรือ i-Single Form และสุดท้าย 9. การชี้เป้ายุทธศาสตร์การประชาสัมพันธ์ของกระทรวงอุตฯ และบูรณาการเครือข่ายการประชาสัมพันธ์


“ตัวเลขของ GDP 1.6 ล้านล้านบาท ที่เป็นรายได้รวมของประเทศ ส่วนหนึ่งมาจากภาคอุตสาหกรรม ทั้งในส่วนธุรกิจอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ SMEs และวิสาหกิจชุมชมที่เป็นเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ ทั้งนี้ เศรษฐกิจของประเทศไทยที่จะเติบโตได้มากน้อยเพียงใดก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลกด้วย กระทรวงอุตสาหกรรมมีศักยภาพและความพร้อม มีบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถ สามารถผลักดันภาคธุรกิจอุตสาหกรรมให้เดินรุดหน้าได้ตามแผนในหลายโครงการ เช่น การส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้า (EV) และขอฝากการบ้านให้ข้าราชการกระทรวงอุตสาหกรรมไปช่วยกันหาเหตุผล รวมทั้งสร้างจิตวิทยาในการลงทุนเพื่อส่งต่อไปยังกลุ่ม SMEs เพื่อให้กลายเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีศักยภาพในอนาคต” นายอนุชากล่าว

ทั้งนี้ ปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคมไทยยังไม่จบ ปัญหาความยากจนยังคงมีอยู่ ซึ่งสิ่งที่อยากเห็นในอนาคต คือการที่ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศหลุดพ้นจากความยากจน โดยอยากจะเน้นให้ภารกิจของกระทรวงอุตสาหกรรม สามารถตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนที่เป็นเศรษฐกิจฐานราก และเศรษฐกิจชุมชน ผ่านองค์ความรู้ในด้านอุตสาหกรรมการเกษตรแบบครบวงจร ขณะที่อุตสาหกรรมการผลิตในภาคอื่น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการอย่างเข้มแข็งต่อเนื่องอยู่แล้ว มีเพียงปัญหาเรื่องฝุ่น PM 2.5 ที่ขอให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสร้างความเข้าใจกับผู้ประกอบการ และร่วมกันทำให้เกิดปัญหาน้อยลง อีกทั้งปัญหาการเล็ดลอดของซีเซียม-137 จากโรงไฟฟ้า ได้กำชับให้กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) เร่งดำเนินการแก้ไข พร้อมกำชับตรวจสอบ โรงงานที่มีความเสี่ยงทั้งหมด
กำลังโหลดความคิดเห็น