บีทีเอสเร่งโมโนเรลสีเหลือง ดีเดย์เม.ย.นี้ เริ่มทดสอบระบบเดินรถเสมือนจริง คาดให้ประชาชนใช้ฟรีพ.ค. และเก็บค่าโดยสารมิ.ย. 66 ส่วนสีชมพู รอเช็คความพร้อมบางสถานี คาดส.ค.เปิดบางส่วนและเปิดเต็มระบบปลายปี ส่วนเข้าเมืองทองฯได้ใช้ปลายปี 67 คาดรับค่าอุดหนุนงานโยธาปีแรก รวม 4.7 พันล้านบาท
นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ บีทีเอส เปิดเผยว่า ขณะนี้การก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้า สายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง ระยะทาง 30.4 กม.และสายสีชมพู ช่วงแคราย - มีนบุรี
ระยะทาง 34.5 กม. งานโยธาและงานระบบรถไฟฟ้าและการเดินรถใกล้แล้วเสร็จ โดยอยู่ระหว่าง หารือกับกระทรวงคมนาคมและการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ถึงกำหนดการเปิดให้บริการ ซึ่งรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ตั้งเปเาจะเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ เก็บค่าโดยสารในเดือนมิ.ย. 2566 ซึ่งถือว่าเร็วกว่าแผน โดยจะเริ่มมีการทดสอบระบบการเดินรถเสมือนจริง(Trial Run) ที่ยังไม่มีผู้โดยสาร ในเดือน เม.ย. 2566 เป็นการทดสอบระบบเดินรถ ระบบอาณัติสัญญาณ
และระบบความปลอดภัยทั้งหมด โดยจะมีพนักงานให้บริการเดินรถ พนักงานประจำสถานีเข้าปฎิบัติการเหมือนเปิดบริการจริง
โดยในการทดสอบเดินรถเสมือนจริงนี้ จะมีที่ปรึกษาวิศวกรอิสระ(ICE) เข้าตรวจสอบระบบความปลอดภัย ตามมาตรฐานหากผ่านจะให้การรับรอง จากนั้นจะสามารถเปิดให้มีผู้โดยสารเข้าใช้บริการได้ ซึ่งบริษัทคาดว่าจะมีการเปิดให้ประชาชนทดลองใช้บริการฟรี เป็นเวลา 2 สัปดาห์หรือช่วงกลางเดือนพ.ค. 2566 ขณะที่กระทรวงคมนาคม เจรจาขอให้เพิ่มระยะเวลงให้ประชาชนทดลองใช้บริการฟรี เป็น 1 เดือน ซึ่งอยู่ระหว่างพิจารณาความพร้อมร่วมกัน
ณ สิ้นเดือนก.พ.2566 การก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง(ช่วงลาดพร้าว – สำโรง) มีความก้าวหน้ารวม 98.55% โดยงานโยธา ก้าวหน้า 98.54% งานระบบรถไฟฟ้าก้าวหน้า 98.57%
ส่วนสายสีชมพู (ช่วงแคราย - มีนบุรี) มีความก้าวหน้ารวม 95.56% โดยงานโยธา ก้าวหน้า 95.37% งานระบบรถไฟฟ้าก้าวหน้า 95.70% และสายสีชมพู ส่วนต่อขยายช่วงสถานีศรีรัช-เมืองทองธานี มีความก้าวหน้ารวม 15.31% โดยงานโยธาก้าวหน้า 19.06% งานระบบรถไฟฟ้าก้าวหน้า 7.87%
@สีชมพู เปิดบริการส.ค.แบบไม่เต็มระบบ
นายสุรพงษ์กล่าวว่า แผนการเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย - มีนบุรี ช่วงไตรมาส 3 ปี 2566 หรือ ประมาณ เดือนส.ค.2566 โดยจะเริ่มทดสอบระบบเดินรถเสมือนจริงช่วงเดือน ก.ค. 2566 โดยรูปแบบก่อนเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ เหมือนสายสีเหลือง แต่เนื่องจากสายสีขมพู ยังมีปัญหาจุดขึ้นลง สถานีรถไฟฟ้า บนถนนแจ้งวัฒนะ มีพื้นที่ก่อสร้างทับซ้อนกับโครงการฟลัดเวย์ ของกรมทางหลวง กระทบต่อการก่อสร้างเช่น สถานีนพรัตน์ (PK26) สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี (PK0) สถานีศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ( PK12) จึงต้องพิจารณาความพร้อมในการเปิดให้บริการตลอดสายหรือเปิดให้บริการบางส่วน (PARTIAL Operation) ทั้งนี้ เป้าหมายของสายสีชมพู จะเปิดตลอดสาย ภายในปลายปี 2566
ส่วนสีชมพู ส่วนต่อขยายช่วงสถานีศรีรัช-เมืองทองธานี นั้น จะก่อสร้างเสร็จปี 2567 และพยายามเปิดให้บริการในปลายปี 2567
@ใช้ตั๋วร่วม บัตร EMV ได้ เชื่อม"น้ำเงิน ม่วง"จ่ายค่าเข้าครั้งเดียว
สำหรับ ระบบจัดเก็บค่าโดยสาร นั้น นายสุรพงษ์กล่าวว่า จะใช้ระบบบัตรแรบบิท ขณะที่ตามเงื่อนไขสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเหลือง และรถไฟฟ้าสายสีชมพู กำหนดให้มีระบบตั๋วร่วม MRT เพื่อเชื่อมต่อการเดินทางโครงข่ายรถไฟฟ้าMRT แต่ละสายโดยคิดค่าแรกเข้าครั้งเดียว ซึ่ง ขณะนี้ได้ตกลงกับธนาคากรุงไทย เรียบร้อยแล้วเพื่อเร่งติดตั้งระบบรองรับบัตร EMV โดยช่วงแรกของสายสีเหลืองเนื่องจากมีเวลาน้อย จะติดตั้ง 1 ช่องทางเข้าพิเศษ ก่อน จากนั้นระยะ2 จะขยายไปทุกช่องทางเข้า ส่วนสีชมพู จะมีการติดตั้งรองรับบัตร EMV ได้ครบทุกช่องทาง ได้ทันก่อนเปิดให้บริการ
@คาดปีนี้ รับค่าอุดหนุนงานโยธาคืน จากรัฐ 4,700ล้านบาท
นายสุรพงษ์กล่าวว่า บริษัท อีสเทิร์น บางกอก โมโนเรล จำกัด(EBM) ผู้รับสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเหลือง และ บริษัท นอร์ทเทิร์นบางกอกโมโนเรลจำกัด (NBM) ผู้รับสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีชมพูหากภายในปีนี้ สามารถเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง และสีชมพูได้ตามแผน จะทำให้บริษัท ฯมีรายได้ จากค่าโดยสาร ทั้ง 2 สาย รวมประมาณ 2,000 ล้านบาทต่อปี
และมีรายได้ในส่วนที่รัฐจ่ายคืนเงินอุดหนุนค่าลงทุนงานโยธาตามสัญญา ของทั้ง 2 สาย รวมประมาณ 4,700ล้านบาท/ปี โดยตามสัญญาสัมปทาน รัฐจ่ายคืนค่างานโยธา เป็นเวลา 10 งวด (ปี) นับจากจากเปิดให้บริการ โดยงวดแรกจะจ่ายหลังเปิดให้บริการ 45 วัน
สำหรับสัญญาสัมปทาน สายสีชมพู รัฐอุดหนุนค่างานโยธา ที่ 19,975 ล้านบาท สายสีเหลือง รัฐอุดหนุนค่างานโยธา 22,239 ล้านบาท
