xs
xsm
sm
md
lg

BPP ลั่นปีนี้รายได้ทุบสถิติสูงสุด ลุ้นปิดดีล M&A ไฟฟ้าเพิ่ม 1 พัน MW

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



BPP มั่นใจปีนี้รายได้ทำนิวไฮต่อเนื่องจากปี 65 มีรายได้รวม 2.45 หมื่นล้าน เหตุปิดดีล M&A โรงไฟฟ้าเพิ่มปีนี้ราว 1 พันเมกะวัตต์ แย้มศึกษาโอกาสทำ Energy Trading ในตลาดไฟฟ้าที่สหรัฐฯ และลุยโซลาร์ฟาร์มในจีน

นายกิรณ ลิมปพยอม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP เปิดเผยว่า ปี 2566 บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโตขึ้นต่อเนื่องทุบสถิติสูงสุดจากปีก่อนที่มีรายได้ 24,501 ล้านบาท ซึ่งการเติบโตของรายได้ในปีนี้ขึ้นอยู่กับการควบรวมหรือซื้อกิจการ (M&A) ที่ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาและทำดิวดิลิเจนซ์หลายโครงการ คาดว่าปี 2566 จะปิดดีลได้ประมาณ 1,000 เมกะวัตต์ (MW)

นอกเหนือจากดีล M&A ที่จะเพิ่มเข้ามาในพอร์ตแล้ว ยังมีโครงการที่จะทยอยเข้ามา เช่น โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมหวินเจา (Vinh Chau) ระยะที่ 1 ในเวียดนาม กำลังผลิต 30 เมกะวัตต์ การขยายการลงทุนโซลาร์รูฟท็อปเพิ่มขึ้นในหลายประเทศ เช่น จีน และอินโดนีเซีย โดยบริษัทเร่งดำเนินการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปในเมืองเจิ้งติ้ง หลังได้รับการคัดเลือกเป็นผู้พัฒนาโครงการราว 60 เมกะวัตต์ ซึ่งได้ดำเนินการติดตั้งและจ่ายไฟไปแล้ว 10 เมกะวัตต์ รวมทั้งศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนร่วมกับพันธมิตรในการพัฒนาโซลาร์ฟาร์ม 2-3 โครงการ ขนาดกำลังผลิต 200-800 เมกะวัตต์ในจีนด้วย

BPP คงมองหาโอกาสในการขยายการเติบโตไปยังธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องตลอด Value Chain เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มในประเทศที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา นอกเหนือจากการประสบความสำเร็จในการลงทุนในโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Temple I แล้ว บริษัทยังพิจารณาขยายการลงทุนเพิ่มเติม เช่น ธุรกิจซื้อขายไฟฟ้าผ่านแพลตฟอร์มระบบกลาง (Energy Trading) และธุรกิจค้าปลีกไฟฟ้าให้แก่ครัวเรือนและโรงงานอุตสาหกรรมในตลาดไฟฟ้าเสรี ทำให้บริษัทมีรายได้และกำไรมากขึ้นโดยไม่ได้เพิ่มเมกะวัตต์


ส่วนในประเทศไทย บริษัทอยู่ระหว่างรอผลผู้ได้รับคัดเลือกโครงการจัดหาไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) ปี 2565-2573 ซึ่งทางคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) จะประกาศผลในต้นเดือน เม.ย.นี้ โดยบริษัท บ้านปู เน็กซ์ ซึ่งเป็นบริษัทในเครือฯ มีโครงการที่ผ่านเกณฑ์คุณสมบัติและเทคนิคขั้นต่ำจำนวน 150-200 เมกะวัตต์ ส่วนการเปิดประมูลรับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนรอบถัดไป บริษัทก็เตรียมยื่นเสนอขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเพียงแต่รอความชัดเจนจาก กกพ.ก่อน

ด้านธุรกิจเทคโนโลยีพลังงานที่ดำเนินการโดยบ้านปู เน็กซ์ บริษัทฯ เน้นการร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจที่ส่งเสริมศักยภาพและการเติบโต รวมถึงหาโอกาสการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ (New S-curve) อย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทได้เพิ่มสัดส่วนการเข้าถือหุ้นในบริษัท ดูราเพาเวอร์ โฮลดิ้งส์ จํากัด (Durapower) จากร้อยละ 47.68 เป็นร้อยละ 65.10 ด้วยเงินลงทุน 70 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อสร้างโอกาสการเติบโตของธุรกิจแบตเตอรี่ให้แข็งแกร่งมากขึ้น รวมทั้งสนใจโครงการดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Carbon Capture and Sequestration : CCS) ร่วมกับพันธมิตรด้วย

บริษัทเตรียมงบลงทุนใน 3 ปีนี้ (2566-68) อยู่ที่ 500-700 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อใช้ในการลงทุนขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าให้ได้ตามเป้าหมาย 5,300 เมกะวัตต์ในปี 2568 จากปัจจุบันมีกำลังการผลิตไฟฟ้าอยู่ที่ 3,337 เมกะวัตต์ โดยจะเน้นการลงทุนโรงไฟฟ้าที่ก๊าซฯ เป็นเชื้อเพลิงและโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในประเทศที่บริษัทมีฐานการผลิตอยู่แล้ว


ทั้งนี้ BPP พร้อมเดินหน้าสร้างการเติบโตโดยจะขับเคลื่อนธุรกิจตามแนวทาง “Triple E” ได้แก่ 1. Ecosystem : มุ่งสร้างเมกะวัตต์คุณภาพด้วยสมดุลของพอร์ตธุรกิจทั้งจากพลังงานความร้อน (Thermal Power Business) พลังงานหมุนเวียน (Renewable Power Business) และเทคโนโลยีพลังงาน (Energy Technology) 

2. Excellence : รักษาเสถียรภาพการผลิตควบคู่ไปกับประสิทธิภาพความพร้อมจ่ายไฟ (EAF) และเน้นการสร้างกระแสเงินสดได้อย่างสม่ำเสมอและเพิ่มโอกาสทำกำไรในตลาดที่มีการเติบโตและมีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูง และ 3. ESG : ดำเนินธุรกิจสอดคล้องกับหลักความยั่งยืนโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการสู่เป้าหมายในการเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้า 5,300 เมกะวัตต์ภายในปี 2568
กำลังโหลดความคิดเห็น