xs
xsm
sm
md
lg

“ปลัดพาณิชย์” ถก สปป.ลาว ดันเปิดด่านพรมแดนเพิ่มอีก 12 แห่ง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



“ปลัดพาณิชย์” หารือรัฐมนตรีการค้า สปป.ลาว ผลักดันเปิดด่านพรมแดนที่ติดกับไทยเพิ่มอีก 12 แห่ง และขอช่วยอำนวยความสะดวกการขนส่งผลไม้ไทยไปจีน พร้อมตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าการค้าสองฝ่ายเป็น 11,000 ล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 68

นายกีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้รับมอบหมายจากนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้นำคณะผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ต้อนรับ นายมะไลทอง กมมะสิด รัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า สปป.ลาว และคณะผู้บริหารภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อหารือถึงแนวทางส่งเสริมความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจการค้ากับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนไทย ความร่วมมือเพื่อผลักดันการค้าสองฝ่ายให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 11,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 360,000 ล้านบาท ในปี 2568 และแลกเปลี่ยนแนวปฏิบัติการดำเนินงานด้านการค้าในภารกิจของกระทรวงพาณิชย์ เช่น การบริหารจัดการราคาสินค้า การบริหารการนำเข้า-ส่งออก การอำนวยความสะดวกทางการค้า และการส่งเสริมการส่งออก

โดยการหารือครั้งนี้ไทยได้ขอให้ สปป.ลาวเร่งรัดหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาเปิดด่านพรมแดนที่ติดกับไทยเพิ่มอีก 12 แห่ง และช่วยอำนวยความสะดวกการขนส่งสินค้าไทยผ่านแดน สปป.ลาว ไปยังจีน เพื่อให้เกิดความคล่องตัวมากขึ้น โดยเฉพาะสินค้าผลไม้ ซึ่งกำลังเข้าสู่ช่วงฤดูที่ผลผลิตออกสู่ตลาดจำนวนมากในอีก 1-2 เดือนข้างหน้า โดย สปป.ลาวจะนำเรื่องดังกล่าวไปหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อช่วยอำนวยความสะดวกต่อไป

“ที่ผ่านมาการค้าระหว่างไทยกับ สปป.ลาว ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง หากทั้งสองฝ่ายสามารถทำการค้าระหว่างกันได้ตามปกติเหมือนช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 จะทำให้มูลค่าการค้าขยายตัวมากขึ้น และสามารถบรรลุเป้าหมายการค้าที่ตั้งไว้ร่วมกันที่ 11,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2568 ได้อย่างแน่นอน” นายกีรติกล่าว

ทั้งนี้ ปัจจุบันไทยเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของ สปป.ลาว และเป็นอันดับที่ 8 ของไทยในกลุ่มอาเซียน ซึ่งในปี 2565 การค้าระหว่างไทยกับ สปป.ลาว มีมูลค่า 7,879 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 8.52% โดยไทยส่งออกไป สปป.ลาว มูลค่า 4,540 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 13.47% และไทยนำเข้าจาก สปป.ลาว มูลค่า 3,339.15 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 2.43% สำหรับการค้าชายแดน คิดเป็นสัดส่วน 95% ของการค้ารวมระหว่างสองประเทศ สินค้าส่งออกสำคัญ เช่น น้ำมันสำเร็จรูป อัญมณีและเครื่องประดับ น้ำตาลทราย เคมีภัณฑ์ และรถยนต์ และสินค้านำเข้าสำคัญ เช่น เชื้อเพลิง ทองคำ ผักผลไม้ ปุ๋ย และเคมีภัณฑ์




กำลังโหลดความคิดเห็น