xs
xsm
sm
md
lg

(ชมคลิป) ฟิโล “ก้านส้ม” และไม้แปลกไม้หายาก ช่วงราคาแรงนับใบขายเป็นแสน! ธุรกิจที่ใช่ของ “จอม ศรุต”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



ดารานักแสดงหนุ่มจากช่องมากสี “จอม ศรุต” สุวรรณภักดี ใช้เวลาว่างหันจับธุรกิจไม้แปลก-ไม้หายากนำเข้า (exotic plant) ไม้สะสมของคนที่รักชอบเหมือน ๆ กัน สร้างรายได้ช่วงไม้ราคาแรงนับใบขายราคาหลักแสน!

ฟิโลเดนดรอน ก้านส้ม

ฟิโล ก้านส้ม ด่าง
“จริง ๆ ถ้าเป็นไม้ที่ชอบและก็ทำจำนวน ก็จะเป็น “ก้านส้มด่าง” เนี่ยล่ะครับ ตอนที่เราซื้อมาเนี่ยราคามันยังไม่แรงมากจนถึง คือเราจะผ่าน life circle ของต้นไม้ต้นนี้ไอ้ก้านส้มเนี่ย จากที่ซื้อเข้าจำได้ว่าใบละ 5 พันมั้ง จนไปถึง ใบละแสน ก็ตอนนี้ก็ลงมาเหลือใบละ 8 พันถึง 1 หมื่น เราผ่านช่วงนี้มาแล้วครับ แล้วเราก็ผ่านช่วงที่เราแบบ ใบละแสนเราไม่ขาย! เพราะเราหวงไม้เราหวงไม้อ่า เราก็เลยรู้สึกว่า คือนี่เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เรารู้สึกว่า เราไม่ได้จะเพื่อที่จะเอาเงินอย่างเดียวกับอาชีพนี้แล้วล่ะ”


งานแสดงยังไปได้ดี วันนี้ต้นไม้ก็เป็นอีกงานทำเงินด้วย!
“จอม ศรุต” สุวรรณภักดี หรืออีกที่รู้จักกันในวงการไม้แปลก-ไม้หายาก (exotic plant) ก็คือเป็นเจ้าของ Live with Plants เนอสเซอรี่ ด้วยบอกกับเราว่า ด้วยความที่ตนเองอยู่ในวงการบันเทิงมาร่วม ๆ ไม่ต่ำกว่า 15 ปี รวมเดินแบบ-ถ่ายแบบด้วย แต่ถ้าวงการละครก็ตีว่าประมาณ 12-13 ปีที่เล่นละครมา “ส่วนบทละครก็จะเล่นต่างกันไป ก็จะมีทั้งบทดีและบทร้าย แต่คนจะจำคาแรคเตอร์ได้ตรงบทร้าย เพราะมันอาจจะดูชัดเจนหน่อย คนดูจะชอบทักว่าเอ้ยไอ้นี่ตัวโกงช่อง7 อีกแล้ว ตัวโกงช่อง7 อีกแล้ว อะไรเงี้ยครับใช่ครับ แต่ส่วนตัวก็เคยเล่นทั้งบทดีและบทร้าย”ก่อนหน้าที่จะมาทำต้นไม้ จอมบอกว่า“ผมก็คิดว่าผมก็อยู่เป็นนักแสดงได้ โดยไม่เดือดร้อน คิดว่าก็ทำไปเพราะเมื่อไหร่ที่เขาจ้าง เราก็รับผิดชอบในงานก็ทำให้มันดีที่สุด เราก็รู้สึกว่าที่ผ่านมาสิบกว่าก็ยังมีละครมาเรื่อย ๆ นะ ก็อาจจะแบบเชิงแบบคิดง่ายด้วยว่า อยู่ใน safe zone ดีกว่าก็เล่นละครไป ก็อยู่ได้ก็คิดแค่นี้ แต่ลึก ๆ แล้วส่วนตัวตั้งแต่เด็ก เป็นคนแบบอยากทำธุรกิจ”


จากคนที่ไม่เคยชอบต้นไม้เลย
มันเริ่มจากก่อนหน้าโควิดฯ เริ่มจากที่จากคนที่ไม่ชอบต้นไม้เลย มาทำบ้านมาซื้อบ้านแล้วก็เริ่มจากความชอบที่จะแต่งบ้านอยู่แล้ว ลองมาแต่งบ้านตัวเองก่อนก็เริ่มออกแบบภายใน interior ก็คุยกับช่างก็ทำด้วยตัวเอง จนทำภายในบ้านเรียบร้อยหมดแล้วก็มาเป็นนอกบ้านแล้วทำไมต้นไม้ต้นนี้มันดูขัด ๆ มันดูแล้ว ถ้าเราอยากได้อีกต้นมุมนี้แต่อยากได้ต้นอีกทรง จะเป็นอย่างไร” ก็ลองไปเดินดูที่ตลาดต้นไม้ เริ่มจากจตุจักร ซอยพระเงิน จะเดินตลอดเดินแบบวันหนึ่งประมาณ 4-5 ชั่วโมงแบบไม่เบื่อ


อยากหาต้นอะไรแปลก ๆ ศึกษาอยู่อย่างนั้น จนรู้สึกว่า พอเดินไปประมาณหนึ่งจะเริ่มมีข้อมูลว่า ราคาต้นไม้มันมีความแตกต่างนะ อย่างต้นไม้ต้นนี้จตุจักรขายราคานี้ แต่พอไปเดินซอยพระเงินจะอีกราคาหนึ่ง เหมือนมันมีแก๊ปต้นไม้“พอเริ่มที่จะสนใจจะทำเป็นอาชีพเนี่ยนะครับ ก็ด้วยความที่รู้จักกับพี่โฮม “คุณสรรพสิริ เชาวน์วาณิชย์” เจ้าของ Living Plant และ Living Collection เนอสเซอรี่ จ.เชียงใหม่ รู้จักเขามาก็เป็นสิบปีแล้ว ก็ตอนแรกไปปรึกษาพี่โฮมว่าจะทำ “ไม้ล้อม” ก่อน พี่โฮมเขาก็เลยให้ข้อคิดมาว่า คือถ้าทำไม้ล้อมมันจะปัญหาจุกจิกหน่อยต้องมี เครน ต้องมีระบบการขนส่ง ต้องมีคนงานเยอะแยะมากมาย ใช่มันไม่ได้จบงานง่าย ๆ อย่างเงี้ยครับเขาก็เลยให้ข้อมูลมา เขาก็บอกลองมาดูเรื่องเกี่ยวกับ “ไม้ด่าง” ไม้กระถาง ไม้ประดับทั่วไป ไซส์เล็ก ๆ แต่ราคาก็โอเคนะ”


เริ่มสนใจเพราะ “ความสุข” ที่ได้จากอาชีพนี้
เขาก็พาไปดูต้นไม้ในต่างประเทศ ไปช่วยเขาขนต้นไม้ ก็เลยทำให้เริ่มอินไปเรื่อย ๆ จากไปเห็นเนอสเซอรี่ต่าง ๆ ที่ต่างประเทศ
เห็นคนอายุ 70-80 ปีเขายังทำกันได้เลย แล้วเขาทำอย่างมีความสุขเขาเหมือนเขาใช้ชีวิตบั้นปลายของเขาอย่าง slow life

“แรก ๆ ก็ไปอเมริกา ไปเอกวาดอร์ ไปญี่ปุ่น พี่โฮมเขาก็พาไปตามเนอสเซอรี่ต่าง ๆ ด้วย ก็ถือว่าเยอะเหมือนกันครับ ก็ทำให้เรารู้สึกว่าเราได้เห็น หลาย ๆ สวนว่าบางสวนเขาไม่ใช่สวนก็แบบ เหมือนเขาเป็นบ้านอย่างเงี้ยครับ ปลูกต้นไม้แล้วก็ซื้อขายกันในบ้าน กับที่เป็นสวนแบบเนอสเซอรี่จริง ๆ ก็เห็นมาแล้วอย่างเงี้ยครับ แต่เราก็ลองมาเปรียบเทียบกับที่เมืองไทยดู เราก็รู้สึกว่าความรู้สึกของเราเองนะ เราก็รู้สึกว่าต่างชาติเขา crazy ในต้นไม้มาก ๆ “ มันเลยจุดประกายให้กับตัวเองว่าเราสนใจนะ เราอยากจะเข้ามาทำมันดูว่ามันจะเป็นอย่างไร


จอม บอกว่า เริ่มแรกที่ซื้อต้นไม้มาตนเองก็ยังไม่ได้ขายนะ จำได้ว่าลงทุนครั้งแรกซื้อไม้ “อโลคาเซีย” จากมาเลเซียเป็นตัวอโลคาเซียใบสีดำ และก็ซื้อมาก็ยังไม่ได้ขายเพราะขายไม่เป็น ก็จะมีคุณโฮมที่เป็นคนคอยบอกว่า ตอนนี้ราคาต้นไม้นี้มันขายได้แล้วนะ แต่ว่าตนเองก็ยังไม่เป็น “ตอนนั้นผมชอบพวกบอนที่มันมีใบสีดำ ๆ ครับ มันเป็นอโลคาเซีย แบล็ครันเนอร์ แบล็คริปเปอร์ แบล็คคอรัล ตัวที่ผมซื้อมันจะมีแบล็คคอรัล กับแบล็คริปเปอร์ที่ตอนนั้นประเทศไทยยังไม่ค่อยมี ถึงมีก็อาจจะน้อยครับ ทำให้ราคามันไปได้”


พอเริ่มชอบ ก็เริ่มสะสม 
คือเริ่มจากความชอบก่อน จะไม่ได้มองว่าต้นนี้สวยจังเอากลับเมืองไทยขายได้เท่าไรไม่ได้มองอย่างนั้นเลย“ผมมองว่าผมชอบก่อนเลยถึงซื้อครับใช่ครับก็เลยพอเอาเข้ามาแรก ๆ ส่วนใหญ่จะไม่ได้ขายด้วย ก็เอามาเลี้ยงก่อน บางต้นก็ไม่ได้ขายจนแรก ๆที่แบบเลี้ยงไม้ไม่ค่อยเป็น ก็มีที่เน่าตายเยอะเหมือนกันส่วนตัว ๆ นะ”

จนกระทั่งช่วงโควิดฯ ที่คนหันมาสนใจในอาชีพ “ต้นไม้” มากขึ้น คิดว่าโซเชียลฯ มีผลมาก ๆ ที่ทำให้คนรู้ว่าเราทำต้นไม้ ก่อนหน้านั้นการเคลื่อนไหวทางโซเชียลฯ จะเป็นแบบมุมของ Collector มากกว่า โพสต์ไม้ที่บ้านโชว์ว่าตัวเองมีไม้อะไรบ้าง แค่นั้นเอง ซึ่งฟีดแบ็คก็ถือว่าดีมีคนเข้ามาให้ความสนใจต้นไม้ สวยจังเลย เวลาไปต่างประเทศ เขาไม่เคยเห็นต้นไม้ที่อยู่ตามป่าแล้วมันสวยขนาดนี้ ก็เลยจึงเป็นจุดเริ่มต้นให้จอมเริ่มทำเพจ: Live with Plants ด้วย “เป็นเพจที่เวลาไปเที่ยวไหนเราก็จะเอาข้อมูลหรือว่าเราเรื่องราวมาเล่าให้ฟังว่าเนี่ย เราไปประเทศนี้นะเราเจอต้นไม้ต้นนี้นะ ต้นไม้ต้นนี้เขาเลี้ยงในพื้นที่แบบไหน เขาโตมาอย่างไร ใช้แสงมากน้อยแค่ไหน อะไรประมาณนี้เลยครับ”

ที่เริ่มมาขายต้นไม้จริง ๆ น่าจะเป็น “จตุจักร” เป็นช่วงที่พอคนเข้ามาสนใจต้นไม้เยอะ ๆ ก็เป็นจุดที่ทำให้เราได้มาขายจตุจักร แล้วมันก็ถือว่าเป็นฟีดแบ็คที่ดี เพราะไปครั้งหนึ่งก็จะมีคนมาล้อมร้านเลย จากการที่ต้นไม้มันแปลกด้วย ในช่วงเวลานั้นต้นไม้ที่นำไปขายมันแปลกจริง ๆ เป็นช่วงที่โควิดฯ ท้าย ๆ เริ่มปลดล็อคแรกของสวนจตุจักร ก็ไปแชร์หน้าร้านกับรุ่นพี่อีกคนซึ่งเขาทำอยู่ก่อน เขาขายอยู่แล้วที่จตุจักร เราก็จะไปขายพาะวันอังคารวันเดียว


ประเดิมงานขาย ครั้งแรก ที่ “จตุจักร”
“ก็จะเป็นพวกไม้เอกวาดอร์ก่อน ไม้ยุคแรกที่ขายจตุจักรจะเป็นไม้เขียว แต่เป็นไม้เขียวนำเข้าครับ พวกฟิโลเดนดรอนต่าง ๆ ที่นำเข้าจากเอกวาดอร์ มามิฮาย โพมานิอาย พาตาซานัม พวกนี้ครับ ก็จะเป็นที่ต้องการมากครับเพราะว่า พี่โฮมเขาเป็นคนนำเข้ามา เจ้าอื่น ๆ ก็ยังไม่ค่อยมีกัน เพราะเราไปเอามาถึงแหล่งกันเลย พอไปขายจตุจักรคือไร้คู่แข่งเลยตอนนั้นดีเลยครับ ดีเลย”

ส่วนราคาเริ่มต้นก็ 2 พัน 3 พัน 4 พันจนกระทั่งไปถึงหลักหมื่น แต่ละครั้งจะขายได้กว่า70-80% ของไม้ทั้งหมดที่เอาไป ถือว่าเป็นฟีดแบ็คการขายที่ทำให้เรากระตุ้นความอยากทำธุรกิจตัวนี้ขึ้นมาอีก การขายจตุจักรมันทำให้ได้เจอกับพวกพ่อค้าต่าง ๆ พวกรุ่นเดอะพวกผู้ใหญ่ พวกคนที่เขาซื้อขายกันมานาน ทำให้ได้เริ่มเปิดตัวเองในกลุ่มตลาดพวกนี้ด้วย

“ณ วันนี้ไม่ค่อยได้ไปแล้ว ก็จะขายผ่านทางเพจและตามงาน Exhibition มากกว่า ที่ผ่านมาที่หยุดก็คือ รู้สึกว่าราคาไม้มันลงมาแล้ว ลูกค้าหลาย ๆ ท่านเขาก็จะวอล์คอินเข้าสวนใหญ่มากกว่า แต่ผมว่าจตุจักรก็คือน่าจะเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่แบบว่าเอาไม้ไปเหมือนกับไปแสดง แล้วก็จะมีต่างชาติหรือมาออร์เดอเนี่ยจอมว่าหลัก ๆ ก็อย่างนี้แหละ” อีกอย่างคือในยุคนี้ก็จะมี ต่างชาติ (พ่อค้า) มา Live สดเพื่อขายต้นไม้ด้วย โดยเฉพาะตามงานโชว์ไม้งานใหญ่ ๆ เขาก็จะมาไลฟ์สด แล้วก็ขายต้นไม้กันทางเพจ ซึ่งคนที่เอฟ(ซื้อ) ก็จะสะดวกสบายด้วย เพราะจะมีโบรกเกอร์คอยดูแลเรื่องจัดส่งให้อยู่แล้ว


ไม้ที่ชอบเป็นพิเศษ และการเรียนรู้เรื่องไม้
“ก้านส้ม”(ด่าง) เป็นฟิโลเดนดรอนตัวหนึ่งที่ใบมันจะเรียวยาว แล้วก็ตัวก้านจะเป็นสีส้มเขาก็จะเรียกว่า “ก้านส้ม” แล้วก็ถ้าเป็น “ต้นด่าง” มันจะเป็นลายที่แบบต่างกันแต่ละใบ แล้วลายจะสวยมาก ทั้ง3 ลักษณะเด่นนี้ของไม้ “ก้านส้ม” ที่ทำให้ชอบมาก แต่ยากของสายพันธุ์นี้ก็คือมันก็ไม่ได้นิ่ง ไม้ด่างก็ไม่นิ่งอยู่แล้ว ก็คือขยายพันธุ์จะยากหน่อย “แรก ๆ จะซื้อเข้าก่อนแล้วก็พอมีจำนวนประมาณหนึ่งก็จะเริ่มตัดยอด เพื่อนำไปเพาะชำสำหรับการขยายพันธุ์ต่อ โดยเอาไปอบและปลูกอยู่ในวัสดุ substate ที่มีความพรุน โปร่ง ช่วยเรื่องการระบายน้ำได้ดี

ไม้ตัวโปรดเลยต่อมาคือ เป็นพวก “อัลโบ้”หรือมอนสเตร่าอัลโบ้ จุดเด่นเขาจะเป็นที่ “ลาย” เหมือนกัน ลักษณะใบกับลวดลายที่มันสวย(อัลโบ้คือสีขาว) มันจะเป็นด่างสีขาว แล้วพอเลี้ยงไปเรื่อย ๆ ใบมันจะใหญ่ขึ้นแล้วจะมี “รู” ซึ่งรูก็จะมีความถี่ขึ้น มันก็จะมีความสวยงาม ต่างชาติจะนำไปแต่งในบ้านเป็นdecorate บ้านของเขา“แล้วมันจะเป็นวัฒนธรรมที่เอามาจากไอจี อย่างเงี้ย ที่ต่างชาติเขาโพสต์ในบ้าน(ไม้อัลโบ้) แล้วมันเป็นไวรัล มีช่วงหนึ่งที่คนไทยก็มาทำบ้าง เกิดไอเดีย แล้วเราก็เคยเอามาเลี้ยงดูที่บ้านแล้ว มันก็เลี้ยงง่าย คือเคยเลี้ยงถึงขนาดแดด100% ก็อยู่ได้ครับ แต่จริง ๆ แล้วถ้าให้ดีสัก70% หรือ 80% กำลังดี”

จอมบอกด้วย ไม้ส่วนใหญ่ที่ทำอยู่จะเป็นไม้นำเข้า ไม้นำเข้ามาก่อนแล้วก็มาขยายพันธุ์ต่อ อย่าง อัลโบ้ มอนมิ้นต์ มอนสเตร่าที่เป็นด่างแปลก ๆ ที่เป็น “ไม้เมล็ด” พวกนี้จะนำเข้ามาจ ากบราซิล จะเป็นไม้ที่มีความหลากหลายของการด่าง ก็จะเป็นไม้ที่มีจำนวน


ไม้ตลาดก็มีจำนวน ไม้ใหม่ ๆ ก็ต้องหามาเพิ่มจุดขาย
ลูกค้าจะมีทั้ง คนไทยและต่างชาติ หลัก ๆ ตอนนี้ก็จะเป็นพ่อค้าด้วยกัน ซื้อมาแล้วก็เอาไปขาย แล้วก็จะมีต่างชาติซึ่งกลุ่มต่างชาติก็จะทักมาทางเพจด้วย หรือว่าจะเป็นตามงานแฟร์ต่าง ๆ ที่เวลามีคนมา Live สด ขายต้นไม้ที่หน้าร้าน พอไลฟ์เสร็จก็จะมีคนทักมาหลังไมค์อีกทีหนึ่งว่า มีต้นนี้อีกไหมอยากได้เพิ่ม อย่างนี้เป็นต้น

“ถ้าเป็นไม้ตลาดก็จะมีพอสมควรครับ แต่ตอนนี้จุดประสงค์ของเราคือเราอยากได้พวก ไม้ที่มันแปลกแล้วไม้ที่ขยายพันธุ์ยากครับ เอาเข้ามาลองทำจำนวนดูซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาหน่อย เพราะอย่างตอนนี้ไม้ตลาดก็ เรามีเขาก็มี เราก็เลยรู้สึกว่า โอเคเราควรจะดูไม้ใหม่ ๆ มาเพื่อจะสร้างความแตกต่างให้ตลาด แล้วก็หลาย ๆ คนอยากได้จุดที่ หาของใหม่มาสะสมกันอย่างเงี้ยครับ”


ราคาไม้มีขึ้น-มีลงแต่เป็นอาชีพที่สร้างความสุขด้วย!
 เจ้าของ Live with Plants เนอสเซอรี่ บอกด้วยว่า จริง ๆ ราคาต้นไม้มันจะมีความdepend on กับราคาตลาด เพราะราคาต้นไม้ไม่นิ่ง จะมีแบบทั้งขึ้นและลง แต่ส่วนใหญ่จะลงมากกว่า แล้วก็จะเป็นช่วง ๆ ด้วยอย่างวันนี้ ราคานี้ อาทิตย์หน้าอาจจะราคาต่ำกว่านี้ก็ได้ มันอยู่ที่ด้วยความที่ตอนนี้โซเชียลฯ คนซื้อขายกันทางโซเชียลฯเยอะ คนที่เขาซื้อต้นไม้เขาจะเปรียบเทียบกับของเจ้าอื่น ๆ ด้วย ต้นนี้ปิดราคาในเพจนี้เท่านี้ ต้นนี้ปิดในไลฟ์นี้เท่านี้ ซึ่งมันจะมีราคาที่ไม่ได้ตายตัว แต่เราก็จะดูหลาย ๆ เจ้ามาลองดูแล้วคำนวณ ราคากลาง ลองดูกก็คาดคะเนจากราคานั้นแล้วถึงจะขายไม้ตัวนั้น ๆ ออกไป ถ้าเป็นสวนใหญ่หรือว่ามาซื้อแล้วก็เอาไปขายต่อ จะขายต่ำกว่าราคาตลาดหน่อยนึงแต่ว่าก็ต้องเป็นตัวที่เรามีจำนวนอยู่ แต่ถ้าตัวไหนเราจำนวนไม่มีจริง ๆ ก็คงต้องราคาเท่ากันหรือว่าอาจจะ มากกว่าในบางตัว เพราะถ้าเราไม่มีเขาก็อาจจะไม่มี ถ้าเป็นไม้หายากส่วนใหญ่จะราคาสูงอยู่ประมาณหนึ่งอยู่แล้ว ซึ่งก็แล้วแต่ตัวด้วย

“คือถ้ามองในมุมของอนาคตนะครับ เรารู้แค่ว่าตอนนี้เรายึดเป็นอาชีพแล้ว แต่ถามว่าเรื่องความ success เอยอะไรเอย มันก็ต้องไปดูที่ตลาดในอนาคต แต่เราคิดว่าจุดหมายของเราจริง ๆ เราอยากทำพวกไม้ที่มัน ไม้แปลก ไม้ด่างก็ต้องมาดูอีกทีหนึ่งว่าเราจะสามารถหาไม้ที่เราอยากได้หรือเปล่า เพราะมันก็ไม่ได้ง่าย ๆ ครับ พวกไม้แปลก-ไม้หายาก(exotic plant) ก็ไม่ได้หาง่าย ๆ แล้วก็มุมมองที่คิดไว้อนาคต ก็คิดว่าอยากเอามาเกี่ยวกับเรื่องตกแต่งบ้านครับ อาจจะทำ เอาความรู้ที่มันมีเกี่ยวกับการปลูกไม้สะสม ไม้ด่างเนี่ย มาใช้ในการตกแต่งบ้าน” ในอนาคตคืออยากจะทำเป็นอาชีพเหมือนอย่างที่ไปเห็นมาจากต่างประเทศด้วยอันนั้นคือสิ่งที่อยากให้เป็น ก็หวังว่าจะเป็นและก็อยากให้เป็น อยากที่จะไปถึงจุดนั้น เพราะเรารู้สึกว่ามันคงมีความสุขมาก “จอม ศรุต” สุวรรณภักดี เปรยถึงฝันของอาชีพ “ต้นไม้” ที่เขาเริ่มหลงรักและอยากจะอยู่ด้วยในชีวิตต่อไป

ขอบคุณแรงบันดาลใจดี ๆ สามารถติดตามผลงานได้ที่เฟซบุ้กเพจ : Live with Plants



* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด* * *
กำลังโหลดความคิดเห็น