นับจากต้นปี 2566 หุ้นที่พุ่งทะยานอย่างร้อนแรงที่สุดคงไม่มีหุ้นตัวไหนร้อนเกินหุ้น บริษัท ทีอาร์ซี คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRC เพราะขึ้นมาแล้วประมาณ 200% พร้อมข่าวลือการร่วมทุนในโครงการใหญ่
หุ้น TRC เคลื่อนไหวอยู่ประมาณ 30-40 สตางค์มาพักใหญ่ ท่ามกลางมูลค่าซื้อขายที่เบาบางเพียงไม่กี่ล้านบาทต่อวัน โดยวันที่ 4 มกราคม 2566 ราคาปิดที่ 28 สตางค์ ก่อนจะวิ่งขึ้นต่อเนื่อง จนวันที่ 6 กุมภาพันธ์ขึ้นมาปิดที่ 84 สตางค์ มูลค่าซื้อขาย 700.06 ล้านบาท
ในระยะเวลาเดือนเศษ ราคาหุ้น TRC ปรับตัวขึ้น 56 สตางค์ หรือเพิ่มขึ้น 200% และเป็นหุ้นที่ร้อนที่สุดนับจากต้นปี
เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2565 TRC แจ้งผ่านตลาดหลักทรัพย์ถึงการชนะการประกวดราคา โครงการพัฒนาพื้นที่ชมชุนเทศบาลตำบลกำแพง อำเภอระงู จังหวัดสตูล มูลค่างาน 128.50 ล้านบาท แต่ไม่ใช่ข่าวดีที่กระตุ้นราคาหุ้น
เพราะปัจจัยที่ปลุกให้นักลงทุนแห่เข้ามาเก็งกำไร เกิดจากข่าวลือการที่ TRC จะเข้าร่วมทุนในเหมืองโปแตช ที่จังหวัดชัยภูมิ ซึ่งบริษัทไม่ได้ปฏิเสธข่าวลือเสียทีเดียว เพียงแต่ตอบข้อสอบถามของตลาดหลักทรัพย์ โดยระบุว่า โครงการร่วมทุนอยู่ระหว่างการพิจารณา ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอน ภายใต้กฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
การร่วมทุนเหมืองโปแตชที่จังหวัดชัยภูมิ ยังต้องใช้เวลาอีกยาวนาน เพราะมีอีกหลายขั้นตอนที่ TRC ต้องแก้ปัญหา เนื่องจากมีหนี้สินจำนวนมาก และฐานะการเงินบริษัทไม่ดีนัก ผลประกอบการขาดทุนต่อเนื่อง และถูกตลาดหลักทรัพย์ขึ้นเครื่องหมาย C ตั้งแต่วันที่ 17 พฤศจิกายน 2563 เพราะส่วนของผู้ถือหุ้นตำกว่า 50% ของทุนชำระแล้ว
ผลประกอบการ TRC ปี 2562 ขาดทุนสุทธิ 293.28 ล้านบาท ปี 2563 ขาดทุนสุทธิ 444.17 ล้านบาท ปี 2564 ขาดทุนสุทธิ 57.39 ล้านบาท และงวด 9 เดือนแรกปี 2565 ขาดทุนสุทธิ 59.57 ล้านบาท ลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 97.21 ล้านบาท
แม้จะเป็นหุ้นตัวเล็ก และในบางช่วงเวลาไม่อยู่ในความสนใจของนักลงทุน มูลค่าการซื้อขายบางตา แต่จำนวนผู้ถือหุ้นรายย่อยของ TRC มีจำนวนถึง 14,198 ราย ถือหุ้นรวมกันในสัดส่วน 69.73% ของทุนจดทะเบียน โดยมีบริษัท เคพีเค 1999 จำกัด เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ในสัดส่วน 28.30% ของทุนจดทะเบียน
ความร้อนแรงของ TRC ถูกตลาดหลักทรัพย์จับจ้องมาระยะหนึ่งแล้ว จนหลังปิดการซื้อขายหุ้นวันที่ 6 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ได้ประกาศใช้มาตรการกำกับการซื้อขายหุ้นขั้นที่ 1 โดยกำหนดให้ซื้อหุ้นด้วยเงินหรือเครดิตบาลานซ์ มีผลตั้งแต่วันที่ 7 กุมภาพันธ์
ผลของการประกาศใช้มาตรการกำกับการซื้อขาย ทำให้หุ้น TRC ไปต่อไม่ไหว โดยราคาแผ่วลง โดยปิดการซื้อขายวันที่ 7 กุมภาพันธ์ที่ 83 สตางค์ ลดลง 1 สตางค์ แต่มูลค่าซื้อขายยังหนาแน่น 469.66 ล้านบาท
การถูกมาตรการกำกับการซื้อขายเพื่อดับความร้อนแรงของราคาหุ้นไม่ใช่ครั้งแรกของ TRC เพราะก่อนหน้าก็ถูกมาตรการกำกับการซื้อขายมาเป็นระยะ จนราคาหุ้นแผ่วลง
เพียงแต่การถูกตลาดหลักทรัพย์ใช้มาตรการกำกับการซื้อขายครั้งล่าสุดจะดับร้อนหุ้น TRC ได้ขนาดไหน ราคาจะหยุดพักเพียงชั่วคราว แล้วเดินหน้าต่อ หรือจะหยุดอยู่แถวนี้ จนกว่าข่าวดีการร่วมทุนเหมืองโปแตชจะมีความคืบหน้าที่ชัดเจน
ราคาหุ้น TRC ที่มาไกลขนาดนี้ เพราะแรงดันจากข่าวลือการร่วมลงทุนในเหมืองโปแตชที่จังหวัดชัยภูมิเพียงประการเดียว
คำถามคือ หุ้น TRC วิ่งขึ้นมารอรับข่าวมากเกินไปแล้วหรือไม่เท่านั้น
