xs
xsm
sm
md
lg

10 หุ้นดัง เม่าสุด SAD ราคาอย่าง BAD ปรับลงต่อเนื่อง 4 ปีติด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



หุุ้น SET100 เป็นกลุ่มหุ้นที่นักลงทุนนิยมกันมากเนื่องจากเป็นการคัดกรองขั้นต้นมาจากตลาดหลักทรัพย์แล้ว แต่ทว่ายังมีหุ้นในกลุ่มนี้ ที่ราคา ลดลงทุกปีตั้งแต่สิ้นปี 2562 จนถึง สิ้นปี 2565 ราคาไหลรูดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตรวจสอบพบมี 10 หลักทรัพย์ดังต่อไปนี้

1.BGRIM (บมจ.บี.กริม เพาเวอร์) สิ้นปี 62 ปิด 52.50 บาท ,สิ้นปี 63 ปิด 48.50 บาท ,สิ้นปี 64 ปิด 40.50 บาท ,สิ้นปี65 ปิด 39.75 บาท , ล่าสุด 27 ม.ค.66 ปิด 40.50 บาท, มาร์เก็ตแคปปี 62 มูลค่า จาก 136,862.25 ล้านบาทเหลือ 103,624.27 ล้านบาทเมื่อสิ้นปี 65 ,ผลตอบราคาย้อนหลัง เริ่มจาก YTD ปี 66 อยู่ที่ +1.89 % , YTDปี 65 อยู่ที่ -1.85% , YTDปี 64 อยู่ที่ -16.49% , ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์ คือ 42.75 / 29.75 บาท ปัจจุบัน มี B. GRIMM POWER (SINGAPORE) PTE. LTD. ถือใหญ่สุด ถือ 26.79% อันดับ 2 คือนาย ฮาราลด์ ลิงค์ 23.84% และมีสำนักงานประกันสังคม ถืออันดับ 7 ถือ 1.25%
 
บล.เคจีไอ มอง BGRIM ปี 2566 ยังตั้งเป้าขยายกำลังการผลิตติดตั้งเชิงรุกเป็น 10GWh ภายในปี 2573 โดยโครงการพลังงานหมุนเวียน (RE) จะคิดเป็น 50% ของทั้งหมด (จาก 25% ในปี 2565)

2.BCPG (บมจ.บีซีพีจี) สิ้นปี 62 ปิด 16.20 บาท ,สิ้นปี 63 ปิด 14.20 บาท ,สิ้นปี 64 ปิด 12.00 บาท ,สิ้นปี 65 ปิด 10.20 บาท , ล่าสุด 27 ม.ค.66 ปิด 9.90 บาท,มาร์เก็ตแคปปี 62 มูลค่า จาก 32,382.05 ล้านบาทเหลือ 29,658.42 ล้านบาท เมื่อสิ้นปี 65 ,ผลตอบราคาย้อนหลัง เริ่มจาก YTD ปี 66 อยู่ที่ -2.94% , YTDปี 65 อยู่ที่ -15.00% , YTDปี 64 อยู่ที่ -15.49% , ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์ คือ 13.40 / 8.70 บาท ,ปัจจุบัน มี บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ถือใหญ่สุด ถือ 57.42 % และสำนักงานประกันสังคม ถืออันดับ 10 ถือ 0.68%
 
บล.ฟิลลิปประมาณการกำไรสุทธิปี 2566 ไว้ที่ 1,296 ล้านบาท เนื่องจากปีก่อนหน้ามีรายการพิเศษจากการขายเงินลงทุนเข้ามา

3.OSP (บมจ.โอสถสภา) สิ้นปี 62 ปิด 40.50 บาท ,สิ้นปี 63 ปิด 35.50 บาท ,สิ้นปี 64 ปิด 34.25 บาท ,สิ้นปี 65 ปิด 28.25 บาท , ล่าสุด 27 ม.ค.66 ปิด 29.25 บาท,มาร์เก็ตแคปปี 62 มูลค่า จาก 121,651.88 ล้านบาทเหลือ 84,855.94 ล้านบาทเมื่อสิ้นปี 65 ,ผลตอบราคาย้อนหลัง เริ่มจาก YTD ปี 66 อยู่ที่ +3.54% , YTD ปี 65 อยู่ที่ -17.52% , YTD ปี 64 อยู่ที่ -3.52% , ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์ คือ 38.25 / 24.80 บาท , นายนิติ โอสถานุเคราะห์ ถือใหญ่สุด ถือ 24.07% และมีคนนามสกุลโอสถานุเคราะห์ ร่วมถืออีก 6 คน(เสรี-ภาสุรี- เกสรา-ธัชรินทร์-คฑา- นาฑี) และนักลงทุนเบอร์ใหญ่อย่างนาย ปริญญา เธียรวร ถืออันดับ 7 ถือ 2.57%
 
บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ คาดไตรมาส 1/66 ยอดขายรับผลบวก ช้อปดีมีคืน และต้นทุนก๊าซธรรมชาติ และบรรจุภัณฑ์แก้วและกระป๋องที่ลดลง และคาดต้นทุนจะลดลงมากครึ่งหลังปี 66 ช่วยหนุนกำไร

4.PTG (บมจ.พีทีจี เอ็นเนอยี) สิ้นปี 62 ปิด 16.10 บาท ,สิ้นปี 63 ปิด 15.90 บาท ,สิ้นปี 64 ปิด 15.10 บาท ,สิ้นปี 65 ปิด14.50 บาท , ล่าสุด 27 ม.ค.66 ปิด 13.40 บาท ,มาร์เก็ตแคปปี 62 มูลค่าจาก 26,887.00 ล้านบาท เหลือ 24,215.00 ล้านบาทเมื่อสิ้นปี 65 , ผลตอบราคาย้อนหลัง เริ่มจาก YTD ปี 66 อยู่ที่ -7.59% , YTDปี 65 อยู่ที่ -3.97% , YTD ปี 64 อยู่ที่ -5.03% , ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์ คือ 16.40 / 12.90 บาท , ปัจจุบัน บริษัท รัชกิจ โฮลดิ้ง จำกัด ถือใหญ่สุด ถือ25.12 % และมีคนนามสกุล "รัชกิจประการ" ร่วมถือหุ้นอีกคน 2 คน (พิทักษ์-พิพัฒน์) และนามสกุล "วชิรศักดิ์พานิช" อีก 2 คน (พงษ์ศักดิ์ - วีรศักดิ์)
 
บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) คาด PTG ไตรมาส 4/65 ขาดทุน 25 ล้านบาท พลิกขาดทุนจากไตรมาสก่อน แต่ขาดทุนลดลงจากงวดเดียวกัน

5.PTT (บมจ.ปตท.) สิ้นปี 62 ปิด 44.00 บาท , สิ้นปี 63 ปิด 42.50 บาท ,สิ้นปี 64 ปิด 38.00 บาท ,สิ้นปี 65 ปิด 33.25 บาท , ล่าสุด 27 ม.ค.66 ปิด 33.25 บาท, มาร์เก็ตแคปปี 62 มูลค่าจาก 1,256,771.83 ล้านบาท เหลือ 949,719.63 ล้านบาท เมื่อสิ้นปี 65 , ผลตอบราคาย้อนหลัง เริ่มจาก YTD ปี 66 อยู่ที่ 0.00% , YTDปี 65 อยู่ที่ -12.50% , YTDปี 64 อยู่ที่ -10.59% , ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ52สัปดาห์ คือ 41.25 / 30.75 บาท , ปัจจุบันกระทรวงการคลัง ถือใหญ่สุด ถือ 51.11% และมีสำนักงานประกันสังคม ถืออันดับ 7 ถือ 1.54%
 
บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) คาดแนวโน้มกำไรไตรมาส 4/65 และปี 2566 คาดว่าจะฟื้นตัวจากฐานที่ต่ำ แต่ไตรมาส 4/65 ยังถูกถ่วงจากราคาขายก๊าซที่มีแนวโน้มลดลง ตามราคาน้ำมันเตา และปิโตรเคมี รวมทั้งผลกระทบจากนโยบายพลังงานของภาครัฐเพิ่มขึ้น

6.SAWAD (บมจ.ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น) สิ้นปี 62 ปิด 68.50 บาท ,สิ้นปี 63 ปิด 65.75 บาท ,สิ้นปี 64 ปิด 61.75 บาท ,สิ้นปี 65 ปิด 48.75 บาท , ล่าสุด 27 ม.ค.66 ปิด 54.00 บาท,มาร์เก็ตแคปปี 62 มูลค่าจาก 91,532.94 ล้านบาท เหลือ 66,941.18 ล้านบาทเมื่อสิ้นปี 65 ,ผลตอบราคาย้อนหลัง เริ่มจาก YTD ปี 66 อยู่ที่ +10.77% , YTD ปี 65 อยู่ที่ -21.05% , YTD ปี 64 อยู่ที่ -6.08 % , ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ52สัปดาห์ คือ 66.00 / 38.00 บาท ,ปัจจุบัน น.ส. ธิดา แก้วบุตตา ถือใหญ่สุด ถือ 20.74 %และมีคนนามสกุล แก้วบุตตา ร่วมถืออีก 2 คน (ดวงใจ-จริยา)
 
บล.เอเอสแอล ประมาณการกำไรสุทธิในปี 66 อยู่ที่ 5.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.3% จากงวดเดียวกันของปีก่อน

7.VGI (บมจ.วีจีไอ) สิ้นปี 62 ปิด 9.55 บาท ,สิ้นปี 63 ปิด 6.65 บาท ,สิ้นปี 64 ปิด 6.60 บาท ,สิ้นปี 65 ปิด 4.40 บาท , ล่าสุด 27 ม.ค.66 ปิด 4.66 บาท, มาร์เก็ตแคปปี 62 มูลค่าจาก 82,236.63 ล้านบาท เหลือ 49,255.88 ล้านบาทเมื่อสิ้นปี 65 ,ผลตอบราคาย้อนหลัง เริ่มจาก YTD ปี 66 อยู่ที่ +5.90% , YTD ปี 65 อยู่ที่ -30.55% , YTDปี 64 อยู่ที่ -0.75% , ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์ คือ 5.86 / 3.46 บาท ,ปัจจุบัน บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ถือใหญ่สุด ถือ 29.66%บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ถืออันดับ 2 ถือ 22.49% และธนาคาร กรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ถืออันดับ 3 ถือ 8.36%
 
โบรกมองปี 66 ธุรกิจสื่อนอกบ้านเติบโตต่อเนื่อง โดยจะชิงส่วนแบ่งตลาดจากสื่อทีวีได้มากขึ้นในอีกสามปีข้างหน้าจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตนอกบ้านของคนไทย

8.CPF (บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร) สิ้นปี 62 ปิด 27.50 บาท , สิ้นปี 63 ปิด 26.75 บาท ,สิ้นปี 64 ปิด 25.50 บาท ,สิ้นปี 65 ปิด 24.80 บาท , ล่าสุด 27 ม.ค.66 ปิด 23.60 บาท,มาร์เก็ตแคปปี 62 มูลค่าจาก 236,809.17 ล้านบาท เหลือ 213,558.81 ล้านบาท เมื่อสิ้นปี 65, ผลตอบราคาย้อนหลัง เริ่มจาก YTD ปี 66 อยู่ที่ -4.84 % , YTD ปี 65 อยู่ที่ -2.75% ,YTDปี 64 อยู่ที่ -4.67%, ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์ คือ 27.00 / 22.70 บาท ,ปัจจุบัน บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด ถือใหญ่สุด ถือ25.02% และมี บริษัท เจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง จำกัด ถืออันดับ 3 ถือ 8.34% บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) ถืออันดับ 7 ถือ 2.37% และสำนักงานประกันสังคม ถืออันดับ 6 ถือ 2.85%
 
โบรกเกอร์ ประเมินกำไร Q4/65 อ่อนตัวตามฤดูกาล แนวโน้มปี 2566 การกลับมาเปิดเศรษฐกิจ และการขยายกำลังการผลิตจะช่วยหนุนการเติบโต

9.EGCO (บมจ.ผลิตไฟฟ้า) สิ้นปี 62 ปิด 328.00 บาท ,สิ้นปี 63 ปิด 192.50 บาท ,สิ้นปี 64 ปิด 175.50 บาท ,สิ้นปี 65 ปิด 172.50 บาท , ล่าสุด 27 ม.ค.66 ปิด 176.00 บาท, มาร์เก็ตแคปปี 62 มูลค่าจาก 172,680.52 ล้านบาท เหลือ 90,815.21 ล้านบาท เมื่อสิ้นปี 65 , ผลตอบราคาย้อนหลัง เริ่มจาก YTD ปี 66 อยู่ที่ +2.03% , YTD ปี 65 อยู่ที่ -1.71% , YTD ปี 64 อยู่ที่ -8.83% , ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์ คือ 190.00 / 159.50 บาท ,ปัจจุบัน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ถือใหญ่สุด ถือ 25.41% และสำนักงานประกันสังคม ถืออันดับ 5 ถือ 4.26%
 
EGCO ต้นทุนพลังงานส่วนใหญ่จะส่งผ่านไปยังภาครัฐ (EGAT) ได้เกือบทั้งหมด การเปลี่ยนแปลงของราคาพลังงานจึงส่งผลกระทบต่อกำไรของบริษัทไม่มาก กำไรจากการดำเนินงานจะแปรผันตามการเรียกซื้อไฟฟ้าจากทางภาครัฐ

10.MTC (บมจ. เมืองไทย แคปปิตอล) สิ้นปี 62 ปิด 63.75 บาท , สิ้นปี 63 ปิด 59.00 บาท ,สิ้นปี 64 ปิด 58.75 บาท ,สิ้นปี 65 ปิด 38.00 บาท , ล่าสุด 27 ม.ค.66 ปิด 38.50 บาท, มาร์เก็ตแคปปี 62 มูลค่าจาก 135,150.00 ล้านบาท เหลือ 80,560.00 ล้านบาทเมื่อสิ้นปี 65 ,ผลตอบราคาย้อนหลัง เริ่มจาก YTD ปี 66 อยู่ที่ +1.31% , YTDปี 65 อยู่ที่ -35.32% , YTDปี 64 อยู่ที่ -0.42% , ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์ คือ 60.00 / 32.50 บาท ,ปัจจุบัน นาง ดาวนภา เพชรอำไพ ถือใหญ่สุด ถือ 33.96% และนาย ชูชาติ เพ็ชรอำไพ ถืออันดับ 2 ถือ 33.49%
 
MTC วางเป้าปี 66 พอร์ตสินเชื่อโต 20% รับเศรษฐกิจฟื้น-เลือกตั้งหนุน เตรียมออกหุ้นกู้วงเงินประมาณ 2.5 หมื่นล้านบาท
 
อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเหตว่าใน 10 หลักทรัพย์เหล่านี้ มี 4 หลักทรัพย์ ที่มีผู้ถือหุ้นใหญ่คือ สำนักงานประกันสังคมขวัญใจมนุษย์เงินเดือนนั่นเอง!
กำลังโหลดความคิดเห็น