กลายเป็นประเด็นร้อนที่ทั่วโลกต่างจับตาตั้งแต่ประเทศ "เอลซัลวาดอร์" ภายใต้การนำของประธานาธิบดี นายิบ บูเคเล่ ที่ประกาศให้ Bitcoin เป็นสกุลเงินถูกต้องตามกฏหมายของประเทศ ในเดือนกันยายน 2564 และผลักดันนโยบาย crypto city ปักหมุดเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจใหม่ของโลกดิจิทัล แต่ในทางกลับกัน หลังจากประกาศใช้กฏหมายการเงินใหม่ และนโยบายบิทคอยน์นำเศรษฐกิจของประเทศได้ไม่นานดูเหมือนว่าทาง "เอลซัลวาดอร์" เองนั้นก็ตกที่นั่งลำบากทันที จากภาพรวมของประเทศที่เพดานหนี้ท่วมท้นจนถึงจุดพีคใกล้ล้มละลาย เพราะหวังพึ่งตลาดคริปโตแต่ไม่เป็นไปตามที่คาดไว้ จากราคาสูงสุดของบิทคอยน์ที่ US$68,789.63. เหรียญเมื่อช่วงปลายปี 2564 ก่อนที่จะปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องและเคลื่อนไหวอยู่ในแนวลบตลอดทั้งปี 2565 ที่ราคามาแตะจุดต่ำสุดระดับ US$15000 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งลดลงต่ำสุดในรอบ 2 ปี หลังจากที่ Binance ยกเลิกดีลซื้อ FTX ซึ่งช่วงเวลาตลอด 1 ปีที่ผ่านมาดังกล่าวนั้น ทำให้ "เอลซัลวาดอร์" อยู่ในสถานะประเทศปริ่มน้ำเฉกเช่นเดียวกันเวเนซุเอล่า แต่ถึงกระนั้นแม้ว่าในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา ราคาบิทคอยน์จะปรับตัวลดลงมากน้อยแค่ไหน แต่ "นายิบ บูเคเล่" ก็ยังคงเดินหน้าซื้อบิทคอยน์เข้าคลังอย่างต่อเนื่อง แม้จะรู้ดีว่าผลตอบแทนจะลดลงก็ตาม
อย่างไรก็ตามหลังจากที่เริ่มเข้าสู่ปี 2566 ตลาดคริปโตเริ่มสะท้อนสัญญาณฟื้นตัวขึ้น จากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ ชะลอมาตรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยลง เพื่อแก้ปัญหาเงินเฟ้อ ทำให้ตลาดคริปโตเริ่มตั้งหลักได้หายใจหายคอมากขึ้น ซึ่งทำให้ราคาบิทคอยน์ทยอยฟื้นตัวขึ้นมาจากวันที่ 1 มกราคมที่ US$16605 มาวันนี้ล่าสุดอยู่ที่ US$22703 หรือปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า US$6098 หรือคิดเป็น 34% ภายในระยะเวลาเพียง 25 วันเท่านั้น
ด้านนายนายิบ บูเคเล ประธานาธิบดีเอลซัลวาดอร์ เปิดเผยว่า รัฐบาลได้ชำระคืนพันธบัตรมูลค่า 800 ล้านดอลลาร์พร้อมดอกเบี้ยในวันเดียวกับที่ครบกำหนดไถ่ถอน ซึ่งการชำระหนี้เกิดขึ้นแม้จะมีมุมมองในแง่ร้ายว่าประเทศจะประสบกับความท้าทายทางการเงินเนื่องจากความผันผวนของตลาดคริปโต และมุมมองเชิงลบที่มีต่อ Bitcoin
นอกจากนี้ นายิบ บูเคเล ยังได้อ้างถึง The New York Times โดยเฉพาะ ซึ่งอ้างเมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่แล้วว่าการตัดสินใจของเอลซัลวาดอร์ในการซื้อ bitcoin ในระดับเศรษฐกิจมหภาคอาจเป็นอันตรายต่อเครือข่ายการเงินและป้องกันไม่ให้ชำระหนี้ได้ Bukele กล่าวเพิ่มเติมว่าพันธบัตรได้รับการชำระโดยไม่ต้องทำข้อตกลงกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF)
ขณะที่ จ้าว ฉางเผิง CEO ของกระดานเทรด crypto ชั้นนำของโลกอย่าง Binance แสดงความยินดีกับ "เอลซัลวาดอร์" ที่สามารถชำระหนี้ได้ทันตามกำหนด ทำให้ประเทศหลุดพ้นจากวิกฤติลูกหนี้ที่อาจส่งผลให้ประเทศต้องล้มละลาย
“น่าเสียดาย สำหรับการรณรงค์บิดเบือนข้อมูลของสื่อในประเทศและต่างประเทศบางสื่อ เราขอประกาศว่าในวันนี้ เราได้ชำระหนี้พันธบัตรปี 2566 มูลค่า 800 ล้านดอลลาร์พร้อมดอกเบี้ยเรียบร้อยแล้ว” อเลฮานโดร เซลายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เอลซัลวาดอร์
นอกจากนี้ทางด้านสำนักข่าวของประธานาธิบดีซึ่งได้แจ้งกับทางรอยเตอร์ว่า เมื่อเร็วๆ นี้ รัฐบาลได้จ่ายเงิน 604.1 ล้านดอลลาร์และดอกเบี้ย 23.4 ล้านดอลลาร์ รวมทั้งดำเนินธุรกรรมอีก 2 รายการในปี 2565
อย่างไรก็ดีเอลซัลวาดอร์ยังใช้สถานการณ์เศรษฐกิจมหภาคที่ท้าทายเป็นโอกาสในการซื้อสินทรัพย์ดิจิทัลจำนวนมากขึ้น โดยข้อมูลล่าสุดแสดงให้เห็นว่าประเทศถือครอง Bitcoin มากถึง 2,381 BTC แต่ตัวเลขอาจสูงกว่านี้ เนื่องจากประธานาธิบดี Bukele สาบานว่ารัฐบาลจะซื้อหนึ่ง bitcoin ต่อวันในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน อย่างไรก็ตาม ไม่มีข้อมูลว่าการเทเงินเข้าซื้อบิทคอยน์อย่างบ้าคลั่งเป็นไปตามที่สัญญาไว้หรือไม่
ขณะเดียวกันที่ปัจจุบันประเทศต้องสูญเสียมูลค่าเงินของประเทศจำนวนมาก เนื่องจากการอ่อนค่าของตลาด cryptocurrency ซึ่ง "เอลซัลวาดอร์" ใช้เงินกว่า 103 ล้านดอลลาร์เพื่อสะสมสินทรัพย์ดิจิทัลในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งมีมูลค่าน้อยกว่าปัจจุบันเกือบ 2 เท่า
In the past year, almost every legacy international news outlet said that because of our “#Bitcoin bet”, El Salvador was going to default on its debt by January 2023 (since we had an 800 million dollar bond maturing today).
Literally, hundreds of articles https://t.co/rEiK7K13U4— Nayib Bukele (@nayibbukele) January 24, 2023