xs
xsm
sm
md
lg

“ซาบีน่า” รุกแตกไลน์ชุดชั้นใน ชิงตลาดเอาเตอร์แวร์ 7 หมื่นล้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



ผู้จัดการรายวัน 360 - “ซาบีน่า” แตกไลน์ พร้อมลงสมรภูมิเอาต์แวร์วีเมน ชิงตลาดก้อนใหญ่มากกว่า 7 หมื่นล้านบาท สร้างการเติบโตที่เดิมมาจากตลาดชุดชั้นในที่มีมูลค่าตลาดเพียงแค่ 2 หมื่นกว่าล้านบาทเท่านั้น พร้อมรุกต่างประเทศเต็มตัว

นางสาวดวงดาว มหะนาวานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซาบีน่า จำกัด (มหาชน) หรือ SABINA ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายชุดชั้นในแบรนด์ “ซาบีน่า” เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีแผนที่จะขยายธุรกิจในส่วนผลิตภัณฑ์แบรนด์ซาบีน่ามากขึ้นให้เป็นมากกว่าผลิตภัณฑ์ชุดชั้นในหรืออินเนอร์แวร์ ด้วยการขยายตลาดสินค้ากลุ่มใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นเอาต์แวร์ ชุดนอน ชุดว่ายน้ำ แอ็กเซสซอรี่ เครื่องหอม อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

เนื่องจากในตลาดรวมของเครื่องแต่งกายผู้หญิงนั้น เซกเมนต์ที่มีมูลค่ามากที่สุดคือ เอาต์แวร์ ประมาณ 70,877 ล้านบาท สัดส่วนมากถึง 74.38% ขณะที่ตลาดเซกเมนต์อินเนอร์แวร์หรือชุดชั้นใน มีมูลค่าห่างกันมากเพียง 22,236 ล้านบาท มีสัดส่วนเพียง 23.34% เท่านั้น ส่วนอีก 2 เซกเมนต์นั้นเล็กมาก คือ ชุดว่ายน้ำ มูลค่า 1,659 ล้านบาท สัดส่วน 1.74% และชุดนอน มูลค่า 511 ล้านบาท สัดส่วนแค่ 0.54%
 


โดยที่ซาบีน่าเป็นผู้นำในตลาดชุดชั้นในแบรนด์ไทยอยู่แล้ว ด้วยส่วนแบ่งตลาดรวมมากกว่า 12.80% แต่เป็นที่สองในตลาดรวมชุดชั้นใน ห่างจากผู้นำตลาดไม่มากนัก ซึ่งในตลาดรวมชุดชั้นใน แบ่งเป็น มีแบรนด์ 50% และที่ไม่มีแบรนด์หลัก 50% ซึ่งซาบีน่ายังมีโอกาสต่อยอดได้อีกมาก นอกจากนั้นจะทำการผลิตสินค้าที่เกี่ยวกับความยั่งยืนประมาณ 5% จากจำนวนสินค้าทั้งหมดด้วย

รวมทั้งการขยายตลาดต่างประเทศแบบจริงจังมากขึ้น ทั้งในรูปแบบช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ โดยผ่านดิสทริบิวเตอร์ที่แต่งตั้งในแต่ละตลาด เน้นที่ตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก่อน ที่เริ่มไปบ้างแล้วเช่นที่กัมพูชา เวียดนาม ฟิลิปปินส์
ปีนี้จะใช้งบลงทุนทางด้านการผลิตประมาณ 50 ล้านบาท และงบการตลาด 5-10% จากยอดขาย เปิดร้านใหม่ประมาณ 5 สาขา จากขณะนี้ที่มี 526 สาขา

ทั้งนี้ ปีนี้ตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต 10% จากปีก่อน โดยรายได้ยอดขายในปีนี้จะสูงสุดเป็นประวัติการณ์จากก่อนวิกฤตโควิด-19 เมื่อปี พ.ศ. 2562 ที่เคยทำไว้ที่ 3,295 ล้านบาท ปัจจุบัน SABINA มีรายได้จากช่องทางขาย 3 ช่องทาง โดยในปีที่ผ่านมาช่องทางค้าปลีกมีสัดส่วนเมื่อเทียบกับรายได้มากที่สุดโดยอยู่ที่ 65% ของรายได้ ขณะที่ช่องทางออนไลน์อยู่ที่ 25% และช่องทาง OEM อยู่ที่ 10%

ปีนี้บริษัทฯ ยังคงมีเป้าหมายที่จะรักษาสัดส่วนรายได้จากทั้ง 3 ช่องทางไว้ และสร้างการเติบโตของทุกช่องทางได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในส่วนของช่องทางการค้าปลีก ซึ่งได้ผลเชิงบวก จากการผ่อนคลายนโยบายโควิด-19 ของประเทศจีน และปริมาณของนักท่องเที่ยวที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีการปรับแผนเตรียมรับการเติบโต ทั้งในเรื่องปริมาณสินค้า และจุดให้บริการอย่างพร้อมเพรียง ทั้งนี้ ได้มีแผนรองรับการขยายตัวของช่องทางออนไลน์ และรับจ้างผลิตเช่นกัน เพื่อให้โครงสร้างรายได้มีความยืดหยุ่นและเป็นโครงสร้างรายได้ที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งจะส่งผลเชิงบวกให้กับงบการเงินโดยรวมของ SABINA แข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย โดยรายได้ช่วง 9 เดือนแรกปี 2565 เติบโตจากช่วงเดียวกันปีก่อนหน้า 26.9%


นางสาวดวงดาวกล่าวว่า ปัจจัยสนับสนุนสำคัญมาจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากความมั่นใจของผู้บริโภคและกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการท่องเที่ยวที่กลับมาคึกคักขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในปีนี้ ซึ่งสินค้าของ SABINA อิงกับกำลังซื้อในประเทศเป็นหลัก ทำให้บริษัทฯ ได้รับปัจจัยบวกจากสถานการณ์ดังกล่าวอย่างเต็มที่ ขณะเดียวกัน SABINA ยังมีแผนออกสินค้าคอลเลกชันใหม่อย่างต่อเนื่องในปีนี้ เพื่อเพิ่มความหลากหลายและครอบคลุมความต้องการของลูกค้าได้อย่างทั่วถึง

ล่าสุดเปิดตัวหนังโฆษณาใหม่พร้อมกันทุกช่องทางในวันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2566 โดยพรีเซ็นเตอร์หลักยังคงเป็น “ใบเฟิร์น-พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์” สำหรับจุดเด่นของภาพยนตร์โฆษณาชุดนี้อยู่ที่การพัฒนาผลิตภัณฑ์จากข้อมูลเชิงลึก (insight) จากกลุ่มผู้บริโภค ที่พบว่าช่วงโควิดตลอด 2 ปีที่ผ่านมาผู้บริโภคใช้ชีวิตอยู่บ้านหรือทำงานที่บ้านเป็นส่วนใหญ่ จนรู้สึกเสพติดความสบาย และตามหาความสบายเหมือนไม่ได้สวมใส่บรา จนเกิดเป็นนวัตกรรมที่ “ซาบีน่า” ค้นคว้าและวิจัย จนออกมาเป็น “นวัตกรรม SABINA BRALESS สบายเหมือนไม่ได้ใส่บรา” โดยชู 3 นวัตกรรมหลัก คือ เบา (Skin Light) นุ่ม (Cloud on) และเย็น (Air Flow)
กำลังโหลดความคิดเห็น