xs
xsm
sm
md
lg

“จุรินทร์” มอบวุฒิบัตรผู้จบ TEPCot ย้ำร่วมมือเอกชนทำงาน เตือนมี 3 ปัจจัยเสี่ยงที่ต้องระวัง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



“จุรินทร์” มอบวุฒิบัตรผู้สำเร็จหลักสูตรผู้บริหารระดับสูงด้านการค้าและการพาณิชย์ (TEPCot) รุ่น 13-14 ย้ำจะเดินหน้าทำงานร่วมกับภาคเอกชนในเวที กรอ.พาณิชย์ เพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจ การค้า การลงทุนต่อ โชว์ผลงานทำให้ส่งออกปี 65 มีลุ้นแตะ 10 ล้านล้านบาท ชี้อนาคตมี 3 ปัจจัยที่ต้องเผชิญ ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ ความยั่งยืน และเศรษฐกิจโลกชะลอตัว เตรียมแก้เกม ลุยเปิดตลาดมุ่ง 3 ตลาดหลัก ดันเปิดเจรจา FTA ไทย-อียู

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยในการเป็นประธานในพิธีมอบวุฒิบัตรแก่ผู้สำเร็จหลักสูตรผู้บริหารระดับสูงด้านการค้าและการพาณิชย์ (Top Executive Program in Commerce and Trade - TEPCoT) รุ่นที่ 13 และรุ่นที่ 14 ที่ห้องบุรฉัตรไชยากร ชั้น 4 สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ ว่า หลักสูตรนี้เกิดจากความร่วมมือของหลายส่วนเพื่อร่วมกันสร้างสรรค์หลักสูตรสร้างบุคลากรชั้นนำของประเทศให้มีวิสัยทัศน์ สามารถวางกลยุทธ์ เพื่อวางตำแหน่งของประเทศในการแข่งขันทางการค้าในเวทีโลก และเสริมสร้างความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจไทยให้เจริญก้าวหน้าเท่าทันสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

ทั้งนี้ ตั้งแต่เข้ามาทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการทำงานร่วมกันกับภาคเอกชน เพราะเอกชนจะเป็นกลไกสำคัญร่วมมือกับภาครัฐขับเคลื่อนเศรษฐกิจการค้าของประเทศไปสู่เป้าหมายแห่งความสำเร็จ กรอ.พาณิชย์จึงเกิดขึ้นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ และได้ร่วมมือกันแก้ปัญหาเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และอื่นๆ ทำให้ช่วง 4 ปีที่ผ่านมาการแก้ปัญหาการค้าจึงเดินหน้าไปได้อย่างรวดเร็วและแก้ปัญหาอุปสรรคได้มาก ตัวเลขการส่งออกเป็นบวกเพียงไม่กี่ประเทศจากสถานการณ์วิกฤตที่เกิดขึ้นปี 2564 ทำได้ 8.5 ล้านล้านบาท แต่ปี 2565 เชื่อว่าจะทำได้เกือบ 10 ล้านล้านบาท

นายจุรินทร์กล่าวว่า วันนี้และอนาคตอันใกล้การค้าต้องเผชิญกับอย่างน้อย 3 ปัญหา คือ 1. ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์หรือปัญหาความขัดแย้งของโลก จับขั้ว แบ่งข้าง เอาเศรษฐกิจการค้ามัดรวมกับการเมือง และมีการบังคับเลือกข้าง มี 3-4 กลไกใหญ่ เช่น RCEP ที่จีนเป็นพี่ใหญ่ ซึ่งสำเร็จมีผลบังคับใช้แล้ว อินโดแปซิฟิก ที่สหรัฐฯ กำลังเป็นหัวเรือรวบรวมสมาชิก โดยจุดยืนประเทศไทย ต้องเลือกอาเซียน จับมือกับประเทศสมาชิกให้เราตัวโตขึ้น เป็นยุทธศาสตร์ที่ประเทศไทยต้องยืน และเอเปก มีทั้งจีน สหรัฐฯ อนาคตจะพัฒนาเป็น FTA มีจีดีพี 2 ใน 3 ของโลก ถ้าเจรจาสำเร็จ แต่คงอีกยาวนานพอสมควร

2. ความยั่งยืน แปลความหมายได้สองอย่าง คือ ทางบวก ปกป้องสิ่งแวดล้อมและอื่นๆ และทางลบ ในอนาคตจะเป็นเครื่องมือกีดกันทางการค้าของประเทศที่พัฒนาแล้ว

3. ปัญหาเศรษฐกิจโลกชะลอตัว โดยปีนี้คาดว่าจะโต 2.7% ทำการค้าลดความคล่องตัว การส่งออกได้รับผลกระทบ จึงต้องเร่งทะลวงความท้าทาย ภาครัฐต้องจับมือกับภาคเอกชนเดินหน้าต่อไป ปีนี้จะบุกตลาดที่มีศักยภาพอย่างน้อย 3 ตลาดที่ยังบวก คือ ตะวันออกกลาง เอเชียใต้ และ CLMV โดยจะเดินทางไปยังสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) วันที่ 6-8 ก.พ. 2566 เพื่อตั้งสภาความร่วมมือเอกชน 2 ประเทศ และจะไปเซ็น MoU กับบริษัทโลจิสติกส์ทางเรือยักษ์ใหญ่ที่สุดของ UAE มีเครือข่าย 40 ท่าเรือทั่วโลก เพื่อสร้างเงินสร้างอนาคตไว้ให้ประเทศ และเร่งทำ FTA สร้างแต้มต่อให้อนาคต

“ตอนนี้ไทยมี FTA จำนวน 14 ฉบับ กับ 18 ประเทศ ต้องเร่งเพิ่ม โดยเฉพาะกับสหภาพยุโรป (อียู) ที่ติดขัดจากช่วงยึดอำนาจแล้วเลิกเจรจา วันนี้เกือบเสร็จ เหลือฝ่ายการเมืองแสดงเจตจำนง ผมจะไปบรัสเซลส์ เพื่อพบรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีการค้าสหภาพยุโรป จะได้ประชุมหาข้อสรุปนับหนึ่งทางการเมือง หวังว่าไปเที่ยวนี้จะนำความสำเร็จกลับมา ถ้าได้นับหนึ่งเมื่อไร เราจะสร้างเงินสร้างอนาคตให้กับประเทศไทยต่อไป” นายจุรินทร์กล่าว

นอกจากนี้ ประเทศไทยต้องให้ความสำคัญต่อเศรษฐกิจแบบยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องซอฟต์เพาเวอร์ การท่องเที่ยว อุตสาหกรรมการเกษตร บริการสุขภาพ และสังคมผู้สูงอายุ ทั้งหมดต้องเดินหน้าไปสู่ความยั่งยืน เพราะเป็นข้อสรุปที่ถูกต้องที่สุด เป็นสิ่งที่ประเทศไทยต้องทำ และที่สำคัญคือ เป็นสิ่งที่โลกต้องการ สุดท้ายไทยก็ต้องทำ เพราะกลายเป็นกติกาโลก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า TEPCoT เป็นหลักสูตรที่เกิดจากความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย และหอการค้าไทย เปิดการอบรมมาตั้งแต่ปี 2550 ถึงปัจจุบัน โดย TEPCoT เป็นหลักสูตรที่มุ่งสร้างวิสัยทัศน์ที่ได้มาจากการบูรณาการองค์ความรู้ แนวคิด ประสบการณ์ทางการค้า การพาณิชย์ด้านต่างๆ และเสริมสร้างเครือข่ายแก่ผู้บริหารระดับสูงขององค์กรภาครัฐและเอกชน ซึ่งจะเป็นผู้นำและพัฒนาเศรษฐกิจและการพาณิชย์ของประเทศให้เติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต นำพาประเทศไทยสู่การเป็นผู้นำเศรษฐกิจของเอเชียและสามารถแข่งขันได้อย่างโดดเด่นในเวทีโลก
กำลังโหลดความคิดเห็น