xs
xsm
sm
md
lg

เจ้าท่าฯ ตั้ง กก.สอบเรือน้ำมันระเบิดสรุปใน 10 วัน ล่าสุดเสียชีวิต 3 ราย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



กรมเจ้าท่าตั้งกรรมการสอบเรือบรรทุกน้ำมันระเบิด สรุปใน 10 วัน ตั้งประเด็นอู่ซ่อมเรือบรรทุกวัตถุอันตรายทำตามขั้นตอนหรือไม่ พบเรือมีน้ำมันเตา 30,000 ลิตร น้ำมันดีเซล 2,500 ลิตร ล่าสุดเสียชีวิตเป็น 3 ราย ยืนยันเยียวยาตามกฎหมาย

นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รักษาการอธิบดีกรมเจ้าท่า (จท.) เปิดเผยว่า ความคืบหน้า กรณีเหตุเรือบรรทุกน้ำมันสมุธซี 22 ระเบิด ขณะจอดซ่อมบำรุงอยู่ภายในอู่ต่อเรือแห่งหนึ่งในพื้นที่ ม.8 ต.แหลมใหญ่ อ.เมืองจ.สมุทรสงคราม เมื่อเวลา 09.15 น. วันที่ 17 มกราคม 2566 ซึ่งล่าสุด สามารถควบคุมเพลิงได้ 100% แล้ว ขณะที่มีผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 3 ราย ส่วนผู้บาดเจ็บจำนวน 1 ราย

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบเรือบริษัท รวมมิตรด็อคยาร์ด จำกัด ทะเบียนเลขที่ 61132750004 นั้น พบว่าได้รับอนุญาตดำเนินการเมื่อปี 2561 ซึ่งสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 3 ออกคำสั่งปิดอู่เรือที่เกิดเหตุแล้ว

สำหรับเรือบรรทุกน้ำมันสมุธซี 22 ตรวจสอบในขณะที่เกิดระเบิด พบว่ามีน้ำมันเตาค้างประมาณ 30,000 ลิตร และน้ำมันดีเซลสำหรับขับเคลื่อนเรือค้างอยู่ประมาณ 2,500 ลิตร โดยได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนขึ้นมาเร่งหาข้อเท็จจริงทั้งหมด โดยมีผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม เบื้องต้นตั้งประเด็นสอบสวน เช่น การดำเนินการของอู่ต่อเรือ เป็นไปตามกระบวนการและขั้นตอนความปลอดภัยที่กำหนดในการรับเรือขนส่งสินค้าอันตรายเข้าซ่อมบำรุงครบถ้วนหรือไม่ รวมถึงมีสาเหตุ ปัจจัยอื่นทั้งภายนอกและภายในอื่นๆ เกี่ยวข้องให้ครบถ้วนทุกประเด็น

นอกจากนี้ กรมเจ้าท่าจะต้องนำมาตรการ ระเบียบ กฎหมาย เกี่ยวกับการอนุญาตอู่ต่อเรือ การกำกับดูแล และเรือบรรทุกสินค้าอันตราย เพื่อทบทวนว่ายังมีประเด็นใดที่ยังไม่ครอบคลุมหรือไม่ เพื่อดำเนินการแก้ไขเพิ่มเติมต่อไป

สำหรับเรือมีการประภัยภัย ได้แก่ การประกันแบบ Hull & Machinery หรือ H&M เจ้าของเรือ (ผู้ปฏิบัติการ, ผู้เช่าเรือ) จ่ายเบี้ยประกัน คุ้มครองถึงวันที่ 26 มีนาคม 2566 วงเงิน 60 ล้านบาท
และการเข้าเป็นสมาชิกของ P&I Club (Protection and Indemnity Clubs) หรือ การประกันภัย ที่ให้ความคุ้มครองถึงบุคคลที่สาม เจ้าของเรือ (ผู้ปฏิบัติการเรือ, ผู้เช่าเรือ) เป็นผู้จ่ายเบี้ยประกัน คุ้มครองถึงวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2566 วงเงิน 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ


ด้าน นายภูริพัฒน์ ธีระกุลพิศุทธิ์ รองอธิบดีกรมเจ้าท่า ด้านปลอดภัย กล่าวว่า หลังได้รับแจ้งเหตุได้เร่งลงพื้นที่ประมาณ 10 โมงเศษ พบว่าเพลิงยังลุกไหม้อยู่ ซึ่งได้มีการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นเพื่อประเมินสถานการณ์ในการเข้าดำเนินการผจญเพลิงที่ถูกต้องและปลอดภัย การเกิดระเบิดครั้งแรกทำให้ไฟไหม้ มีความร้อน ดังนั้นจึงมีการระเบิดตามมาต่อเนื่อง ซึ่งเกิดจากความร้อน และอาจทำให้เจ้าหน้าที่ตื่นตระหนกในการเข้าดำเนินการ และเกิดกระแสข่าวลือว่าเรือยังบรรทุกน้ำมันอยู่

ซึ่งจากข้อมูลยืนยันว่าเรือไม่มีสินค้าที่เป็นน้ำมัน เป็นเรือเปล่าเพื่อเตรียมการขึ้นอู่ซ่อมใน 1-2 วันข้างหน้า ดังนั้นต้องมีการล้างระวางก่อนตามขั้นตอน ขณะที่เรือลำดังกล่าวต่อขึ้นเมื่อ 4-5 ปีก่อน ถือเป็นเรือใหม่ บรรทุก ผลิตภัณฑ์ที่มีจุดวาบไฟต่ำกว่า 60 องศาเซลเซียส บรรทุกผลิตภัณฑ์ประเภท น้ำมันเบนซิน น้ำมันดีเซล น้ำมันดิบ ซึ่งมีความไวไฟ จึงมีมาตรการที่รัดกุมในการนำเรือขึ้นเพื่อซ่อมบำรุง

โดยต้องล้างถัง ไล่ก๊าซออกจากระวาง จนมั่นใจว่าไม่มีสิ่งที่ทำให้เกิดระเบิดได้ ดังนั้น เมื่อเกิดระเบิดขึ้นดังกล่าว จึงเป็นข้อสงสัยว่าได้ดำเนินการตามขั้นตอนครบถ้วนหรือไม่ โดยกรมเจ้าท่าได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนหาข้อเท็จจริงสาเหตุที่เกิดขึ้น โดยจะสรุปภายใน 10 วัน

พร้อมกันนี้ กรมเจ้าท่าจะเร่งประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ประชาชนผู้ได้รับผลกระทบ บ้านเรือนที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง ขณะนี้เจ้าหน้าที่กรมเจ้าท่าอยู่ในพื้นที่เพื่อประสานกับทุกส่วน ทั้งบริษัทเรือ อู่เรือ บริษัทประกัน จังหวัด ในเรื่องการดูแลความเรียบร้อยและการชดเชยผู้ได้รับผลกระทบ เบื้องต้นประเมินมูลค่าประกัน จะครอบคลุมในการชดเชยความเสียหายผู้ได้รับผลกระทบ
กำลังโหลดความคิดเห็น