xs
xsm
sm
md
lg

Ibusiness review : รู้จักระบบ E-TAX ช้อปดีมีคืนปีนี้ ไม่ต้องเก็บใบกำกับภาษีแบบกระดาษอีก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



ขึ้นต้นศักราชใหม่ หนึ่งในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่าง "ช้อปดีมีคืน" หวนกลับมาอีกครั้ง เพื่อรักษาการบริโภคในประเทศ สนับสนุนผู้ประกอบการที่อยู่ในระบบภาษี อีกทั้งส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเข้าสู่ระบบภาษี และการใช้ระบบภาษีอิเล็กทรอนิกส์ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 ธ.ค. 2565 ที่ผ่านมา ระยะเวลาโครงการตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. ถึง 15 ก.พ. 2566

ปีที่ผ่านมาผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จะนำใบกำกับภาษีเต็มรูป (แบบกระดาษ) ไปลดหย่อนค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการ ตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 30,000 บาท แต่สำหรับปี 2566 เป็นครั้งแรกที่เพิ่มการออก ใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านระบบ e-Tax Invoice & e-Receipt สามารถลดหย่อนภาษีเพิ่มอีก 10,000 บาท รวมเป็นสูงสุดไม่เกิน 40,000 บาท


ถือเป็นการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการใช้ ระบบภาษีอิเล็กทรอนิกส์ หรือ อี-แท็กซ์ (E-TAX) ที่กรมสรรพากรพัฒนาขึ้นเพื่อลดปัญหาการจัดการข้อมูลหรือเอกสารที่อยู่ในรูปของกระดาษ ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการจัดส่งเอกสาร ที่สำคัญก็คือ ลดการใช้เอกสารรูปแบบกระดาษ แต่ยังคงความน่าเชื่อถือและผลผูกพันทางกฎหมายของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์

โดยข้อความในเอกสารจะต้องระบุว่า "เอกสารนี้ได้จัดทำและส่งข้อมูลให้แก่กรมสรรพากรด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์" และ "Digitally Signed by ..." ซึ่งจะระบุเป็นชื่อบริษัท

ขณะที่ผู้ประกอบการ เช่น ห้างสรรพสินค้าบางแห่ง ต่างปรับตัวในการออกใบกำกับภาษีเต็มรูป จากเดิมผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจะต้องไปขอใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบกระดาษ ได้เพิ่มทางเลือกโดยให้ลูกค้าสามารถขอใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบ E-TAX ส่งให้ทางอีเมลเพื่อเป็นหลักฐาน และนำส่งกรมสรรพากร โดยที่ผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ไม่ต้องยื่นหลักฐานอีก


เพราะกรมสรรพากรจะนำข้อมูลที่ผู้ประกอบการส่งเข้ามา เข้าไปในระบบ My Tax Account ที่เว็บไซต์กรมสรรพากรนั่นเอง โดยสามารถตรวจสอบข้อมูล และนำไปใช้ในการกรอกแบบแสดงรายการภาษี ตามสิทธิหักลดหย่อนที่ได้รับ


ข้อมูลจากกรมสรรพากร ณ วันที่ 5 ม.ค. 2566 ระบุว่า มีผู้ประกอบการที่ใช้ระบบ e-Tax Invoice & e-Receipt และ e-Tax Invoice by Email รวม 2,813 ราย แต่ลูกค้าที่ประสงค์จะขอใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบ E-TAX ที่ห้างสรรพสินค้า ต้องแจ้งพนักงานก่อนว่าสามารถออก E-TAX ให้ได้หรือไม่ โดยการยื่นบัตรประชาชน พร้อมเขียนอีเมล เบอร์โทรศัพท์ และรหัสไปรษณีย์

จากการสำรวจของ Ibusiness review พบว่าที่ ท็อปส์ และท็อปส์ ฟู้ดฮอลล์ เมื่อลูกค้ายื่นใบเสร็จรับเงินและบัตรประชาชน พนักงานจะบันทึกข้อมูลใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์โดยอัตโนมัติ โดยจะส่งไปยังอีเมลที่ได้ลงทะเบียนสมาชิกเดอะวัน ด้าน ห้างบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ให้ลูกค้าแจ้งว่าออกเป็น E-TAX โดยจะส่งอีเมลภายใน 15 นาที หากขัดข้องจะส่งในวันถัดไป

ส่วนที่ ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ และร้านค้าเดอะมอลล์กรุ๊ป สามารถออกใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบ E-TAX ได้ แต่ต้องดำเนินการภายในวันที่ซื้อ ไม่สามารถขอออกเอกสารย้อนหลังได้ เพราะต้องจัดทำแบบวันต่อวัน


ส่วนห้างไทวัสดุและบีเอ็นบีโฮม (บ้านแอนด์บียอนด์เดิม) บางสาขาได้จัดทำเครื่องออกใบกำกับภาษีด้วยตัวเอง โดยแคชเชียร์จะสอบถามว่าออกใบกำกับภาษีเป็นกระดาษหรืออิเล็กทรอนิกส์ หากตอบว่าอิเล็กทรอนิกส์จะให้คิวอาร์โค้ด ให้ไปที่จุดบริการลูกค้า จะมีเครื่องออกใบกำกับภาษีด้วยตัวเอง ให้นำใบเสร็จรับเงินที่มีคิวอาร์โค้ด พร้อมบัตรประชาชนตัวจริงมาทำรายการ

ขั้นตอนก็คือ เมื่อลงทะเบียนครั้งแรกให้สอดบัตรประชาชนที่หัวอ่านบัตรประชาชน หากเคยออกใบเสร็จมาก่อนให้เลือกที่อยู่ (ครั้งต่อไปสามารถใช้เบอร์มือถือได้) จากนั้นให้นำใบเสร็จรับเงินมาสแกนคิวอาร์โค้ด เลือกรับเป็น E-TAX แล้วกรอกอีเมลให้ถูกต้อง (สำหรับผู้ที่ใช้งานครั้งแรก) แล้วรอรับใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ทางอีเมล




ส่วนร้านสะดวกซื้อ พบว่า ร้านเซเว่นอีเลฟเว่น ก่อนหน้านี้พัฒนาใบเสร็จอิเล็กทรอนิกส์ผ่าน แอปพลิเคชัน 7-Eleven สามารถขอใบกำกับภาษีได้โดยการกดไปที่รายการซื้อสินค้า กดไปที่ "ขอใบกำกับภาษี" เลือก "บุคคลธรรมดา" ระบุข้อมูล แล้วกด "ยืนยัน" ระบบจะส่งใบกำกับภาษีทางอีเมล และสามารถดาวน์โหลดเอกสารได้ที่เมนู "หน้ารายการซื้อของฉัน" ได้อีกทางหนึ่ง

สำหรับการซื้อสินค้าผ่านทางออนไลน์ บางแห่งออกใบกำกับภาษีในรูปแบบ E-TAX บางแห่งให้ทำรายการด้วยตัวเองผ่านแอปพลิเคชัน ส่วนบางแห่งยังคงออกในรูปแบบกระดาษ จึงควรศึกษาข้อมูล หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ฝ่ายบริการลูกค้าของผู้ประกอบการนั้นๆ เพื่อให้การออกใบกำกับภาษีเป็นไปอย่างถูกต้อง และไม่เสียสิทธิ์ในการใช้ลดหย่อนภาษีนั่นเอง


(เกาะกระแสธุรกิจ เศรษฐกิจสดใหม่ เรื่องราวการตลาดที่ใกล้ชิดผู้บริโภค พบกับคอลัมน์ Ibusiness review เป็นประจำทุกเช้ามืดวันพุธ ทางเว็บไซต์ ibusiness.co และเฟซบุ๊ก Ibusiness)
กำลังโหลดความคิดเห็น